บิ๊กตู่บินซื้อดาวเทียมธีออส2

“บิ๊กป้อม” ยังไม่ฟันธงใช้ทางเลือกไหน แผ้วทางสู่การเลือกตั้ง-แก้ปัญหาพรรคการเมือง ยังไม่ชัดวันหารือพรรคการเมือง อาจเป็นสิ้นเดือน มิ.ย. ยันปลดล็อกเมื่อกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายประกาศใช้ ยืนกรานโรดแม็ปเลือกตั้ง ก.พ.62 กกต.รอดูท่าทีรัฐบาลเอาไง แต่ย้ำเลือกตั้งยังตามโรดแม็ปเดิม ด้านพรรคการเมืองรุมจี้ปลดล็อกดีที่สุด พท.ชี้คิดแค่คลายล็อกเลยยุ่งเป็นลิงแก้แห หวั่นเป็นข้ออ้างขยายโรดแม็ป ยืนกรานไม่ไปร่วมหารือกับ คสช. ปชป.แนะใช้ ม.44 ผ่าทางตัน เตือนไม่ปลดล็อกปัญหาจะเกิดกับพรรคใหม่มากกว่า “วิษณุ” ยันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีทำประเทศมั่นคง ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม สนช.ตั้ง กมธ. 38 คน พิจารณารายละเอียด นายกฯเปิดเวทีผู้นำ ACMECS สานความร่วมมือเพื่อนบ้าน

กรณีที่รัฐบาลโดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ประชุมร่วมกับ กกต. กรธ. สนช. ตลอดจนกฤษฎีกาและ คสช. เพื่อเตรียมหาแนวทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับการทำกิจกรรมตามรัฐธรรมนูญของพรรคการเมือง และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งนั้น

...

“บิ๊กป้อม” ยังไม่ฟันธงใช้ทางออกไหน

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. เวลา 09.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าที่ประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้งเสนอ 3 ทางออกแก้ปัญหาการจัดการเลือกตั้ง คือ การออก พ.ร.บ. พ.ร.ก. และใช้มาตรา 44 ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตนยังไม่รู้ว่าจะใช้มาตรา 44 หรือไม่ เพราะยังไม่มีความชัดเจน และยังไม่ได้พูดคุยกัน เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งก็ยังไม่มีการส่งเรื่องมาให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณา จึงยังตอบไม่ได้ ส่วนการกำหนดวันหารือกับพรรคการเมืองนั้น ตนยังไม่ได้กำหนด ขอดูวันก่อน อาจเป็นช่วงปลายเดือน มิ.ย. และไม่ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เดินทางกลับจากการไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส เพราะนายกฯได้มอบหมายให้ตนมาดูเรื่องนี้แล้ว เมื่อถามว่า มีคนกลัวว่าหากเลือกใช้สถานที่สโมสรทหารบก (ทบ.) จะซ้ำรอยรัฐประหารเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะไปแล้วไม่ได้กลับออกมา พล.อ.ประวิตรตอบว่า “โอ๊ย คิดมากไปได้”

ปลดล็อกแน่หลังใช้ ก.ม.ลูก 2 ฉบับ

เมื่อถามว่ามีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมือง ไม่ใช่แค่คลายล็อก พล.อ.ประวิตรตอบว่า ต้องมาพูดคุยกันก่อน การจะปลดล็อก จะปลดทันทีหลังจากกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับประกาศใช้แล้ว แต่ตอนนี้กฎหมายยังไม่ออกมา ก็ทำอะไรไม่ได้ คลายล็อกนั้นคลายได้ ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ไม่สามารถปลดล็อกได้นั้น ตนเห็นว่าก็มีแค่กฎหมาย 2 ฉบับ ไม่ต้องมีนอกเหนือจากนั้น ยืนยันว่าการเลือกตั้งยังคงเกิดในเดือน ก.พ.2562 ส่วนที่นายวิษณุยังไม่กล้ายืนยันว่าจะมีการเลือกตั้ง ก็ให้ไปถามเขาเอง นายวิษณุอาจจะห่วงเรื่องกฎหมาย ส่วนกังวลหรือไม่ว่าหากมีการคลายล็อกแล้วจะมีการออกมารวมตัวชุมนุม พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ถ้ากลัว ผมก็ไม่ต้องปลด ไม่กลัว กลัวอะไร เราทำไปตามกฎหมาย ก็ไม่มีอะไร”

