จ๊ะเอ๋ขณะเยือนลพบุรี นครโวยทหารบุกบ้าน
“วิษณุ” ย้อนเกล็ดนักการเมืองโวยวาย 70 วันหาเสียงไม่พอเอาไปเลยเต็มที่ 150 วัน แต่ต้องเลื่อนเลือกตั้งออกไป อาจเป็น 5 พ.ค. ชี้สมัย “คึกฤทธิ์” หาเสียง 20 วันยังทำมาแล้ว “บิ๊กป้อม” สำทับของเดิมใช้แค่ 40 วัน จ่อเรียก “คนผมน้อย” ปรับทัศนคติตามบัญชานายกฯ กกต.ยันลุยสอบ “สามมิตร” ขึ้นรถแห่ ผบ.ทบ.ติงอย่าฉวยจังหวะทะลวงช่องโหว่ “สามมิตร” ย้ำไม่ตั้งพรรค “พลังประชารัฐ” ตัวเลือกแรก ขอส่องนโยบายก่อน “อียู” ออกโรงโต้เปล่ากดดันรัฐบาลจัดเลือกตั้งตามคำอ้าง “นคร มาฉิม” ด้านเจ้าตัวเผยทหารมาเยี่ยมถึงบ้านทันควัน นายกฯเยือนลพบุรีถิ่นเก่าเล่าเรียน ประกาศลั่นไปทุกที่แม้เกลียดก็จะไปทำให้รัก หลุดไต๋ตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค โอดต้องตามล้างหนี้จำนำข้าว 5 แสนล้าน พร้อมย้ำรัชกาลนี้ต้องสงบที่สุด
หลังโรดแม็ปสู่การเลือกตั้ง ขั้นตอนกฎหมาย และการหาเสียงต่างๆเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายผู้มีอำนาจและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของรัฐบาลออกมาระบุเงื่อนไขจนเห็นภาพลางๆ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเมืองส่วนใหญ่ยังคาใจกับห้วงเวลาในการจัดทำนโยบายและการหาเสียงที่กำหนดไว้ประมาณ 60-70 วันว่าน้อยเกินไป

...
“วิษณุ” ย้อนเกล็ดเลื่อน ลต.ให้หาเสียง
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองออกมาระบุกรอบเวลาหาเสียง 60-70 วัน อาจไม่เพียงพอว่าอย่างน้อย 60 วัน พอหรือไม่ ถ้าไม่พอ อย่างนั้นเอา 150 วัน แล้วไปเลือกกันวันที่ 5 พ.ค.62 จะเอาอย่างนั้นหรือ วันนี้มันยังไม่ได้กำหนดอะไรทั้งนั้น ที่พูดๆมาเป็นการยกตัวอย่างก่อนหน้านี้ก็เคยยกตัวอย่างสมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ใช้เวลาเพียง 20 วัน เพื่อให้รู้ว่าการหาเสียงสั้นๆนั้นเคยมี สื่อบางฉบับระบุว่าการหาเสียงระยะสั้นเป็นเรื่องดี เพราะถ้าหาเสียงยาวจะใช้งบประมาณมาก ตนเคยพูดแล้วว่าสั้นไปก็ไม่ดี ยาวไปก็ไม่ดี ครั้งนี้อย่างน้อยมีช่วงหาเสียง 60 วัน นับจากเมื่อมีการปลดล็อกในเดือน ธ.ค.61 ถึงวันที่ 24 ก.พ.62 หากไม่ชอบวันที่ 24 ก.พ.62 เลื่อนออกไปยังสามารถทำได้ “เมื่อมีการปลดล็อกโดยยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ออกมาเมื่อใด แปลว่าสามารถหาเสียงได้ สามารถติดโปสเตอร์ ขึ้นเวทีไฮปาร์ค ส่งไลน์ จะทำอะไรก็ทำไป จนถึงก่อน วันเลือกตั้ง 1 วัน ที่เขาห้ามหาเสียง” นายวิษณุกล่าว
“บิ๊กป้อม” สวนของเดิมใช้แค่ 40 วัน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุให้วางมาตรการควบคุมและกำหนดหลักเกณฑ์การหาเสียงให้ชัดเจนว่า ก็มาทำสิ อยากทำอะไรก็ทำ เมื่อถามว่า จะระบุหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนหลังจาก คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองหรือไม่ รองนายกฯย้อนถามว่ากำหนดได้หรือไม่ เวลานี้ยังกำหนดอะไรไม่ได้เลย ขนาดบังคับแล้วยังรวนอยู่เลย เมื่อถามว่า ต้องขอร้องกันหรือไม่ รองนายกฯตอบว่า ขอร้องแล้วเขาฟังหรือ ที่ฝ่ายการเมืองออกมาวิจารณ์การหาเสียง 70 วันน้อยเกินไปนั้น ของเดิมใช้เวลาแค่ 40 กว่าวันเท่านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังใช้แค่ 49 วัน

