หลังจากที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาชี้แจงกระแสข่าวที่ว่าจะมีการสนับสนุนให้ตนกลับมาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เราต้องเคารพกฎเกณฑ์กติกา และยืนยันสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป คงจะหมายความว่า เมื่อเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องชิงนายกรัฐมนตรี
เหตุที่มีกระแสข่าวนายชวนจะกลับมา เนื่องจากผลการเลือกตั้งมาเลเซีย ทำให้นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกในวัย 92 ปี นายชวนซึ่งเป็นเจ้าของวาทะ “เรายึดมั่นในระบบรัฐสภา” ยังได้ฝากข้อคิดไว้ด้วยว่า บ้านเมืองต้องอาศัยคนทุกวัย และขอเชิญชวนคนดีที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความสามารถ มาร่วมงาน การเมือง
เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ และซื่อสัตย์สุจริต เป็นคุณสมบัติที่พึงปรารถนาของนักการเมือง แต่อาจจะหายากในเมืองไทย แม้จะมีคนดีเป็นอันมากอยากทำงานการเมือง แต่กลัวเปลืองตัว เพราะต้องถูกตรวจสอบเข้มข้น และคนที่มีความรู้ความสามารถ หรือคนเก่งๆบางคน อาจขาดคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต บริหารประเทศไป โกงกินควบคู่กันไป
เหตุผลที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่มีบางคนเรียกร้องหานายชวน อาจเพราะพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน มีปัญหาเรื่องความเป็นเอกภาพ เนื่องจากกรณี กปปส. ผลการหยั่งเสียงของนิด้าโพลเมื่อเร็วๆนี้ นายอภิสิทธิ์ได้อันดับ 3 ของคนที่ชาวบ้านอยากได้เป็น นายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้อันดับ 3 รองจากพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งยังตั้งพรรคไม่เสร็จ
นอกจากเสียงเรียกร้องเรื่องนายชวน ยังมีเสียงเรียกร้องจากอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ที่ยังไม่ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค) ยังได้เรียกร้องให้ปฏิรูปพรรคด้วย แต่ไม่ชัดเจนว่าปฏิรูปในเรื่องใดบ้าง แต่ในยุคปฏิรูปที่ทุกฝ่ายเรียกร้องนี้ นอกจากจะปฏิรูปเรื่องตัวบุคคลแล้ว นโยบายและแนวทางการบริหารประเทศ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
...
บางฝ่ายวิจารณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรค “อนุรักษนิยม” ไม่นิยมการปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลง พรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ต้องลบภาพลักษณ์นี้ให้ได้ หัวหน้าพรรคซึ่งเป็นคนหนุ่มเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเคยเป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น่าจะมีแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจใหม่ๆ ไม่ยึดติดแนวทาง “มือใครยาวสาวได้สาวเอา”
จะต้องไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจ ที่มุ่งเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีอย่างเดียว เอื้อประโยชน์กลุ่มคนแค่หยิบมือ แต่จะต้องมุ่งกระจายรายได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาฉกรรจ์ของประเทศไทยวันนี้ รวมทั้งประกาศมาตรการแก้ไขปัญหาการทุจริตโกงกินอย่างได้ผลจริงจัง ไม่ใช่แค่วาทกรรม.