ปชป.สกัดโคตรโกง อ๋อยซัดหัวหน้าคสช. ยิ่งกว่า "เจ้าหน้าที่รัฐ" ทษช.ลุยหาเสียงต่อ

กกต.ไฟเขียว “ประยุทธ์” ปราศรัย-หาเสียงช่วยได้ไม่ขัดกฎหมาย เตือนระวังใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้คุณให้โทษผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมือง “จรุงวิทย์” อุ้ม “อุตตม” ไร้ปัญหานั่ง หน.พลังประชารัฐ อ้อมแอ้มใกล้แล้วจ่อคิวสอบยุบ พปชร. ปชป.ตีปี๊บสกัดโคตรโกงเลือกตั้ง “ชาญชัย” อ้างการข่าวจะโกงกันมโหฬาร จี้ กกต.สอบประวัติ กก.ประจำหน่วยเลือกตั้ง ปิดช่อง กก.เซ็นชื่อแทนผู้ใช้สิทธิ-สวมสิทธิกาบัตร บี้เปิดเผยที่เก็บหีบบัตร “มาร์ค” เกทับไม่เลิกบัตรคนจนแต่จะทำให้เริ่ดกว่า “อ๋อย” อัดหน. คสช.ยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ “เต้น” ฉะอำนาจล้นกินเงินเดือนหลวงอันตราย “จตุพร” ไล่ “บิ๊กตู่” รีบวางมือก่อนซ้ำรอย รสช.ได้กลิ่นไม่ดีเดินหน้าเข้าคูหา 24 มี.ค. ยัง 50:50 “สุวิทย์” บุกโครงการขอสานต่องานนายกฯตู่ “เจ๊หน่อย” ถกนักธุรกิจ ดันเมืองย่าโมศูนย์กลางเศรษฐกิจไทย

ขณะที่หลายพรรคการเมืองเดินหน้าลุยหาเสียงในสนามเลือกตั้ง พร้อมกับการเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งพิจารณาคำร้องยุบพรรคพลังประชารัฐให้รวดเร็วเป็นมาตรฐานเดียวกับการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาเรียกร้อง ให้ กกต.เร่งป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกรณีที่อาจเกิดครหาการโกงเลือกตั้งที่เกิดจากคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) มีส่วนร่วม

ปชป.จี้ กกต.สอบ กปน.สกัดโคตรโกง

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 28 ก.พ. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบประวัติคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ว่าที่ผ่านมามีการทุจริตเลือกตั้งหลายรูปแบบ ปัญหาใหญ่คือการทุจริตเลือกตั้งโดยกปน. เช่นใน จ.นครนายก ที่ตนเคยฟ้องศาลเรียกเอกสารจาก กกต.กว่า 3 แสนแผ่นมาตรวจสอบการโกงยกจังหวัด พบว่า กปน.เซ็นชื่อแทนผู้มาใช้สิทธิโดยลายมือคนเดียวกัน และเจอหลักฐานสอบทานต้นขั้วและปลายทาง พบนำบัตรเลือกตั้งไปลงคะแนนแทนคนที่ไม่ได้มาใช้สิทธิ จึงขอให้ กกต.กวดขันแจ้งพรรค หรือผู้สมัครทราบ ร่วมกันตรวจสอบประวัติว่าเป็นกลางหรือมีพฤติกรรมอาจก่อให้เกิดทุจริต และการจัดเก็บหีบบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนล่วงหน้า ขอให้เปิดเผยให้สังคมทราบจะนำไปเก็บไว้ที่ใดอย่างไร ครั้งนี้มีผู้ขอใช้สิทธิล่วงหน้ามากถึง 2.8 ล้านคน ถ้ามีทุจริตจะบล็อกโหวตหรือส่งผลกระทบต่อการนับคะแนนกระทบยอด ส.ส.ทั้งสองระบบได้ การข่าวเราทราบว่าจะมีการโกงเลือกตั้งมโหฬาร ขอให้ กกต.รีบปิดช่องว่าง

...

ยันผู้สมัคร ส.ส.–พรรคมีสิทธิเช็ก

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายกฎหมายพรรค กล่าวว่า นายชาญชัยได้ยกตัวอย่างการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่แล้ว คดีจบในชั้นศาลยุติธรรม เตือนให้ กกต.ทราบเพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้สุจริต เสรี เป็นธรรม เพราะตามระเบียบของ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2561 ข้อที่ 26 ระบุชัดว่าผู้สมัครและพรรค การเมืองมีสิทธิทราบว่าใครถูกแต่งตั้งเป็น กปน. รวมถึง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองปี พ.ศ.2539 บัญญัติชัดให้สิทธิคนไทยทุกคนมีสิทธิตรวจสอบบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือกรรมการต่างๆของรัฐได้ ทั้งสองประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ต้องใส่ใจ เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดซ้ำซ้อนขึ้นอีก

ดักคอเฟ้น ส.ว.อย่าชงเองกินเอง

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเเต่งตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมเป็นประธานสรรหา ส.ว.และหลายคนใน คสช.นั่งเป็นกรรมการว่า หลายฝ่ายอาจตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติระบุไว้ว่าให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว.ต้องเป็นกลางทางการเมือง แต่อำนาจสุดท้ายอยู่ที่การจิ้มของหัวหน้า คสช.อยู่ดี คนที่เป็นกลางทางการเมืองมีมากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้คนจาก คสช.ทั้งหมด เตือนด้วยความหวังดีจะถูกครหาชงเองกินเองโดยไม่จำเป็น