จ่อเรียก “คนผมน้อย” มาปรับทัศนคติ
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ให้ฝ่ายความมั่นคงเรียกคนผมน้อยที่วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจมาพูดคุยว่า “ก็เรียกมาอีกสิ ชอบอยากให้เรียกก็เรียก นักการเมืองก็พูดไปเรื่อย”
กกต.ยันสอบแน่สามมิตรขึ้นรถแห่
ที่โรงแรมบัดดี้ โอเรียนทอล นนทบุรี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่ขึ้นรถแห่ผู้สมัครที่จังหวัดชัยภูมิว่า ปกติเมื่อมีการร้องเรียนต้องตรวจสอบว่ามีพยานหลักฐานตามที่ร้องหรือไม่ หรือถ้าไม่มีการร้อง แต่การกระทำเข้าข่ายผิด กกต.ก็ต้องตรวจสอบ แม้จะเป็นการดำเนินการของกลุ่มการเมือง ก็ไม่ได้ทำให้ กกต.ตรวจสอบยาก ถ้าดำเนินการไม่สอดคล้องกับกฎหมาย กกต.ต้องการดำเนินการ คิดว่าทุกพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองทราบดีอยู่แล้ว เพราะ คสช.บอกแล้วว่าจะคลายล็อกตามลำดับ ถ้าถึงเวลานั้นจะหาเสียงได้ กกต.ก็มีหน้าที่ตรวจสอบและให้ความมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย
ผบ.ทบ.ปรามอย่าอาศัยช่องโหว่
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรว่า ขณะนี้ทุกกลุ่ม ทุกพรรคการเมืองมีการเคลื่อนไหวเหมือนกัน เพียงแต่อยู่ในรูปแบบใด เป็นเรื่องที่ดูลำบาก เพราะเราไม่ได้กำหนดเฉพาะจุด ตรงไหน อย่างไร แต่หากผิดกฎหมายก็มี กกต.ดูแล และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปกดดันหรือใช้อำนาจกับกลุ่มใด ในส่วนของกลุ่มการเมืองที่พยายามใช้ช่องโหว่ว่าไม่ใช่พรรคการเมืองแล้วเคลื่อนไหวนั้น ได้มีการพูดคุยและขอร้องไม่ให้เคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง เตือนว่าอะไรที่คิดว่ายังไม่สมควรทำ แล้วจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ หรือความร้าวฉานก็ต้องระมัดระวัง ที่สำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรง
ภท.ย้ำปกป้องสิทธิ์ฟ้อง “แรมโบ้”
นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีจะฟ้องนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ประธานชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิด ข้อหาแจ้งความเท็จ หมิ่นประมาท กล่าวหาพรรคภูมิใจไทยซื้อเสียงว่า พรรคต้องการปกป้องสิทธิ์ของตัวเองทีมกฎหมายจะไปยื่นดำเนินคดีในสัปดาห์หน้าแน่นอน พรรคภูมิใจไทยต้องการทำงานการเมืองในรูปแบบสร้างสรรค์ มีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก โดยเฉพาะการหาแนวทางมาแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน พรรคมีแนวนโยบายคร่าวๆ คือ การจำกัดอำนาจรัฐให้น้อยลง เพิ่มอำนาจให้ประชาชน แต่ต้องรอปลดล็อกพรรค จึงจะเห็นความชัดเจน พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่ถ้าใครรังแก ก็จำเป็นต้องปกป้องสิทธิ์ อยากให้ฝ่ายการเมืองคิดให้ดี เพราะการทะเลาะเบาะแว้ง เปิดช่องให้เกิดการรัฐประหาร เราอยากจะกลับไปวังวนเดิมอีกหรือไม่ หรือต้องการไปสู่การเลือกตั้ง ตรงนี้นักการเมืองสามารถกำหนดได้
“นิพิฏฐ์” ตามกัดไฟเขียวสามมิตร