อยากแก้ รธน.ไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อถามถึงกรณีวงเสวนาที่มีพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคอนาคตใหม่ระบุว่า ถึงอย่างไรก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 อย่างแน่นอน ทั้งที่การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรตอบว่า ต้องไปถามเขาดูว่ามีเจตนาอะไร ตนไม่รู้เจตนา เขาอยากแก้ แต่แก้ไม่ง่าย ส่วนที่มีการเสนอว่าอยากให้รัฐบาลและ คสช.ออกจากตำแหน่ง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่าเสนอไปได้ทั้งนั้น อยากเสนออะไรก็เสนอได้

กกต.รอรัฐบาลเคาะคลายปม

เมื่อเวลา 10.30 น. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวถึงผลการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองร่วมกับรัฐบาลว่า กกต.ได้ชี้แจงถึงปัญหาที่ติดขัดของพรรคการเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/60 และได้ขอรัฐบาลพิจารณาให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง โดยรัฐบาลจะไปพิจารณาหาวิธีการเพื่อให้ กกต.รับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนได้ โดยไม่มีการยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และประกาศคสช.ที่ 57/2557 เมื่อได้ข้อมูลแล้ว กกต.จะวินิจฉัยเลือกใช้รูปแบบใดในแต่ละเขต รวมใช้เวลาประมาณ 50 วัน พรรคการเมืองจะมีข้อมูลส่วนนี้เพื่อไปทำไพรมารีโหวตที่คาดว่าพรรคจะมีเวลา 35 วัน คิดว่าพรรคที่มีความพร้อมและมีศักยภาพจะสามารถทำได้ รวมแล้วจะใช้เวลา 85 วัน จะเหลือ 5 วันก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเรื่องที่พรรคจะไปแย่งกันหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน เพื่อทำไพรมารีโหวต เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศมีประมาณ 45 ล้านคน ถ้าพรรคการเมืองจะมาคิดเรื่องแย่งสมาชิกก็เป็นความคิดที่สุดโต่ง ดังนั้น พรรคต้องสร้างความศรัทธาให้ประชาชน

เผยกฤษฎียกร่างตัดหัวหน้าสาขา

ประธาน กกต.กล่าวว่า ในส่วนของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 รัฐบาลจะแก้ไขให้พรรคทำในบางเรื่อง เช่น จัดประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค ประกาศอุดมการณ์ จัดหาสมาชิก เพราะปัจจุบันองค์ประกอบของการประชุมที่มีอยู่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ได้ขอให้ไม่ต้องใช้หัวหน้าสาขาพรรคมาเป็นองค์ประชุม กฤษฎีกาจะไปดูรายละเอียดเหล่านี้และยกร่างการแก้ไขคำสั่งดังกล่าวเสนอรัฐบาล และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็จะนำเรื่องนี้หารือกับนายกฯและ คสช.

เลือกตั้งยังเป็นไปตามโรดแม็ป

นายศุภชัยกล่าวอีกว่า ในการหารือการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดแม็ป ไม่เลื่อน แต่อาจจะมีการขยับปรับเปลี่ยนบ้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนจะเกิดการเลือกตั้งอะไรก่อน ก็ขึ้นอยู่กับว่ากฎหมายใดมีผลบังคับใช้ก่อน โดยในที่ประชุมได้ซักถามถึงความคืบหน้าของกฎหมายแต่ละฉบับ โดยกฎหมาย ส.ส.และ ส.ว.อยู่ระหว่างนายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนกฎหมายท้องถิ่นคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น และจะนำเสนอให้ สนช.พิจารณา คาดการณ์ว่า สนช.จะใช้เวลาพิจารณา 60-90 วัน เนื่องจากจะมีกฎหมายของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าพิจารณาด้วยรวม 6 ฉบับ อย่างไรก็ตามในส่วนของ กกต.ได้ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบว่าหากจะมีการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นควรจะเว้นระยะห่างกันประมาณ 3 เดือน เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นมีเรื่องร้องเรียนมาก และกำลังคนของ กกต.ก็มีจำกัด