“มาร์ค” สะกิดคนร้อยเอ็ดดูของจริง–เก๊

เมื่อเวลา 09.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายวิทูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน นายอิสสระ สมชัย รองหัวหน้าพรรคดูแลภารกิจภาคอีสานพร้อมคณะ ลงพื้นที่พบประชาชน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดทั้ง 7 เขต โดยนายอภิสิทธิ์ขึ้นรถแห่รอบเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดไปยังศูนย์ประชุมสาเกตฮอลล์ และกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีการแข่งขันนโยบายของทุกพรรค ประชาชนต้องแยกแยะให้ดีว่าพรรคไหนเป็นของจริง พรรคไหนของลอกเลียน หลายนโยบายประชาธิปัตย์เริ่มต้นเปิดตัวมาก่อน แต่มีหลายพรรคมาพูดทีหลังพร้อมเกทับ นโยบายจะทำได้จริงหรือไม่ต้องดูที่มาของนโยบายให้ดี ถามว่า เราอยากให้เม็ดเงินมากกว่านี้หรือไม่อยากให้ แต่ต้องไม่ลืมว่าทุกบาททุกสตางค์คือเงินภาษีของประชาชน ถ้าหากมีการแจกแบบลดแลกแจกแถม ไม่คำนึงถึงว่าเงินของรัฐบาลมีพอหรือไม่ สุดท้ายโครงการล้มไป หรือรัฐบาลมีหนี้สินล้นพ้นตัวเป็นภาระประชาชนอีก

บัตรคนจนไม่เลิกจะทำให้เริ่ดกว่า

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์มาที่โรงแรมสาเกตนคร อ.เมืองร้อยเอ็ด พบปะกลุ่มชาวบ้าน พร้อมกล่าวปราศรัยว่า การแก้ปัญหาข้าวด้วยนโยบายประกันรายได้ของประชาธิปัตย์อาจไม่หวือหวา แต่ไม่เคยสร้างความเสียหายให้ประเทศ เพราะไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าได้กลับเข้ามาบริหารบ้านเมืองจะนำนโยบายประกันรายได้กลับมาใช้กับพืชเกษตรหลายตัว อาทิ ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ช่วยเกษตรกรให้หายจน มีเงินจับจ่าย เศรษฐกิจจะหมุนเวียน ส่วนจุดอ่อนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนที่แก้จนไม่ได้จริง แถมยังซ้ำเติมเศรษฐกิจชุมชน พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยกเลิก แต่จะปรับปรุงให้ตอบสนองความต้องการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น 4 ข้อ 1.คนจนทุกคนต้องได้บัตร 2.คนไม่จนจริงต้องเก็บคืน 3.สิทธิรับเงินเดือนละ 800 บาท ตัดเงื่อนไขยุ่งยากไป 4.จ่ายเป็นเงินสด 800 บาท เข้าบัญชีทันที ใช้จ่ายได้อิสระเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

ปลุกถึงเวลาคนอีสานได้เกิดใหม่

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่าผู้สมัครของพรรคในภาคอีสานมุ่งมั่น อยู่ติดพื้นที่ มีประสบการณ์การเมือง คาดหวังจะมาทำงานรับใช้ประชาชน ปัญหาของภาคอีสาน คือการเกษตร ปัญหาที่ทำกิน ปัญหาน้ำ ราคาพืชผลเกษตร นโยบายโฉนดสีฟ้า กองทุนน้ำชุมชนจะช่วยตอบโจทย์ได้ นโยบายประกันรายได้จะตอบโจทย์สำหรับข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด และจะมีนโยบายเฉพาะอ้อยด้วย มั่นใจว่าปัญหาการเกษตรถ้าเราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้จะกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้ในระยะสั้น ส่วนระยะยาวมีนโยบายเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานใช้การเชื่อมโยงกับภูมิภาคทำให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการเอาระบบกระจายอำนาจ ระบบมหานครมาจับ น่าจะเป็นการสร้างโอกาสเกิดใหม่สำหรับพี่น้องชาวอีสาน พรรคคาดหวังว่าชาวอีสานที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์จะเพิ่มคะแนนเสียงให้พรรคได้ทุกเขต ในเขตที่แพ้อยู่เล็กน้อยคาดว่าจะชนะ

“ตู่” ชี้ทหารมีไว้รบมาแก้ ศก.พังพินาศ

เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ตลาดดินแดง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่ช่วย น.ส.สาวิตรี สาทสุทธิ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 5 หาเสียง โดยนายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลางโหม แถลงข่าวความจำเป็นของการเกณฑ์ทหารว่า เคยอภิปรายในสภาและเคยพูดกับอดีต ผบ.ทบ.ว่าการสร้างทหารอาสา จะได้บุคคลที่เต็มใจเป็นทหารรับใช้ชาติ ทุกอาชีพรับใช้ชาติได้ ไม่ใช่ต้องไปเป็นทหารอย่างเดียว วันนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเกณฑ์ทหาร บางพื้นที่มีคนสมัครมากกว่าจำนวนที่เกณฑ์ ที่สำคัญไม่ได้มีศึกสงคราม ทหารต้องทำหน้าที่รั้วของชาติ ถ้าอยู่ตามแนวชายแดนเป็นรั้วจะทำหน้าที่เป็นอย่างดีตรงกับอาชีพ แต่ทันทีที่ย้ายรั้วมาไว้ที่ห้องรับแขก เศรษฐกิจพังพินาศหมด เพราะทำงานผิดหน้าที่ ชัดเจน 5 ปีนี้ งานที่ทหารไม่ถนัดคือการบริหารประเทศ ทหารฝึกเอาไว้รบ ไม่ใช่มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ท้า “สมชาย” ไปให้สุดยื่นยุบเพื่อชาติ

ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพรแถลงข่าวกรณี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ระบุไม่เห็นด้วยกับการเสนอรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ความพึงพอใจเรื่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อมีปัญหาทุกพรรค เห็นด้วยถ้าพรรคทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินการ สอดคล้องกับคนในคณะของ พ.ต.ท.สมชายที่ไปยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบพรรคเพื่อชาติ ขอให้ พ.ต.ท.สมชายเดินไปให้สุด ตนไม่ได้ยุ มีข้อเท็จจริงอะไรให้นำมาให้หมด ถ้ามีข้อมูลจริงพรรคต้องถูกยุบ หัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคต้องถูกดำเนินคดีอาญา เรื่องการจ่ายเงิน 15 ล้านแลกกับการได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับเลขตัวเดียว กระทบกระเทือนกับพรรค ถ้าเอาความเป็นพรรคไปเร่ขายเป็นความเลวทรามต่ำช้า ถ้ามีข้อเท็จจริงว่าพรรคเพื่อชาติไปเร่ขายตำแหน่ง ส.ส.จริง ไม่ควรมีสถานะเป็นพรรคการเมือง การระดมทุนทางการเมืองกับซื้อขายตำแหน่งเป็นคนละเรื่องกัน และพรรคนี้จะไปขายใครได้จะได้ถึง 10 คนหรือไม่ ในทางปฏิบัติ ขอให้ระบุชื่อตัวตนมาว่าใครไปรับกันที่ไหน พรรคเพื่อชาติอยู่ในตระกูลเพื่อเป็นพรรคที่สถานะทางการเงินย่ำแย่ที่สุด ไม่มีแม้แต่ปัญญาจะติดป้ายหาเสียงให้ได้ทั่วประเทศ

ฉะลูกไม้ตื้นๆ “เทือก” ปลุกผีทักษิณ

นายจตุพรกล่าวด้วยว่า เป็นห่วงสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ปราศรัยหลังไปคารวะแผ่นดินทั้งประเทศแล้วประชาชนไม่ตอบรับจึงมุ่งเป้าย้อนรอยเหตุการณ์ก่อนปี 2557 ประกาศให้ประชาชนเลือกข้างประเทศไทยกับระบอบทักษิณ เพราะรู้ว่าถ้าให้เลือกจะเอา พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่เอา ฝ่ายไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นฝ่ายชนะ จึงใช้ลูกไม้ตื้นๆ ว่าจะเอาประเทศไทยหรือระบอบทักษิณ ปลุกสาวกเก่าให้ประชาชนเลือกข้าง ขอให้ประชาชนเลือกข้างระหว่างนายสุเทพที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กับตนซึ่งไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้เริ่มมีเค้าลางว่าจะไม่ถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. ก่อนหน้านี้ปราศรัยมาดีๆ วันนี้พาออกนอกประเด็นไปโจมตีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขาดแต่เป่านกหวีดกับซันดาวน์ ทั้งนี้จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ 50:50 ที่พูดแบบนี้เพราะนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาพรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยเริ่มแสดงความก้าวร้าวรุนแรงออกอาการเครียด เพราะรู้ว่าพลังประชารัฐจะแพ้ยับเยินได้ ส.ส.ไม่ถึง 150 คน

ปัดแตกคอแยกกันตีตามกลยุทธ์

นายรยุศด์ บุญทัน โฆษกศูนย์อำนวยการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งภาย ในพรรคเพื่อชาติว่า ไม่เป็นความจริง การที่แกนนำ ผู้บริหารพรรค ผู้ช่วยหาเสียง แยกกันออกปราศรัย เป็นยุทธศาสตร์การหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ภายในพรรคยังประสานการทำงานกันตลอดเวลา ส่วนการถูกร้องต่อ กกต.ในกรณีต่างๆ ฝ่ายกฎหมายพรรคพร้อมชี้แจงทุกประเด็น ความไม่พอใจรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเป็นปกติทางการเมือง การลาออกของ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ต้องเคารพการตัดสินใจ กระบวนการสรรหาของพรรคได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง และชอบธรรมตามกฎหมาย การซื้อขายลำดับบัญชีรายชื่อก็ไม่เป็นความจริง

จัดคิวปราศรัยใหญ่ลานคนเมือง

นายอารี ไกรนรา ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติมีกำหนดการลงพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยวันที่ 1 มี.ค. ช่วงเช้าลงพื้นที่เขต 10 ดอนเมือง ช่วงบ่ายลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ วันเสาร์ที่ 2 มี.ค. ช่วงเช้าลงพื้นที่เขต 27 ลาดกระบัง ช่วงบ่ายลงพื้นที่เขต 24 ทุ่งครุ และวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. ช่วงเช้าลงพื้นที่ อ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ช่วงเย็นจัดปราศรัยใหญ่แนะนำตัวผู้สมัคร กทม.ทั้ง 30 เขตที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นำโดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และแกนนำพรรค รวมถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ผู้ช่วยหาเสียงของพรรค สลับกันขึ้นปราศรัย

ขู่ “ประยุทธ์” รีบวางมือก่อนซ้ำรอย รสช.

ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนํา นปช. ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ได้ไปร่วมงานเสวนาทบทวนบทเรียนทางการเมืองไทย 28 ปี หลังรัฐประหารคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน โดยนายจตุพรกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์จะก้าวลงจากอำนาจในขณะที่ยังเป็นที่นิยมของประชาชน หากดึงดันสืบทอดอำนาจ อาจย้อนประวัติศาสตร์เหมือน รสช. ตอนนั้น พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นที่รักของประชาชน แต่สุดท้ายเสียสัตย์อยากเป็นนายกฯ ประชาชนจึงลุกฮือขับไล่ หาก พล.อ.ประยุทธ์วางมือกลับบ้าน บ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ชีวิตคนไทยจะมีความสุข

“ยงยุทธ” ไปลำปางคืนสังคมยุติธรรม

ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. ที่เถินปาร์ค อ.เถิน จ.ลำปาง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้ช่วยผู้หาเสียงพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้นางอำพร โพธิ์ศรี ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 4 มีประชาชนร่วมรับฟังปราศรัยจำนวนมาก โดยนายยงยุทธปราศรัยว่า สังคมไทยมีความไม่ยุติธรรมอยู่ ส่งเสริมเฉพาะคนรวยๆ เช่น การให้สัมปทานโรงเหล้า และออกกฎหมายทำให้ชาวบ้านไม่สามารถผลิตเหล้าได้ ทั้งที่ผลิตเหล้าคุณภาพตามความรู้พื้นบ้านได้ เช่น โรงเหล้าท้องถิ่นตามหมู่บ้านเล็กๆของอังกฤษที่ขายทั่วโลก รวมถึงการให้สัมปทานร้านค้าปลอดภาษี ผู้ได้รับสัมปทานทำกำไรมหาศาล จนซื้อสโมสรฟุตบอลของอังกฤษได้ การค้ากระจุกแค่คนบางกลุ่ม เช่น ร้านสะดวกซื้อที่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กแข่งขันไม่ได้ อีกทั้งยังมีมือที่สามพยายามยุยงปลุกปั่นให้คนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงทะเลาะกัน และมือที่สามเข้ามาแทนที่ พรรคเพื่อชาติจึงมีนโยบายเกาะกลางแก้ไขปัญหานี้โดยตรง แบบเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือขัดแย้งจนต้องมีเกาะกลางระหว่างสองประเทศ ให้เป็นพื้นที่เจรจาให้เกิดความปรองดอง เราเอาแนวคิดนี้มาประยุกต์ดึงคนฝั่งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงมาร่วมพรรค ดำเนินงานทางการเมือง ลดขัดแย้งให้มือที่สามออกไป