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ขณะนี้สามมิตร เป็นแค่กลุ่มยังไม่ใช่พรรคการเมือง และให้ กกต.ดูพฤติกรรมกลุ่มสามมิตรว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายหรือไม่ว่า ประชาชนเขารู้กันเองว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการหาเสียงหรือไม่ แต่สำหรับบางกลุ่ม บางพรรคเขาทำได้ เพราะบ้านเมืองยุคนี้ ถือตัวบุคคล หรือคำสั่งของบุคคลผู้มีอำนาจเป็นกฎหมาย แทนตัวบทกฎหมาย สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมย้อนยุค สวนทางกับระบอบประชาธิปไตยที่มีหลักคิดที่ว่า ประเทศปกครองโดยกฎหมาย มิใช่ปกครองโดยรัฐบาล แต่ประเทศไทยยุคนี้กลับเป็นผู้มีอำนาจที่ทำตัวเป็นกฎหมายเสียเอง กลุ่มสามมิตรจะทำอะไร ตนไม่ติดใจ จะพูดวิจารณ์อะไรไปก็ไร้ผล จะแจกเสื้อแจ็กเกต หรือจะใส่เสื้อยืดสกรีนหน้าคนที่เค้าจะหนุนเป็นนายกฯก็ทำได้ทุกอย่าง ตนเห็นถึงความอึดอัดของคนไทยส่วนใหญ่ในเรื่องเหล่านี้ จึงอยากให้ทำใจและอยู่อย่างเข้าใจจนถึงวันเลือกตั้ง แล้วค่อยไปแสดงออกในวันเลือกตั้ง แต่ถ้าสังคมไทยยังยอมรับระบบนี้ และเลือกคนกลุ่มนี้ จากระบบแบบนี้กลับเข้ามามีอำนาจอีก ก็ไม่ต้องไปเรียกร้องประชาธิปไตยใดๆ อีกต่อไปแล้ว
“พิชัย” โต้ “บิ๊กตู่” วิเคราะห์ ศก.ตามเชิง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พูดที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถึงคนที่วิจารณ์เศรษฐกิจว่า ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงใคร แต่ถ้าหากหมายถึงตน ก็อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับไปอ่านการวิเคราะห์ของตนใหม่ เพราะบอกว่าหากไม่มีการประท้วง ไม่มีการรัฐประหาร เศรษฐกิจไทยโตได้ 4-5% ตั้งแต่ปี 57 และ 58 เรื่อยมา เพราะปี 55 เศรษฐกิจไทยโตได้ถึง 6.6% และต่อมาในปี 56 ถ้าไม่มีการประท้วงในไตรมาสสุดท้ายสิ้นปีเศรษฐกิจก็น่าจะโตได้ประมาณ 4% ปีต่อๆมาก็คงโตได้ในระดับเดียวกัน เป็นการ วิเคราะห์ตามหลักการไม่ได้มีการบิดเบือน ดังนั้นการที่เศรษฐกิจไทยโตได้ 4% กว่าจึงไม่ถือว่าดีมากนัก และต้องใช้เวลากว่า 4 ปี ถึงจะโตได้เกิน 4% ซึ่งเป็นการเสียโอกาสของประเทศ

สามมิตรย้ำพปชร.ตัวเลือกแรก
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณีที่ คสช.อนุญาตให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดประชุมใหญ่ในวันที่ 15 ก.ย. ท่ามกลางการจับตาว่ากลุ่มสามมิตรจะไปร่วมด้วยหรือไม่ว่า ขณะนี้เรายังไม่ได้ตกลงกันว่าจะไปร่วมกับพรรค การเมืองใด เราต้องคุยกันอย่างละเอียดภายในกลุ่มก่อน ขอย้ำว่า เราจะไม่ตั้งพรรคการเมืองเองแน่นอน แต่พรรคพลังประชารัฐถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม กำลังดูถึงโครงสร้างและนโยบายหลักของเขาด้วยว่าเข้ากับกลุ่มเราได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนขุมกำลังและความพร้อมของกลุ่มสามมิตรนั้น เราพร้อมเต็มที่ มีสมาชิกและผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมในหลายๆด้าน ทั้งนี้ยอมรับว่าหากกลุ่ม สามมิตรไปสังกัดพรรคการเมืองแล้ว การเคลื่อนไหวจะยากขึ้น เราจะพยายามลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนให้ได้มากที่สุดเพื่อช่วยเหลือ หาวิธีแก้ปัญหาให้กับพวกเขา เพราะแนวทางของกลุ่มเราชัดเจนมาตั้งแต่ต้นคือ ช่วยเหลือชาวบ้านและเกษตรกร ที่ผ่านมาเราได้ประสานกับชาวนา ชาวไร่ยาสูบ ชาวไร่อ้อย รวมทั้งชาวสวนปาล์มด้วย และในวันที่ 7 ก.ย. ตนจะเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อรับฟังปัญหาจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.เก้าเลี้ยวและ อ.พยุหะคีรี