“บิ๊กป๊อก” ย้ำทุกฝ่ายเร่ง ก.ม.ท้องถิ่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับ ว่า กฎหมายดังกล่าวน่าจะอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา และทราบว่าเขาพยายามเร่งกันอยู่ แต่ไม่ทราบว่าจะเร่งได้เร็วแค่ไหน จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเลือกตั้งระดับชาติที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือน ก.พ.2562

พท.เย้ย “วิษณุ” เป็นลิงแก้แห

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับ กกต. สนช. กรธ.หาทางออกข้อติดขัดจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ว่า วงประชุมดังกล่าวพบปัญหาจากคำสั่ง 3-4 ประการ อาทิ การประชุมใหญ่พรรคการเมืองที่ทำไม่ได้ การตั้งสาขาพรรคที่ทำไม่ได้ การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ยังเป็นปัญหา จึงมีข้อเสนอแนวทางใช้ พ.ร.ก. พ.ร.บ. หรือมาตรา 44 หาทางออกโดยจะให้หัวหน้า คสช.เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ถ้อยคำที่นายวิษณุใช้คือการคลายล็อกไม่ใช่ปลดล็อก ปัญหาใหญ่ที่ว่ามาทั้งหมด เกิดจาก คสช.มองการใช้อำนาจ มองเรื่องความมั่นคง มากกว่าการนำประเทศไปสู่แนวทางประชาธิปไตย คสช.ใช้มาตรา 44 แก้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ผ่านการพิจารณาของ สนช. จึงเกิดความวุ่นวายพันกันยุ่งไปหมด วิธีที่จะแก้ปัญหาตอนนี้ เหมือนลิงแก้แห แก้อันนี้ก็จะเจออันนั้นต่อ

หวั่นเป็นข้ออ้างขยายโรดแม็ป

นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการออกคำสั่ง คสช.แทบทั้งสิ้น ใช้มา 4 ปี ยังไม่พออีกหรือจะใช้ต่อไปถึงไหน ทางแก้ที่ถูกต้องคือการปลอดล็อก ไม่ใช่คลายล็อก เมื่อปัญหาเกิดจากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ก็ควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก รวมถึงยกเลิกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการล็อกกิจกรรมทางการเมือง โดยให้ใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปกติ ก็จะไม่เกิดความวุ่นวายเช่นนี้ ทั้งนี้ สิ่งที่เกรงว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการแก้นู้น แก้นี่ อาจกลายเป็นการขยายโรดแม็ปออกไปอีก เพราะสิ่งที่แก้มีหลายอย่าง ถ้าขยายโรดแม็ปก็จะเกิดปัญหากับประเทศ วุ่นวายไปใหญ่ เพราะอาจเกิดการไม่ยอมรับ

ยืนกรานไม่คุย-ไม่ใช่หน้าที่ คสช.

เมื่อถามกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเรียกพรรคการเมืองประชุมในสิ้นเดือน มิ.ย. ท่าทีของพรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าร่วมเหมือนเดิมหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่าพรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนแปลงท่าที เรายังยืนยันจุดยืนเดิม เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ คสช. ที่จะเชิญพรรคการเมืองมาร่วมประชุม วันนี้ คสช.ดูเหมือนจะกลายเป็นผู้มีส่วนได้เสียมากขึ้น เพราะพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ออกตัวจะสนับสนุน คสช.เป็นจำนวนมาก ทำให้ คสช.ยิ่งขาดความชอบธรรม ในการเชิญพรรค การเมืองมาพูดคุย

เย้ยประชุมไม่มีอะไรคืบหน้า

ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวได้เพียงข้อเสนอในการแก้ปัญหา โดยให้ คสช.ไปตัดสินใจ ทั้งการออก พ.ร.ก. พ.ร.บ.หรือมาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหา ยังไม่มีข้อสรุปอะไรที่ชัดเจนนำไปสู่การแก้ปัญหาได้ ไม่ระบุว่าจะปลดล็อกเมื่อไร คลายล็อกอย่างไร หรือให้ไปหาสมาชิกพรรคทำได้อย่างไรบ้าง ทำไมไม่ทำให้ชัดเจนไปเสีย สรุปแล้วการประชุมเมื่อวาน (14 มิ.ย.) ไม่มีอะไรชัดเจนเลย