ยกระดับ อ.เถิน เป็นจังหวัด

นายยงยุทธกล่าวอีกว่า อ.เถิน มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีประชากรหนาแน่น ถ้าพรรคเพื่อชาติได้ไปเป็นรัฐบาลจะพัฒนา อ.เถิน เป็นพื้นที่นำร่องยกระดับขึ้นเป็นจังหวัดเถิน ปัญหาเฉพาะในพื้นที่เราหาเสียงโดยบอกวิธีแก้ปัญหา นโยบายสำคัญคือการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ให้ทุกหมู่บ้านไปสำรวจตัวเองและความพร้อม จะมีกองทุนฯสนับสนุนให้ทำโฮมสเตย์ กระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนโดยตรง ไม่ใช่การท่องเที่ยวที่กระจุกแค่กลุ่มคนรวยมาลงทุนสร้างโรงแรมโกยรายได้เข้ากระเป๋า แต่ชาวบ้านไม่มีส่วนแบ่งอะไรเลย ส่วนปัญหาคนอยู่กับป่า ที่มีปัญหาที่ดินชาวบ้านทับซ้อนกับพื้นที่ป่า เพราะใช้แผนที่คนละฉบับ ส่วนราชการถือกฎหมายคนละฉบับ ต้องแก้ไขทำแผนที่มาตราส่วนเดียวกันทั้งประเทศแล้วแปลงเอกสารสิทธิที่ดินทุกประเภทให้เป็นโฉนดใบเดียวเท่าเทียมกัน อ.เถิน เป็นพื้นที่สูง ตลอดแนวสองฝั่งแม่น้ำที่ไหลลงที่ราบลุ่ม จะสร้างอ่างเก็บน้ำหรือแก้มลิงในพื้นที่ สปก. หรือที่สาธารณะ ทำพิกัดจีพีเอส บริหารจัดการน้ำไปใช้ในการเกษตร ไม่ต้องใช้ พื้นที่มาก ไม่ต้องไปทำโครงการใหญ่สร้างเขื่อนแม่วงก์

“เทือก” นำทีม รปช.เดินสยาม

เมื่อเวลา 17.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และประธานรณรงค์การเลือกตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อม ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค และนายณัฏพัชร์ กวินกนกกัลป์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 2 ปทุมวัน บางรัก สาทร ขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อรณรงค์หาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรคจากสถานีรถไฟฟ้านานาไปยังสถานีสยาม และลงพบปะประชาชน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนให้การต้อนรับโดยการขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก พร้อมแจกใบปลิวแนะนำนโยบายพรรคท่ามกลางประชาชนที่สัญจรโดยสารด้วยรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

ย้ำไม่สังฆกรรมระบอบ “ทักษิณ”

นายสุเทพกล่าวว่า รปช.ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มั่นใจว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.ทั่วทุกภาค โดยยืนยันจุดยืนของพรรคจะไม่ร่วมกับรัฐบาลระบอบทักษิณไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคไหนก็ไม่เข้าร่วม ส่วนจะร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่นั้น ต้องดูที่ผลการเลือกตั้ง หากพรรค มีจำนวนผู้แทน สามารถร่วมกับเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีนโยบายที่ตรงกันในเรื่องของการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของ กปปส. และมีนโยบายที่จะแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และถ้า พล.อ.ประยุทธ์ รับแนวทางของพรรคได้ก็ทำงานร่วมกันได้ สำหรับจุดยืนที่หลายพรรคการเมืองเรียกร้องให้รวบรวมเสียงข้างมากในสภาจัดตั้งรัฐบาลก่อนรวบรวมเสียง ส.ว. 250 คนนั้น ตนยืนยันจุดยืนชัดเจนทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติมาแล้วถึง 16 ล้านเสียง ว่าใครสามารถรวบรวมเสียงได้เกินครึ่งของจำนวน ส.ส.สามารถเป็นนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลได้

เมินเวทีดีเบตเย้ย “ตู่” ไร้ราคา

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ไปร่วมดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นๆ เช่นเดียวกับตนเองที่ไม่ให้ความสำคัญ เพราะเสียเวลาหาเสียงบางครั้งเป็นการวิวาทะกันมากกว่า สนุกกับพิธีกรแต่ไม่สนุกกับคนที่ไปร่วมดีเบต และส่วนของตนก็ไม่ไปร่วมดีเบต โดยเฉพาะกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อชาติ ที่ออกมาท้าเพราะนายจตุพรเคยเป็นผู้สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองมาก่อน ทั้งนี้ ในช่วงของสุดท้ายของการหาเสียง รปช.จะเดินขอคะแนนเสียง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง แต่จะพูดความจริงกับประชาชน ส่วนการปราศรัยใหญ่จะขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันจะปราศรัยที่ใดไม่สำคัญเพราะมีช่องทางการสื่อสาร ที่ประชาชนสามารถรับรู้ได้ทั่วประเทศ

“สุวิทย์” ขอเสียงสานต่องาน “บิ๊กตู่”