“อียู” เปล่ากดดันรัฐบาลจัดเลือกตั้ง
สำหรับกรณีที่นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ให้สัมภาษณ์ว่าได้หารือกับตัวแทนทูตจากสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย พร้อมระบุว่า ทางอียูแสดงท่าทีเห็นด้วยต่อข้อเสนอกดดันให้รัฐบาลไทยเร่งรัดจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วนั้น วันเดียวกัน สมาชิกของคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือชี้แจงว่า สมาชิกของคณะผู้แทนฯได้เดินทางไปยังจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยในยุโรป ผ่านโครงการทุนการศึกษาอีราสมุส พลัส (Erasmus+) ซึ่งจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมประชุมเพิ่มเติมกับตัวแทนจากภาคประชาสังคมหลายฝ่าย ซึ่งมีแนวความคิดทางการเมืองที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปไม่ได้สนับสนุนหรือรับรองมุมมองใดๆ ของบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศไทย
“นคร มาฉิม” แฉทหารบุกบ้าน
วันเดียวกัน นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก กล่าวว่า เมื่อเวลา 16.25 น. คนที่บ้านแจ้งให้ทราบว่ามีทหารประมาณ 10 นาย นำโดย พ.อ.นพดล วัชรจิตรบวร รองเสนาธิการ มทบ.39 สังกัดหน่วย กอ.รมน. กองทัพภาพที่ 3 มาขอพบที่บ้านย่าน ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก แต่ตนไม่อยู่บ้าน และได้บอกไปว่าไม่สะดวกพบและคุยวันนี้ ขอนัดหมายให้มาพบที่บ้านในตัว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ในวันที่ 8 ก.ย. เวลา 10.00 น. แทน คาดว่าการมาครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) เข้าเยี่ยมเยือนแล้ว ตนให้สัมภาษณ์ไป

นายกฯ อบอุ่นกลับบ้านลพบุรี
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ จ.ลพบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.คนใหม่ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ลพบุรี โดยนายกฯ ใช้รถตู้โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน ศห 1111 กรุงเทพมหานคร จุดแรกเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ มีข้าราชการและประชาชน นักเรียน มาต้อนรับ 2 พันคน โดยนายกฯ กล่าวว่า มาครั้งนี้รู้สึกอบอุ่นใจลพบุรีเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตนเป็นคนลพบุรีเกิดที่โคราชแต่มาโตที่ลพบุรี เพราะพ่อมาเป็นทหารที่นี่ วันนี้ตื่นเต้นกลับมาบ้านเก่า ไม่ได้หมายถึงตายนะ แต่บ้านเก่าหมายถึงบ้านที่เคยอยู่อาศัย มาติดตามงาน ติดตามปัญหาประชาชนทำความเข้าใจกัน ไม่ได้มาทำงานการเมือง เพราะรัฐบาลไม่สามารถทำงานเพื่อคนใดคนหนึ่งได้ ทำเพื่อคนลพบุรีหรือโคราชอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำให้ทุกจังหวัด