“องอาจ” โลกสวยมั่นใจ ลต.ก.พ.62

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการหารือของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาและอุปสรรค ว่า การพูดคุย จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่ายที่จะเดินหน้าไปตามโรดแม็ปและตามกฎหมายต่างๆ ทั้ง คสช.รัฐบาล คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นผู้ออกกฎมาย ได้เข้าใจตรงกัน ว่าการจะเดินหน้าไปสู่โรดแม็ปของการเลือกตั้ง อะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรคและมีแนวทางแก้ไขอย่างไร เชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายรับฟังข้อมูลต่างๆ ด้วยจิตใจที่เปิดกว้างจะแก้ปัญหาได้ ถ้ามีการดำเนินการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ คิดว่าการเลือกตั้งตามโรดแม็ป เดือน ก.พ.62 มีความเป็นไปได้ เพราะดูจากการประชุมแล้ว ทำให้ คสช.มองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนจะใช้วิธีการใดก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ คสช. สถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมายังคลุมเครืออยู่ แต่จากการประชุมดูแล้วทำให้กระจ่างชัดว่าอะไรเป็นอุปสรรค และมีจุดร่วมที่มีความเข้าใจปัญหาอุปสรรคที่ตรงกัน

“วิรัตน์” แนะใช้ ม.44 คลี่ปัญหา

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะนัดพรรค การเมืองหารือก่อนการคลายล็อกพรรคการเมืองในบางประเด็นและเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามที่รัฐบาลระบุตามโรดแม็ปว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมือ ผู้บริหารพรรคยืนยันแล้วว่าจะเข้าร่วมประชุมกับ คสช. รัฐบาล และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาพรรคการเมือง ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะนัดหมายให้มีการพูดคุยกันก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. ส่วนผลหารือของรัฐบาล คสช. กรธ. กกต. และตัวแทนกฤษฎีกาเพื่อแก้ปัญหาคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 เพื่อคลายล็อกให้กับพรรคการเมืองนั้น ส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาโดยออกเป็น พ.ร.ก.ไม่เหมาะสม แต่หากใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขจะ เหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ คือ ต้องยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ที่ออกมาก่อน รวมถึงยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ไปในคราวเดียวกัน

“นิพิฏฐ์” ชี้พรรคใหม่มีปัญหามากกว่า

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาเวลานี้ทั้งหมดอยู่ที่การปลดล็อกพรรคการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทุกพรรคการเมืองต่างเรียกร้องเพราะเกรงว่าเวลาที่เหลืออีกเกือบ 1 ปี ถ้านับตามโรดแม็ปว่าจะเลือกตั้งในเดือน ก.พ.62 จะเตรียมการภายในพรรคไม่ทัน โดยเฉพาะการหาสมาชิกพรรคในแต่ละจังหวัดให้ครบ 100 คน ซึ่งพรรคเก่า พรรคใหญ่มีสมาชิกพรรคเดิมบ้างแล้ว พรรคใหม่ พรรคเล็กที่สนับสนุนทหารน่าจะมีปัญหาในเรื่องเหล่านี้มากกว่า แต่ผู้มีอำนาจกลับใช้คำว่าคลายล็อก คือค่อยๆปล่อยทีละล็อก หรือทีละเรื่อง ซึ่งตนคาดว่าเรื่องที่ คสช.จะปลดล็อกเรื่องสุดท้ายคือการปราศรัยหาเสียง คือจะให้สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ดังนั้นอย่าพยายามเอาเทคนิคทางกฎหมายมาเป็นอุปสรรคจัดการเลือกตั้ง รัฐบาล คสช.บอกว่าเข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศ ผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่ทำไมประเทศอื่นเขาใช้เวลาในการเตรียมการ และจัดการเลือกตั้งแค่ 30-45 วัน ทำไมประเทศเราใช้เวลา 150 วัน บวกอีก 90 วัน แล้วยังบอกว่าจะไม่ทันอีก มันเป็นยุคอะไรกัน มันปฏิรูปตรงไหน

“เอนก” ฟุ้งให้ ผวจ.เทียบเท่า รมต.