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ จ.นครราชสีมา นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ช่วยนายเกษม ศุภรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และนายทวิรัฐ รักตนเศรษฐ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 หาเสียง โดยก่อนหาเสียงได้กราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อความเป็นสิริมงคล นายสุวิทย์กล่าวกับชาวบ้านว่า จ.นครราชสีมาเป็นเมืองหลวงภาคอีสาน พรรคตั้งใจอยากให้คนโคราชเลือกผู้สมัครทั้ง 14 เขตเป็นตัวแทนไปสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้โคราชบ้านเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งทำให้โคราชมากมาย เช่น สร้างระบบเครือข่ายคมนาคมโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุด รถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช-หนองคาย รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ชลบุรี-แก่งคอย-โคราช นี่คือศักยภาพของโคราชที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้ให้ พรรคพลังประชารัฐจะผลักดันต่อให้เสร็จและจะทำให้โคราชเป็นนครต้นแบบของภูมิภาคที่เจริญเติบโต มั่งคั่งไม่แพ้เมืองฉงชิ่งในจีนหรือมหานครใหญ่ในโลก

“เจ๊หน่อย” ตั้งวงคุยนักธุรกิจโคราช

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา กรรมการบริหารพรรคและคณะเดินทางมาที่โรงแรมลีโอซอ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา พบปะกับกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจชั้นแนวหน้าพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตนครราชสีมา พรรคเพื่อไทย 14 เขตร่วมต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มนักธุรกิจชาวโคราชที่มาร่วมต่างมอบดอกกุหลาบสีแดงให้อย่างอบอุ่น และได้มีนายวิรัตน์ ตันจินดาประทีป หรือป๋านำ อายุ 87 ปี นักธุรกิจใหญ่ จ.นครราชสีมา เป็นเพื่อนกับบิดาของคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้และกล่าวอวยพรให้คุณหญิงสุดารัตน์ รวมทั้งพรรคเพื่อไทย ได้รับชัยชนะทุกเขตเลือกตั้งในโคราช

ปั้นเมืองย่าโมศูนย์กลางเศรษฐกิจ

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์เดินทางไปกราบไหว้ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) ก่อนขึ้นปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในภาคอีสานโดยพี่น้องประชาชนต่างโบกสะบัดธงพรรคเพื่อไทยและกล่าวไชโยโห่ร้องต้อนรับดังกึกก้องโดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตนเป็นลูกหลานชาวโคราชโดยกำเนิดจึงรู้จักคนในพื้นที่มากและรู้จักพื้นฐานด้านเศรษฐกิจในโคราชดีที่สุด ซึ่งโคราชนั้นมีศักยภาพมากที่จะได้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ที่ผ่านมายังขาดผู้นำในพื้นที่ที่เข้มแข็งเพื่อที่จะทำให้กลายเป็นจังหวัดศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศได้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะทำให้โคราชเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการค้า ด้านการเกษตร ด้านอุตสาหกรรมและด้านการขนส่ง รวมถึงนโยบายของพรรคฯ เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับ จ.นครราชสีมาอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทษช.ใจสู้เดินหน้าหาเสียงต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)หลังจากศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต.ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติวันที่ 7 มี.ค.ว่าบรรยากาศที่พรรคเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ รวมถึงแกนนำพรรคคนสำคัญไม่ได้เดินทางเข้าพรรค มีเพียง น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค เดินทางเข้าพรรคเท่านั้น แต่การเดินสายหาเสียงของพรรคยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ช่วงเย็นวันที่ 28 ก.พ. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์พรรค และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง ยังไปลงพื้นที่หาเสียงที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตามที่มีการกำหนดไว้ และวันที่ 1 มี.ค. พรรค ไทยรักษาชาติจะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง หน้าที่ว่าการกรุงเทพมหานครตามกำหนดการเดิม

“อ๋อย” อัด หน.คสช.ยิ่งกว่า จนท.รัฐ

ที่ห้างฮาเบอร์มอลล์ แหลมฉบัง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงพรรค ไทยรักษาชาติ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรคไทยรักษาชาติหาเสียง ประกอบด้วย ร.ต.ท.ธงชัย นกหงษ์ ผู้สมัครเขต 5 น.ส.นิศามาศ เลาหรัตนาหิรัญ ผู้สมัคร เขต 6 นายษรกฤต ผลลูกอินทร์ ผู้สมัคร เขต 7 นางนิชนันท์ วังคะฮาต ผู้สมัครเขต 8 โดยแกนนำกับผู้สมัครนั่งรถสามล้อแห่เชิญชวนประชาชนไปร่วมฟังการปราศรัยที่สวนสาธารณะเกาะลอย อ.ศรีราชา ชลบุรี โดยนายจาตุรนต์กล่าวว่า การหาเสียงจะเน้นนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรัฐบาลประชาธิปไตย หยุดการสืบทอดอำนาจ ที่ยังถือว่าเป็นปัญหาของประเทศอย่างชัดเจน ส่วนสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ หัวหน้า คสช. ที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ถือว่ามีอำนาจเหนือรัฐ หรือเป็นยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมีอำนาจสั่งการระบบราชการและมีอำนาจยกเลิกหรือยกเว้นคำสั่งทั้งหลายทั้งปวงได้ และอีกหลายอย่างในฐานะหัวหน้า คสช. ดังนั้น จึงน่าจะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามที่ไม่สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองได้ ดังเช่นหลายฝ่ายให้ความเห็นไว้ อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของ กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ ตามกระบวนการ ที่จะต้องให้ความชัดเจนหรือดำเนินการให้สังคมเกิดความกระจ่างในประเด็นนี้

ฉะอำนาจล้นกินเงินหลวงอันตราย

ขณะที่นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาสถานะตัวเอง บอกประชาชนให้ชัดเจน ดูเหมือนว่าประชาชนและ พล.อ.ประยุทธ์ต่างสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าตัวเองไม่ได้สืบทอดอำนาจ บอกเป็นบุคคลสาธารณะ แต่คนอื่นวิจารณ์ไม่ได้ หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังกินเงินเดือนหลวงและใช้อำนาจรัฐได้ การที่คนไม่รู้จักตัวเองแต่มีอำนาจมากมาย ถือเป็นอันตรายและเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ไม่ควรให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจได้สำเร็จ ส่วนความนิยมใน จ.ชลบุรี เชื่อมั่นผู้สมัครเป็นคนคุณภาพ ประชาชนตอบรับอย่างดี สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่และปัญหาบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล คสช.ล้วนกระทบชาวชลบุรี พรรคไทย-รักษาชาติจะเป็นความหวังให้คนชลบุรีประสบความ สำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้