ลั่นคนเลวต้องลงโทษสถานหนัก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลพบุรีเป็นที่ตั้งของกองกำลังทหาร ซึ่งทหารไม่ใช่ศัตรูของประชาชน ตนเป็นทหารมา 40 ปี ไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับประชาชนเลย ทหารมีคติพจน์ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ปกป้องอธิปไตยและรักษาความมั่นคงภายใน จำเป็นที่ต้องมีทหาร อย่าเชื่อหากใครบอกไม่ต้องมีทหารแล้วก็ได้ ในยามที่ไม่มีการสู้รบก็ต้องมีทหารเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ทุกคนทิ้งดินแดนแห่งนี้ไม่ได้ วันหน้าเราต้องเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย แต่ขอให้เป็นประชาธิปไตยที่ลดความขัดแย้ง รบกันไปมาไม่เกิดประโยชน์ และทุกรัฐบาลต้องมีธรรมาภิบาล ต้องไม่มีทุจริต ถ้ามีข้อมูลส่งมาที่ตน ส่วนใครผิดถูกให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ต้องเอาคนเลวออกจากระบบ ลงโทษสถานหนัก จะเห็นว่าการปลดหรือย้ายคนจำนวนมาก ตนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงไม่กลัวอะไรในการใช้อำนาจบริหาร ไม่ได้ตั้งใครเพื่อเป็นพวกของตน หรือผลประโยชน์ทางการเมือง
ลั่นไปทุกที่ เกลียดก็จะไปให้รัก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศ ไทยติดกับดักประชาธิปไตยและกับดักรายได้ปานกลางทำให้ไปไหนไม่ได้ เสียเวลามากว่า 10 ปีขัดแย้งทุกรัฐบาลติดขัดไปหมด รัฐบาลนี้จึงต้องไปทุกที่ทุกตารางนิ้ว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ แม้จะเกลียดก็จะไป มาให้เกลียดไม่ได้มาให้รัก หากจะเกลียดก็เป็นเรื่องของประชาชน ยิ่งเกลียดก็จะรักให้มากขึ้น เพราะแสดงว่าเขายังไม่รัก เป็นเพราะเราไม่ได้ทำอะไรให้ หรือยังไม่เป็นธรรม ดังนั้นอย่าเลือกที่รักมักที่ชัง ทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีย้ำว่าตนไม่ได้อยู่ถึงวันนั้น ทุกอย่างอยู่ที่การเลือกตั้ง ทุกพรรคที่เข้ามาต้องวาดประเทศไปทางไหน วันนี้ทุกจังหวัดได้งบประมาณมากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะนายกฯ ไม่ได้อยู่พรรคไหน ทุกจังหวัดคือพรรครัฐบาล เราต้องดูแลคนทั้งประเทศ เลิกเอาคนไปตีกัน จะตีกันทำไม ตีกันมา 10 ปีทำเส้นเลือดประเทศตันจึงต้องปลดล็อกให้ได้ และวันนี้กำลังปฏิรูปประเทศ ไม่ได้ปฏิรูปให้ตัวเองมีอำนาจ
หลุดไต๋ฟอร์มรัฐบาลหลายพรรค
นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มาหาเสียง มาพูดให้เห็นรัฐบาลมุ่งมั่นอย่างไร การเมืองต้องไม่ทำประเทศถอยหลัง เลือกคนดีที่ทำให้เราอย่างแท้จริง รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง การฟอร์มรัฐบาลก็มาจากหลายพรรค เว้นแต่เมื่อไหร่ตั้งนายกฯ เวลาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำงาน ต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ ทั้งที่เลือกและไม่เลือกตัวเองมา เพราะรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยทำตามเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่เสียงที่เลือกเรามาเท่านั้นแต่คือคนทั้งประเทศ ไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาล นั่นคือเสียงจากคนทั้งประเทศ แต่คนที่เป็นฝ่ายค้านที่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่จะไม่ดูแลเขาเลยหรือ เขาไม่ใช่คนไทยหรือ ดังนั้นอย่าให้ระบอบประชาธิปไตยคัดกรองคนแบบนี้เข้ามา มาแบ่งแยกภาคเหนือ ภาคใต้ ตะวันออกและตะวันตก เป็นของคนคนนั้นคนนี้ ไม่ได้อีกแล้ว วันหน้าอยากให้ได้รัฐบาลดีๆ และตนไม่ได้บอกว่ารัฐบาลตนดีสุด เพียงแต่ตนคิดทุกเรื่องไม่มีผลประโยชน์
โอดตามล้างหนี้จำนำข้าว 5 แสน ล.