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอประกาศว่า ถึง คสช. หรือรัฐจะประกาศไม่ใช้ไพรมารีโหวตในการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พรรคยังจะเลือกผู้สมัครด้วยไพรมารีโหวต ประชาชนจะไม่เป็นเพียงผู้หย่อนบัตรเลือกตั้งหรือรอรับนโยบายและประโยชน์จากรัฐ หรือเป็นเพียงผู้ออกมาเดินขบวนประท้วง ขับไล่รัฐบาลที่ไม่ดีเท่านั้น แต่จะต้องเป็นพลเมืองที่ร่วมกำหนดนโยบาย ร่วมปฏิบัติ ร่วมดำเนินนโยบาย ร่วมสร้างบ้านเมืองด้วยตนเองให้มากที่สุดด้วย เป็นความคิด อุดมการณ์ในเรื่องประชาธิปไตยทางตรงของเราและจะปฏิรูปใหญ่ เช่น จะทำให้ผู้ว่า-ราชการมาจากประชาชน แต่เชื่อมโยงใกล้ชิดกับส่วนกลางและนายกรัฐมนตรี มีสถานะเทียบเท่ารัฐมนตรี อยู่ในวาระสี่ปี ต้องมีการประชุมนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกเดือน ทำให้แข่งขันกันสร้างผลงานเอาใจประชาชน ไม่ใช่ตามใจแต่รัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวง อย่างที่ทำกันมา

“อ๋อย” รุกทวงสิทธิธุรกรรมการเงิน

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย มอบหมายให้ทนายไปยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณานำเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำสั่ง คสช. ที่ 10/2557 เรื่องระงับธุรกรรมทางเงิน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.57 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต่อมานายจาตุรนต์โพสต์เฟซบุ๊กว่า คำสั่งนี้บังคับใช้มา 4 ปีกว่า ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน เป็นคำสั่งที่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จำกัดสิทธิหรือเสรีภาพเกินสมควร กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล เลือกปฏิบัติ ขัดในเรื่องของสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เพียงแค่ผู้ถูกออกคำสั่งมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง มิได้มีพฤติกรรมก่อความไม่สงบในบ้านเมือง รัฐควรจัดระบบความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม ดังนั้น จึงควรเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

ยันยุทธศาสตร์ชาติทำ ปท.มั่นคง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ชาติตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า ยุทธศาสตร์ชาติจะบังคับใช้ประมาณ 20 ปี อาจเกิดความวิตกว่าจะสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้แล้วว่า 1.ต้องมีการทบทวนทุก 5 ปี 2.ในระหว่าง 5 ปี ถ้าเหตุการณ์บ้านเมืองหรือสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไป คณะกรรมการของแต่ละด้าน สามารถพิจารณาและแจ้งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จากนั้นจะแจ้งมายังคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อขอแก้ไข จึงไม่ซับซ้อนและไม่ได้ผูกมัดรัฐบาลชุดใหม่ในอนาคตจนไม่สามารถทำอะไรได้ การที่ประเทศมีความมั่นคง เหมือนเด็กที่ถูกหล่อหลอมเลี้ยงดูภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ที่น่าจะวางใจได้ว่าเมื่อเด็กคนนี้บรรลุนิติภาวะ จะบวชเรียนก็ได้ แต่งงานได้ หรือเท่ากับจบปริญญาตรี ดังนั้น จะเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนในสังคมต่อไป

มีผลผูกพันทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม

นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อยุทธศาสตร์ชาติยังบังคับ ใช้อยู่ ทุกคนทุกฝ่ายจะต้องปฏิบัติตาม แต่หากจะไม่ปฏิบัติตามต้องแก้ไขหรือปรับปรุงก่อน โดยเมื่อประกาศ ใช้แล้วจะมีผล 5 ประการ ที่ต้องผูกพันและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ คือ 1.ผูกมัดรัฐบาล โดยนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาต้องไม่ขัดแย้ง 2.ผูกผันแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ต้องสอดคล้อง 3.การจัดทำแผนอื่นใดที่เป็นแผนแห่งชาติจะต้องสอดคล้อง 4.การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากนี้ไปต้องสอดคล้อง และ 5.แผนการปฏิรูปประเทศ ต้องสอดคล้อง โดยต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ชาติวันนี้เสนอเข้ามายังสภาจำนวน 71 หน้าเท่านั้น และไม่มีรายละเอียดของโครงการ เพราะต้องไปทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการต่อไป คาดว่าน่าจะยกร่างเสร็จใน 2 เดือน โดยจะต้องนำเสนอต่อสภาอีกครั้ง