แฟนคลับแห่เซลฟี่ “ธนาธร”

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนาคตใหม่ นายสุรสิทธิ์ ทะวะลัย ผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 ชลบุรี เบอร์ 11 และคณะกรรมการบริหารขึ้นรถแห่ออกทักทายหาเสียงทั่วตลาดสัตหีบก่อนจะเดินทางไปยังวัดสัตหีบเข้ากราบขอพรพระครูวรเวทมุนี หรือหลวงพ่ออี๋ อดีตเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคตะวันออก โดยตลอดทางมีพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนและนักศึกษามอบการ์ดให้กำลังใจ ทั้งนี้ส่วนใหญ่ร่วมสะท้อนปัญหาด้านเศรษฐกิจให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้รับทราบ จากนั้นเปิดให้บรรดาแฟนคลับเอฟซีทั้งประชาชนและนักศึกษาที่มารอได้ถ่ายรูปเซลฟี่กันทุกคนอย่างเป็นกันเอง โดยนายธนาธรกล่าวว่า ตั้งใจมาพบปะชาวชลบุรี อยากมาแนะนำตัวเองและผู้สมัครของพรรคด้วยตัวเอง พร้อมน้อมรับฟังปัญหาของคนทุกกลุ่ม

โวยผู้สมัคร ส.ส.ตรังถูกแกล้ง

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีตำรวจ จ.ตรัง จับกุมนายยศวัฒน์ ธีรัตม์-วัฒนากุล ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 3 พรรคอนาคตใหม่ว่าเป็นคดีเก่าตั้งแต่ปี 58-59 นายยศวัฒน์ถูกฟ้องร้องพร้อมกับหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจกู้ยืมเงิน ฝ่ายโจทก์ทำเป็นสัญญาซื้อขายเรือ แต่ไม่ได้ชำระ ผู้เสียหายไปฟ้องร้อง จนเจรจาชำระค่าเสียหายไปเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.59 มีใบรับเช็ค 500,000 บาท เป็นหลักฐาน โจทก์ตกลงจะถอนฟ้อง ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานเรียบร้อย ผ่านมาหลายปีพอลงการเมือง ปรากฏว่าเรื่อง ค้างอยู่ที่ศาลถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ค่อนข้างมั่นใจว่าพรรคคู่แข่งในพื้นที่น่าจะไปตรวจสอบพบว่ามีหมายค้างอยู่เลยนำมาเล่นงานเป็นการเมืองแบบเก่าที่พรรคในท้องถิ่นถนัด กลั่นแกล้งทำลายพรรคอนาคตใหม่ ทั้งที่เรื่องจบไปแล้ว ขณะนี้เราสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม อยู่ระหว่างขอปล่อยตัวชั่วคราวไม่ขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.

“สุวัจน์” หวัง ส.ว.ทำตัวให้สังคมรับได้

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติ-พัฒนา ลงพื้นที่ช่วยนายภัทรพล แก้วสกุณี ผู้สมัครส.ส.ปทุมธานี เขต 3 หาเสียง โดยนายสุวัจน์ลงทุน ลากลำโพงหาเสียงด้วยตนเอง พร้อมทักทายผู้ประกอบการร้านค้าส่งตลาดไท นายสุวัจน์ให้สัมภาษณ์ เสียงวิจารณ์กระบวนการคัดเลือก ส.ว.ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ สังคมได้แสดงความคิดเห็นและติดตามอยู่ ผู้มีหน้าที่สรรหาคงรับทราบ เมื่อได้ ส.ว.มาเขาจะปฏิบัติหน้าที่อย่างไร รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีบทเฉพาะกาลอยู่ 5 ปี บทบาทของ ส.ว.จะพิเศษ ผู้ที่ได้รับการคัดสรรต้องเข้าใจเพราะสังคมคาดหวังและติดตาม ดุลพินิจ ส.ว.สำคัญมากในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม เมื่อได้รับการแต่งตั้งต้องทำหน้าที่ให้เกิดการยอมรับ สมกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

“กัญจนา” ลุยมหาชัย-แม่กลอง

ที่ จ.สมุทรสาคร น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมแกนนำลงพื้นที่ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียง โดยแวะสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และพระพุทธรูปประจำจังหวัด ก่อนขึ้นคาราวานรถตุ๊กๆแห่ไปรอบตัวเมือง พบปะประชาชนตลาดสดมหาชัย มีพ่อค้าแม่ค้าให้การต้อนรับและนักเรียนมาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปอย่างอบอุ่น ก่อนลงเรือหาเสียงในคลองดำเนินสะดวก และเดินทาง ไปหาเสียงต่อที่ จ.สมุทรสงคราม โดยใช้ขบวนรถซาเล้งแห่รอบตลาดแม่กลอง น.ส.กัญจนากล่าวว่า ปัญหาหลักใน จ.สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม คือ ชาวประมงมีปัญหาค่าปรับที่สูงเกินต้องทบทวนกฎหมาย อาทิ ตั้งกองทุนพัฒนาอาชีพประมง ส่วน ปัญหาคมนาคม จ.สมุทรสาครมีปัญหารถติด พรรคสนับสนุนสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเชื่อมต่อมาถึง อ.มหาชัย เช่นเดียวกับสายสีน้ำเงินที่มาหยุดที่พุทธมณฑลสาย 4 ต้องผลักดันให้ถึงอ้อมน้อย