จากนั้นนายกฯได้เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานรัฐบาล สินค้าเกษตร และสินค้าแปรรูปจังหวัด ปรากฏว่าเมื่อถึงจุดการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้มีรายได้น้อย นายกฯจึงถามว่าอยากให้ช่วยอะไรไหม ชาวบ้านบอกว่าอยากให้ช่วยพยุง ราคาข้าว นายกฯกล่าวว่า จะพยุงได้อย่างไร ตอนนี้รัฐบาลยังใช้หนี้ 5 แสนล้านให้กับโครงการรับจำนำข้าว และข้าวต้องมีราคากลางจะให้ 15,000 บาททุกประเภทไม่ได้ อย่าให้ใครมาบอกว่าจะให้ราคาข้าว 15,000-20,000 มันผิดกฎหมาย ที่ผ่านมารัฐบาลต้องแบกให้มาเท่าไรใช้หนี้มา 4 ปีแล้ว จากที่ผลาญมาจากรอบที่แล้ว
กราบสักการะสมเด็จพระนารายณ์
จากนั้นนายกฯกินข้าวกับน้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาร้า ขนมจีนน้ำยา โดยบอกว่าอร่อยมากขอซื้อกลับบ้านทั้งหมด ก่อนชิมข้าวหมากและน้ำมะนาวสด จากนั้นนายกฯสักการะสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยอธิบดีกรมศิลปากรได้มอบรูปหล่อโลหะจำลองสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและหนังสือนำชมพระนารายณ์ราชนิเวศให้แก่นายกฯ ก่อนเยี่ยมชมโครงการบำรุงรักษาและอนุรักษ์ต้นจัน อายุ 300 ปี โดยมีประชาชนขอถ่ายเซลฟี่และมีเด็กนักเรียนอนุบาลแต่งชุดไทยชูป้าย “ลุงตู่สู้สู้ ลุงตู่หล่อ หนูรักลุงตู่” ทั้งนี้ช่วงที่นายกฯแนะนำผู้ร่วมคณะ เมื่อมาถึง พล.อ.อภิรัชต์ นายกฯกล่าวว่า “คนนี้ พล.อ.อภิรัชต์ยังไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.แต่สื่อเขียนไปเรื่อยถึงจนจะเป็นนายกฯอยู่แล้ว” และช่วงหนึ่งได้พูดถึงทะเบียนรถว่า “ส่วนทะเบียนรถไม่ต้องไปดูนะ สั่งเอาผ้าไปปิดแล้ว งวดที่แล้วซื้อไปก็ไม่ถูก”
ย้ำรัชกาลนี้ต้องสงบที่สุด
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่เทศบาลตำบลเขาพระงาม จ.ลพบุรี พล.อ.ประยุทธ์และคณะ เยี่ยมชมโครงการบ้านสุขภาวะผู้ป่วยเรื้อรังและผู้สูงอายุ โดยช่วงหนึ่งนายกฯได้ทักทายกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่มารอต้อนรับพร้อมประชาชน 200 คนว่า เราเคยเจอกันหรือเปล่า สงสัยเวลาไปประชุมอาจเคยเจอหน้าพวกเธอ หรือไม่ก็เห็นหน้าตอนประท้วง อย่ามีอีกนะ รัชกาลนี้ต้องเป็นรัชกาลที่สงบที่สุดเข้าใจไหม เราเปลี่ยนรัชกาล บ้านเมืองเราวันนี้ดีหมดแล้ว ฉะนั้นการเลือกตั้งต้องไปสู่ความสงบ อย่าเกิดประท้วงอีกเลย อย่าให้ไปเจอหน้ากันที่กรุงเทพฯที่หน้าทำเนียบฯ จำหน้าได้หมดแล้ว เลือกตั้งอย่าเห็นแก่เงินมาแจก 100 200 300 และ 500 บาท ซื้อเราได้เหรอ สิทธิของเราจะเลือกใคร ถ้าเลือกไอ้คนให้ตังค์ วันหน้ามันก็เอาเงินคืน มีใครให้อะไรฟรีๆอย่าไปรับ สัญญานะ และไม่ใช่พอวันหน้ามีรัฐบาลใหม่เข้ามาบอกให้เล่นงานรัฐบาลเก่า
จ๊ะเอ๋เพื่อนเก่าสมัยเรียนประถม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นได้มีหญิงคนหนึ่งชูภาพถ่ายขึ้น นายกฯเห็นถามว่าภาพอะไร หญิงคนดังกล่าวบอกเป็นภาพนายกฯสมัยเป็นเด็กนักเรียน นายกฯเรียกมาดูใกล้ๆ แต่เหมือนจำตัวเองไม่ได้ แต่พอพลิกด้านหลังอ่านข้อความ “เราขอมอบภาพนี้ให้แก่สุกัญญา เพื่อนรักไว้ดูเล่นยามเมื่อเราจากกัน จากมิตรแท้ ลงชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2508” ทำให้นายกฯจำได้ว่าเป็นเพื่อนและพูดว่า “เราตอนสมัยเรียนหล่อไม่เบา ใช่เราจริงๆ” พร้อมถามหาเพื่อนผู้หญิงชื่อสุรางค์หญิงคนดังกล่าวบอกว่าสุรางค์ไม่ได้มาด้วย