ตั้ง กมธ.38 คนก่อนให้ความชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นที่ประชุมเปิดให้สมาชิก สนช.ได้อภิปรายแสดงความคิดเห็น โดยสนช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้ แต่เสนอว่ายังไม่มีตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน และควรให้มีการบูรณาการการทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติกับหน่วยงานราชการเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ รวมทั้งบรรจุแผนยุทธศาสตร์ชาติ เข้าไปในแผนแม่บทด้วย โดยเฉพาะโครงการที่สำคัญ และควรสร้างความรับรู้ ว่ายุทธศาสตร์ฉบับนี้เป็นของประชาชนทุกคน ทั้งนี้หลังใช้เวลา 4 ชั่วโมง ในการอภิปราย ที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาร่างยุทธศาสตร์ชาติ ก่อนให้สภาให้ความเห็นชอบ จำนวน 38 คน กำหนดเวลาพิจารณาภายใน 22 วัน และเสนอกลับมาสภา ให้ความเห็นชอบภายในวันที่ 7 ก.ค.

“บิ๊กตู่” เปิดเวทีผู้นำ ACMECS

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ถนน เจริญกรุง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECSACMECS CEO Forum ภายใต้หัวข้อ Connecting our Future: Enhancing ACMECS Cooperation and Integration โดยมีผู้นำประเทศสมาชิก ได้แก่นายอู วินมยิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราช– อาณาจักรกัมพูชา นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และผู้แทนภาคเอกชนจากประเทศสมาชิกเข้าร่วม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศสมาชิกจะต้องบริหารจัดการความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกอย่างครบวงจรเร่งด่วน ผลักดันให้มีแผนแม่บทบรรจุเรื่องการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร้รอยต่อ ผลักดันจัดตั้งกองทุน ACMECS เพื่อระดมทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่าไทยมุ่งมั่นร่วมมือกับภาคเอกชนลดอุปสรรคทางการค้า และอำนวยความสะดวก โดยไทยมีนโยบายต้อนรับแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมาย พร้อมดูแลให้ได้รับสิทธิต่างๆอย่างเป็นธรรม

เร่งเปิดจุดบ้านหนองเอี่ยน–สตึงบท

ต่อมาเวลา 15.00 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน หารือทวิภาคีกับนายกฯ โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ต้อนรับและกล่าวอวยพรการประชุม CLMV ซึ่งกัมพูชาจัดคู่ขนานเป็นประโยชน์สอดประสานกัน ขณะที่นายกฯกัมพูชากล่าวขอบคุณและพร้อมสนับสนุนแผนแม่บท ACMECS ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ขอให้ไทยและกัมพูชาเร่งรัดเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท และจุดผ่านแดนในพื้นที่ต่างๆ ในด้านแรงงานนายกฯกัมพูชายืนยันสนับสนุนรัฐบาลไทยต่อการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย เสริมสร้างการเชื่อมโยงโดยเฉพาะโครงการเดินเรือ ชายฝั่งไทย กัมพูชา เวียดนาม จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการค้าและการท่องเที่ยวของอนุภูมิภาค

จับเข่าคุย “ทองลุน–เหงียน ซวน ฟุก”

จากนั้นเวลา 15.40 น. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา พล.อ.ประยุทธ์ หารือทวิภาคีกับนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว โดยนายกฯกล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากฝ่าย สปป.ลาว ในเรื่องแรงงานลาวเข้ามาทำงานในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ด้านนายกฯ สปป.ลาว กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการพัฒนาของ สปป.ลาวในหลายด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมโยงสะพานและถนนสายต่างๆ รวมทั้งการพัฒนาการเชื่อมโยงทางคมนาคมแบบไร้รอยต่อ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวในภูมิภาค

ต่อมาเวลา 16.20 น. พล.อ.ประยุทธ์หารือทวิภาคีกับนายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายกฯกล่าวว่า ไทยพร้อมร่วมมือเสริมสร้างความเป็นประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ความเชื่อมโยง ความร่วมมือแห่งอนาคต สร้างความแข็งแกร่งไปด้วยกัน และเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้บรรลุเป้าหมาย 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2563