ภท.ยิ้มเรตติ้ง “อนุทิน” พุ่งกระฉูด

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าจากผลสำรวจสำนักวิจัยซุปเปอร์โพลระบุกระแสความนิยมแคนดิเดตนายกฯ พบว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในอัตราส่วนมากที่สุด มากกว่าแคนดิเดตนายกฯคนอื่นๆ ถึงร้อยละ 21.6 จากครั้งแรกอยู่ที่ร้อยละ 31.9 ล่าสุดช่วงต้นเดือน ก.พ.มาอยู่ที่ร้อยละ 53.5 ต้องขอขอบคุณประชาชนที่เห็นการทำงานหนักของพรรค นายอนุทินได้ขอบคุณผู้สมัครและทีมงานฝ่ายต่างๆที่ช่วยกันลงพื้นที่อย่างหนัก จนทำให้พรรคภูมิใจไทยมีคะแนนนิยมดีขึ้น แต่อย่าประมาท อย่าหลงกับกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นจนหยุดลงพื้นที่ เป้าหมายสูงสุดที่ทุกคนต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ ต้องเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ นำพาบ้านเมืองให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง

กกต.ชี้พรรคถูกยุบส่อทำบัตรเสีย

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงาน กกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติว่า อาจจะส่งผลให้บัตรเสียเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในบัตรเลือกตั้งยังมีช่องกาให้พรรคไทยรักษาชาติอยู่ หากไปกาเลือกถือว่าเป็นบัตรเสีย ดังนั้นจะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า ถ้าหากเลือกกาผู้สมัครของพรรคถือว่าเป็นบัตรเสียทันที เช่นเดียวกับผู้สมัครของพรรคอื่นๆที่ขาดคุณสมบัติการเลือกตั้งด้วย ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 3 พรรคอนาคตใหม่ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับตัวตามหมายจับคดีข้อหาฉ้อโกงไม่ไปรายงานตัวต่อศาลนั้นยังถือว่ายังไม่ขาดคุณสมบัติเนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด

เผยใกล้จ่อคิวสอบยุบ พปชร.แล้ว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องการยุบพรรคพลังประชารัฐ จากกรณีเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นแคนดิเดตนายกฯ และการจัดโต๊ะจีนระดมทุน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ตอบว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการใกล้ที่จะให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอต่อ กกต.พิจารณา แต่กรณีของการระดมทุนไม่ใช่การตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคเป็นการตรวจสอบว่าเงินที่ได้รับจากการระดมทุนนั้นมีเอกสารครบถ้วนถูกต้อง และรับมาจากผู้บริจาคที่สามารถบริจาคได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เราจะดูเอกสารหลักฐานตามนี้ แต่จะไม่ไปตรวจสอบว่าผู้ที่แจ้งความประสงค์จะสนับสนุนแล้วไม่สนับสนุนเป็นเพราะเหตุใด จะตรวจสอบเฉพาะได้เงินสนับสนุนมาเท่าไหร่มีเอกสารยืนยันถูกต้องหรือไม่เท่านั้น

การันตี “อุตตม” นั่ง หน.ไร้ปัญหา

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า กรณีที่มีการร้องว่านายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการบริหารพรรคเนื่องจากเป็นหัวหน้าพรรค ก่อนการสมัครเป็นสมาชิกพรรค ขัดต่อข้อบังคับพรรคและกฎหมายพรรคการเมือง กกต.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และกฎหมายแล้ว มีมติว่านายอุตตม มีคุณสมบัติครบถ้วน และได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบแล้ว

เมิน ปชป.ขอเปิดชื่อ กปน.ก่อนกาบัตร

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ขอให้ กกต.เปิดเผยรายชื่อกรรมการประจำหน่วยก่อนการเลือกตั้ง 15 วันว่า โดยปกติเป็นเรื่อง กกต.จังหวัดเป็นผู้แต่งตั้ง ทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนที่เป็นห่วงว่าจะมีการฮั้วกันระหว่างกรรมการประจำหน่วยและผู้สมัครในการนับคะแนนเชื่อว่าวันดังกล่าวมีการสังเกตการณ์และจับตามองจากหลายฝ่าย หากเห็นความไม่ชอบมาพากลจะมีการคัดค้านระหว่างนี้อยู่แล้ว

ไฟเขียว “บิ๊กตู่” ปราศรัย–เดินหาเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ประชุมได้มีการพิจารณาหนังสือ ของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่สอบถาม กกต.ในประเด็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค สามารถขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงได้หรือไม่ และ พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถเดินช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงได้หรือไม่ กกต.ได้พิจารณาข้อกฎหมายแล้วมีมติว่าสามารถทำได้โดยเป็นไปตามระเบียบ ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง แต่ขอให้พึงระมัดระวัง ในเรื่องของการใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นคุณเป็นโทษกับผู้สมัครและพรรคการเมือง

ทีมป้อง รธน.ยื่นยุบ อนค.ล้มล้างฯ

ช่วงบ่ายที่สำนักงาน กกต. นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทีมงานประชาชนปกป้องรัฐธรรมนูญและสถาบันพระมหากษัตริย์ ยื่นหนังสือขอให้ กกต.พิจารณาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ใช้วาทกรรมส่อว่ามีเจตนาดังกล่าวหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2554 รวมถึงการประกาศยกเลิกมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและล่าสุดกับคำให้สัมภาษณ์ระบุว่าจะสานต่อภารกิจของคณะราษฎร์ให้สำเร็จ ต้องถามนายธนาธรหมายถึงอะไร โดยนายบุญถาวร กล่าวว่าใช้สิทธิตามมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ มีเอกสารประกอบคำร้องยาวกว่า 20 หน้า ทั้งหมดคือข้อเท็จจริง ไม่ได้ปรุงแต่ง ทราบว่าหลังจากนี้อีก 3 วันจะมี 2 องค์กรเตรียมจะเข้ายื่นคำร้องให้ตรวจสอบพรรคอนาคตใหม่ในความผิดเดียวกัน ทราบว่ามีหลักฐานชัดเจนกว่านี้

ชาวบ้านหวังได้ ลต.ช่วยกู้ ศก.