ก่อนจะถามเพื่อนว่าชื่ออะไร หญิงคนดังกล่าวบอกว่าชื่อสุกัญญา พิมลพรรณ มากับเพื่อนติ๋วและเหมียวด้วย นายกฯจึงได้ให้ช่างภาพมาถ่ายภาพร่วมกัน โดยนางสุกัญญาเผยว่า ตั้งใจมาพบ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน ป.1 ถึง ป.7 ที่โรงเรียนสหกิจวิทยา ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนโปลีเทคนิคลพบุรี นายกฯเป็นคนอารมณ์ดี ชอบเล่นสนุก ซุกซน เป็นที่รักของเพื่อนๆ ชอบวาดภาพศิลปะ พูดตรงไปตรงมา แม่นายกฯเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ตนและแม่นายกฯเคยเล่าว่าไปดูดวงมาหมอดูบอก พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นผู้นำประเทศแต่ไม่รู้แบบไหน และวันนี้เอาไข่เค็มดินสอพอง ขนมเปี๊ยะมาให้นายกฯ พร้อมนำเฟรนด์ชิปมาให้นายกฯดู จากนั้นนายกฯได้ร่วมถ่ายเซลฟี่กับประชาชนและข้าราชการ พร้อมทำมือสัญลักษณ์มินิฮาร์ตและไอเลิฟยู ก่อนขึ้นรถเพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางกลับ กทม.
ยังห่วงสื่อสารไม่ถึงประชาชน
ช่วงค่ำเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนว่า การกำหนดมาตรการแก้ปัญหาปากท้องต่างๆ ของประชาชนรวมทั้งปัญหาอื่นๆ ส่วนหนึ่งมาจากการร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนต่างๆ และจากการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องด้วยการรับฟังเสียงสะท้อน ความต้องการของประชาชน เพื่อนำมากำหนดนโยบายสาธารณะ หรือปรับปรุงกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่ในอดีต อย่างไรก็ตาม การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ทำอย่างไรจะให้ทั่วถึงพี่น้องประชาชน ซึ่งยังคงเป็นอุปสรรค เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำ จึงไม่ได้รับรู้ รับทราบ ในสิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลพยายามทำ พยายาม หยิบยื่นให้ การทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ และ ประชาชนนั้นทุกคนสามารถทำได้ เพียงแต่เราต้องมีศรัทธา และอุดมการณ์ ปราศจากการคิดทุจริต แต่ที่ง่ายที่สุด คือ การรักษาสุขภาพของตนเอง ทั้งกาย และจิต ด้วยการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้เราห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อเราแข็งแรงแล้วจะไม่เป็นภาระแก่ครอบครัว อีกทั้งยังมีเรี่ยวแรง สามารถไปทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติได้อย่างเต็มที่อีกด้วย จะได้ร่วมกันสร้างไทยไปด้วยกัน

ไทยนิยมยั่งยืนชาวบ้านชีวิตดีแน่
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามโครงการไทยยั่งยืน กล่าวว่า ตั้งแต่ ครม.รับทราบแผนดำเนินการโครงการฯตั้งแต่เดือน ม.ค.ได้ส่งทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ระดับตำบล ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ปัญหาความต้องการประชาชนครบทุกหมู่บ้าน ชุมชน รวม 4 ครั้ง ซึ่งการดำเนินงานมีความก้าวหน้าภายใต้งบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2561 จำนวน 95,758 ล้านบาท ประกอบด้วย แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินประมาณ 21,078 ล้านบาท มีโครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพหลัก แผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร วงเงิน 