ศก.ขยับหลังชะงักจากการเมือง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางในอนาคต การส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของสมาชิกกลุ่มน้ำโขง”ในเวทีการประชุมยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ว่า การร่วมมือของ ACMECS ต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันและวางแผนร่วมกัน ประเทศไทยเศรษฐกิจหยุดมา 10 ปี แต่วันนี้มีการลงทุนขนาดใหญ่แล้ว ขณะที่เรื่องของการเมืองย่อมส่งผลกระทบหากไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลเศรษฐกิจถดถอยไปพักหนึ่ง แต่ขณะนี้มีเสถียรภาพแล้ว ซึ่งถ้าการเมืองไทยมีเสถียรภาพ ก็จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายกฯร่ายกลอนประชารัฐ-ไทยนิยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยแพร่บทกลอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แต่งขึ้น ชื่อว่า “ประชารัฐ ไทยนิยม” โดยมีเนื้อหาว่า ประชารัฐ ไทยนิยม เหมาะสมยิ่ง ทำทุกอย่าง ตามจริง ให้มองเห็น สารพัน ปัญหา น่าลำเค็ญ ให้เปรียบเป็น แสงสว่าง ส่องทางไป ไม่มีใด จะได้มา อย่างง่ายดาย ไม่กระจาย เชื่อมโยง ต้องสงสัย ความเข้มแข็ง สามารถ ขาดหายไป ทำต่อไป เช่นเดิม ไม่เสริมกัน ทั้งงบกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น เป็นอาจิณ ผ่านมา ให้สร้างสรรค์ ทำไม่ดี ทุจริต สินบนกัน แล้วสักวัน ล่มสลาย หยุดหายใจ ขอวอนให้ คนไทย ต้องรีบตื่น เพื่อจะฟื้น เศรษฐกิจ ให้สดใส รายได้น้อย ปานกลาง สูงขึ้นไป เพื่อช่วยให้ ประเทศชาติ พัฒนา

“บิ๊กตู่” โชว์ตัวเลข 4 ปี คสช.พุ่ง

เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา เพื่อการพัฒนา อย่างยั่งยืนตอนหนึ่งว่า มองย้อนถึงการวัดผลงานรัฐบาลในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา หากว่าเราดูที่ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมจะเห็นว่า ไม่มีตัวไหนที่แย่ลง การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์สูงขึ้นถึง 4 ล้านล้านบาท GDP โต 2 ล้านล้านบาท การส่งออก การลงทุน ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่า 4 ปีที่ผ่านมาภาคเกษตรของเรากลับลำบากมาก ไม่เหมือน กับยุคต้มยำกุ้ง ที่ตลาดโลกดี พืชผลทางการเกษตรก็ดีทำให้ขายได้ ประเทศมีรายได้มาช่วยจุนเจือให้เราพ้นวิกฤติในที่สุด แต่ครั้งนี้นั้นตลาดโลกยังซบเซา ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาโดยตลอด และ 10 ปีที่ผ่านมาเราพลาดโอกาสหลายๆ อย่างในการพัฒนาประเทศ เหมือนกับชีพจรของประเทศนั้นเต้นแผ่ว ประเทศในภาพรวมไม่มีเสถียรภาพ วันนี้เราต้องมาพลิกฟื้นสร้างความเข้มแข็งใหม่ ช่วยกันเร่งพัฒนาศักยภาพให้ทัน ชดเชยกับโอกาสที่เราเสียไป คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราต้องทำหลายๆอย่างพร้อมกัน สิ่งที่สำคัญในวันนี้ เราต้องเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้กระจายลงไปจนถึงฐานราก ไปถึงเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย

กำชับท้องถิ่นต้องรู้ทุกเรื่องที่รัฐทำ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ต้องการทำงานเพียงแค่คิดนโยบาย แล้วนั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง อย่างที่เขาว่ากัน การลงพื้นที่ไม่ทั่วถึงก็พัฒนายาก ที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้น อาจจะไปลงในพื้นที่ของฝ่ายรัฐบาลมากเกินไป พื้นที่ฝ่ายค้านไม่ได้ หรือได้น้อย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ปลัด อบต. ทั้งหมดนี้จะต้องมีความเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม และมีการพัฒนาต่อยอดออกไปได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เท่าเทียม ต่ออะไรก็ไม่ได้ วันนี้รัฐบาล คสช. กอ.รมน. ก็ได้ไปสัมผัสกับพื้นที่ทั้งด้วยตัวเอง แล้วก็หน่วยงานที่กล่าวไปแล้ว ขอฝากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. อบจ. เทศบาล ทั้งหมดท่านต้องรู้ทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ ต้องรู้ทุกช่องทาง ต้องรู้ถึงโอกาส และรู้ถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้ เพื่อท่านจะเชื่อมต่อความต้องการของประชาชนมาให้ถึงรัฐบาลได้

“สุวพันธุ์” รับมี ขรก.อยู่ตึกบ้านป่าแหว่ง

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการตุลาการ ว่าเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่ ปลูกป่า การทำฝายชะลอน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำไปบ้างบางส่วนและจะมีแผนทำเพิ่มเติม ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีข้าราชการเข้าไปพักนั้น เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เข้าไปพักอาศัยในอาคารชุด ไม่ใช่บ้านเดี่ยว เมื่อถามว่าเครือข่ายฯขีดเส้นตายว่า 18 มิ.ย.จะต้องไม่มีคนอยู่เลย นายสุวพันธุ์ตอบว่า ไม่ได้ขีดเส้นว่า 18 มิ.ย.จะไม่มีคนอยู่เลย แต่หมายถึงวันที่ต้องสิ้นสุดสัญญาการก่อสร้าง แต่ทางผู้รับเหมาได้ขอขยายสัญญาก่อสร้างออกไปถึงต้นเดือน ส.ค.นี้ ยังไม่ทราบว่าศาลให้ขยายเวลาหรือไม่

ศาลยึดทรัพย์ “เกษม” รวยผิดปกติ

วันเดียวกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน นัดฟังคำพิพากษา ที่อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ดิน 2 แปลง ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด มหาชน จำนวน 21,140,746.50 บาท ของนายเกษม นิมมลรัตน์ และนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส ตกเป็นของแผ่นดิน กรณีที่ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ค.60 ชี้มูลความผิดว่านายเกษม นิมมลรัตน์ อายุ 54 ปี อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายก อบจ.เชียงใหม่ ผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นคนสนิทนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มี พฤติการณ์ทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ เมื่อพ้นจากตำแหน่ง รองนายก อบจ.เชียงใหม่ ศาลฎีกามีมติให้ทรัพย์ทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นผิดปกติพร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 ม.4 และ 38 หากไม่สามารถบังคับตามคำพิพากษาได้ทั้งหมดหรือได้เพียงบางส่วนให้บังคับเอาทรัพย์สินอื่นได้ แต่มูลค่าต้องไม่เกิน 21,140,746.50 บาท ตามที่ศาลพิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดิน

บินซื้อดาวเทียมฝรั่งเศส 6.8 พันล้าน

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงเทพฯว่า ระหว่างการเยือนฝรั่งเศสในเดือน มิ.ย.นี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย จะทำข้อ ตกลงซื้อดาวเทียมสังเกตการณ์ “ธีออส 2” จากบริษัทแอร์บัสของฝรั่งเศส มูลค่า 215 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6,880 ล้านบาท) คาดว่าแอร์บัสผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของยุโรป จะประกาศเรื่อง การขายดาวเทียมธีออส 2 ให้ไทยระหว่างที่ พล.อ. ประยุทธ์เข้าพบปะเจรจากับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันที่ 25 มิ.ย. แหล่งข่าวดังกล่าวเผยว่า การเจรจาทำสัญญาซื้อขายดาวเทียมธีออส 2 สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งดาวเทียมนี้ไม่ใช่ดาวเทียมทางการทหาร แต่เป็นดาวเทียมที่ถูกพัฒนาเพื่อตรวจเช็กด้านการเกษตรและการเซาะกร่อนของชายฝั่ง โดย พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดพบปะเจรจากับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในกรุงลอนดอน ในวันที่ 20 มิ.ย. ก่อนเดินทางต่อไปฝรั่งเศส รวมทั้งไปเยี่ยมชมสายพานประกอบเครื่องบินของแอร์บัสที่เมืองตูลูสในวันที่ 22 มิ.ย.ด้วย