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “ปากท้องคนไทยและเศรษฐกิจประเทศหลังการเลือกตั้ง 2562” ระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ. จำนวน 2,005 หน่วยตัวอย่าง ในประเด็นเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ ร้อยละ 63.64 เห็นว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ร้อยละ 32.27 จะเหมือนเดิม และร้อยละ 4.09 เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง สำหรับพรรคที่จะช่วยแก้เศรษฐกิจปากท้องได้ 10 อันดับแรก พบว่าร้อยละ 45.73 ไม่มีพรรคใดเลย ร้อยละ 21.55 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 10.12 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 8.28 พรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 7.43 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 1.59 พรรคเพื่อชาติ ร้อยละ 1.25 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.10 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 0.95 ไม่ระบุ ร้อยละ 0.70 พรรคไทยรักษาชาติ

ศาลไม่คืนสิทธิผู้สมัครเพื่อนไทย

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษายกคำร้องในคดีที่นายอุมัธ หวังสาสุข ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อนไทย ยื่นขอคืนสิทธิการเป็นผู้สมัคร โดยเห็นว่าหนังสือแจ้งการแต่งตั้งตัวแทนประจำจังหวัดของพรรคเพื่อนไทย ฉบับลงวันที่ 9 และวันที่ 28 ม.ค.ไม่ได้ลงนามโดยหัวหน้าพรรคเพื่อนไทย หรือโดยผู้ได้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าพรรคไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 35 วรรค 2 ประกอบกับประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่องการจัดตั้งสาขาพรรค การเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสาขา หรือคณะกรรมการสาขา และการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด 2560 ข้อ 12 ทั้งนี้มีผลให้ผู้สมัคร ส.ส.เขตที่พรรคส่งลงสมัคร 154 เขต จะไม่ได้รับการคืนสิทธิให้เป็นผู้สมัคร ขณะเดียวกันในส่วนผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 52 คน ที่ กกต.ประกาศรับรองให้เป็นผู้สมัครของพรรค กกต.ก็คงต้องประกาศถอนออกต่อไป

ศาล ปค.ไม่รับฟ้องเพิกถอนมติยุบ ทษช.

ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ หลังนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นฟ้อง กกต. และนายทะเบียนพรรค การเมืองและขอให้ศาลฯเพิกถอนมติของ กกต.เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2562 ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่าแม้ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 รวมทั้งการมีมติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ถือเป็นการใช้อำนาจทางปกครองก็ตาม แต่โดยที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงถือว่าการพิจารณายุบพรรคการเมืองมีกฎหมายเฉพาะกำหนดให้อยู่ในอำนาจการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การกระทำของ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นมูลเหตุแห่งการฟ้อง คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง จึงไม่อาจรับ คำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้

“บิ๊กป้อม” ลุยปลดหนี้นอกระบบ

เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมพร้อมคณะได้เดินทางไปมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จ.มหาสารคามร่วมส่งมอบทรัพย์สินส่งคืนให้ประชาชนจากมาตรการบังคับใช้กฎหมายขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นครั้งที่ 8 รวม 2,470 ราย เป็นโฉนดที่ดิน 2,304 ฉบับ เนื้อที่กว่า 5,707 ไร่ รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆมูลค่าทั้งสิ้น 1,334 ล้านบาท พล.อ.ประวิตรกล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการที่พยายาม ขับเคลื่อนแก้ปัญหาไกล่เกลี่ยส่งคืนทรัพย์สินให้ประชาชน 8 ครั้ง เกือบ 20,000 ราย มูลค่ากว่า 20,500 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดิน 16,004 ฉบับ พื้นที่เกือบ 48,000 ไร่ หนี้นอกระบบเป็นกับดักความยากจน เราจะไม่ทิ้งกันจะต่อสู้ความไม่ถูกต้องไปด้วยกัน

“บิ๊กตู่” ว.5 ภารกิจนอกทำเนียบฯ

สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ตลอดทั้งวันมีเพียง ภารกิจต้อนรับบุคคลสำคัญเข้าพบเท่านั้น โดยเมื่อ เวลา 11.30 น. นายกฯต้อนรับนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเยือนไทย เพื่อร่วมพิธีเปิดสำนักงานเศรษฐกิจ และการค้าฮ่องกง ประจำประเทศไทย และเวลา 13.00 น. ต้อนรับนายคิม เช พง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง จากนั้นเวลา 13.30น. พล.อ.ประยุทธ์ออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีกำหนดการ คนใกล้ชิดแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปทำภารกิจส่วนตัว (ว.5) และไม่กลับเข้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว ปกติเกือบทุกวันนายกฯจะเดินทางกลับออกจากทำเนียบฯในเวลา 16.45 น.

ปรับสเตตัสเพจเป็นบุคคลสาธารณะ

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปลี่ยนสถานะจาก “เจ้าหน้าที่รัฐ” มาเป็น “บุคคลสาธารณะ” คาดว่า เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย หลังนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (15) ที่อาจทำให้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ในอินสตาแกรม พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์ภาพสุนัขตัวโปรด พันธุ์บลูด็อก พร้อมข้อความว่า “เสือมาส่ง”

“ธิดา”หยันเล่นง่ายเหมือนเด็กๆ

ช่วงเที่ยงนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. โพสต์เฟซบุ๊ก ภาพเพจเฟซบุ๊กของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เปรียบเทียบระหว่างวันที่ 27 ก.พ. ที่ระบุสถานะพล.อ.ประยุทธ์ เจ้าหน้าที่รัฐกับวันที่ 28 ก.พ. ที่ระบุสถานะเป็นบุคคลสาธารณะ โดยเขียนข้อความว่า “อ้าว! วันนี้มาส่องดูเพจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปลี่ยนสถานะจาก “เจ้าหน้าที่รัฐ” เป็น “บุคคลสาธารณะ” ไปเสียแล้ว เปลี่ยนง่ายๆที่เพจ แล้วคิดว่าเปลี่ยนความจริงได้หรือไง? เหมือนเด็กๆ เล่นสมมติกันวันต่อวัน”