24,301 ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลัก และแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพชุมชน วงเงิน 50,379 ล้านบาท ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน หมู่บ้านละ 2 แสนบาท และโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ซึ่งประชาชนตอบรับโครงการไทยนิยมยั่งยืนเป็นอย่างดี แต่ต้องใช้เวลาต้องค่อยๆทำไป เพราะเป็นเรื่องยากในการเปลี่ยนความเคยชินเดิมๆ มั่นใจว่าจะทำให้ประชาชนมีวิถีชีวิตดีขึ้นแน่นอน
ทบ.จ่อยุบ–รวม–คืนพื้นที่ให้สังคม
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.กล่าวถึงการย้ายหน่วยทหารออกนอกพื้นที่ว่า คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทัพบก เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ชาติดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1.การจัดทำโครงสร้างของกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต หน่วยใดที่มีความจำเป็นน้อยลง จะยุบหน่วย หรือปรับเปลี่ยน และหน่วยใดจำเป็นที่ต้องเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ หรือมียุทโธปกรณ์สมัยใหม่เข้ามาก็พิจารณา 2.สถานภาพของกำลังพลในปัจจุบัน กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสอดรับกันหรือไม่ ทำอย่างไรถึงจะลดกำลังพลได้ 3.การจัดระเบียบที่ตั้งหน่วยทหารให้สอดคล้องกับภารกิจที่ได้รับในกลุ่มเดียวกัน และจะมีการย้ายหน่วยบางหน่วยไปภายนอก เพื่อลดความคับคั่งในพื้นที่ ซึ่งกำลังพลในกรุงเทพฯมีปัญหาที่อยู่กันอย่างแออัด เช่นกองบัญชาการกองทัพบกอาจจะมีบางหน่วยไปอยู่ข้างนอก หรือหน่วยตรงพื้นที่ใดที่ไม่มีความจำเป็นอาจทำเป็นปอดของกรุงเทพฯ เป็นสวนสาธารณะ
ชี้มวลชนบางลงไปสุมหัวโซเชียล
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.) ครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการว่า 2 ปีที่ผ่านมาในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ทำทุกอย่างตามแนวทางที่กำหนด ส่วนชีวิตหลังเกษียณไม่อยากลงเล่นการเมือง แต่จะกลับมารับใช้ชาติอีกครั้งหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ หากมีอะไรที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมก็ทำ หลังจากนี้ กกล.รส.จะกำหนดท่าทีและทิศทางหลังปลดล็อกเพื่อเตรียมการเลือกตั้งตามความเหมาะสม ไม่เป็นห่วงว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะมีความวุ่นวาย ทุกภาคส่วนเตรียมการเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง การเคลื่อนไหวของมวลชนอาจจะน้อยลงแต่อาจมีการเคลื่อนไหวทางโซเชียล บทบาทของ กกล.รส.ก็ดำเนินการไปตามกรอบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก ยกเว้นมีความจำเป็นที่ต้องใช้ กกล.รส.ในแต่ละภารกิจ
แนะ “บิ๊กแดง” อย่าหวั่นไหวอดีต
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.คนใหม่ ถูกโจมตีหลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองในอดีตว่า เมื่อสถานการณ์ผ่านไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เราพิจารณาตามความเหมาะสม เชื่อว่า พล.อ.อภิรัชต์สามารถนำกองทัพไปได้ แต่ละสถานการณ์ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาเมื่อมาทำหน้าที่ ผบ.ทบ.ก็จะมีกรอบในการดำเนินการสิ่งเหล่านี้ไม่ควรมองย้อนไปในอดีต