บิ๊กตู่แก้ตัวพัลวัน พท.-ปชป.รุมสับ หวังผลการเมือง! เพื่อสืบอำนาจต่อ

“บิ๊กตู่” ย้ำ ครม.สัญจรอีสานใต้ สุรินทร์-บุรีรัมย์ ถิ่น “เนวิน” ไร้ดีลการเมือง ปัดข้อหาแจกแหลก ทุ่มงบ 2 หมื่นล้านแลกประโยชน์กรุยทางเลือกตั้ง ยันมารับฟังข้อมูลฐานล่าง ทำงานตามแผนให้ชาวบ้านยืนด้วยลำแข้ง สั่งสแกนเบื้องหลังม็อบ นศ. เตือนระวังอนาคตดับวูบ “วิษณุ” เตือนคนเพื่อไทยพบ “ทักษิณ” ไม่ผิดวันนี้ แต่เสี่ยงผิดวันหน้า ด้าน พท.เย้ยฝนตกขี้หมูไหลที่บุรีรัมย์ ซัด “บิ๊กตู่” ยอมกลับคำ ทำทุกทางเพื่อสืบทอดอำนาจ พร้อมเหยียดหยาม นักการเมืองไปค่อมหัวสวามิภักดิ์ ปชป.ชี้ชัด ภท.ถูกดูดเรียบร้อยโรงเรียน คสช. แฉผู้ใหญ่บ้านถูกสั่งขนคนไปต้อนรับ “จรุงวิทย์” นั่งเลขา กกต.ตามคาด “มีชัย” เร่งเครื่องปฏิรูปตำรวจ โอนงานจราจรให้ กทม.-ท้องถิ่น

การประชุม ครม.สัญจรอีสานใต้ เยือนถิ่นบุรีรัมย์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นที่ฮือฮามีประชาชนแห่แหนกันมาต้อนรับราว 3 หมื่นคน ถูกครหานินทาว่าเป็นการจัดฉาก ท่ามกลางกระแสข่าวการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างรัฐบาล คสช. กับพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ เป็นคนเดินเกมประสานงาน

“บิ๊กตู่” ถกกลุ่มอีสานใต้ ภท.–ชพน.ร่วม

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. เวลา 08.30 น. ที่อาคารอเนกคุณาคาร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ อ.เมืองบุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครชัยบุรินทร์ : นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) โดยมีนางกรุณา ชิดชอบ นายก อบจ.บุรีรัมย์ และ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ.นครราชสีมา อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แกนนำพรรคชาติพัฒนา เข้าร่วมประชุมด้วย จากนั้น นายกฯได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานวิจัยบ่มเพาะวิสาหกิจและการผลิตครูของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ ครม.สัญจร โดยวันนี้นายกฯได้สวมเสื้อผ้าพื้นเมือง “ภูอัคนี” สีส้ม ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับผู้เข้าประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจฯ รวมทั้ง ครม.ด้วย

...

ย้ำไม่ได้มาเพื่อหวังผลการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจฯ นายกฯเกริ่นว่า ยืนยันมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง รัฐบาลพยายามเดินหน้าพัฒนาประเทศในรูปแบบกลุ่มจังหวัด วางแผนแม่บทเพื่อรับข้อเสนอจากข้างล่างสู่ส่วนกลาง รัฐบาลไม่สามารถให้งบประมาณทั้งหมดตามที่ใครร้องขอได้ เนื่องจากงบมีจำกัด ไม่ใช่ว่าใครดีด้วยแล้วต้องไปตอบแทนความดีให้ ทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องให้กับคนทั้งประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องสอดคล้องยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ที่สามารถปรับยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต

ปัดใช้งบฯแผ้วทางเลือกตั้ง

ต่อมาเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุม ครม.ว่า อยากให้ทุกคนกลับไปดูปีแรกของรัฐบาลทำอะไรไปบ้าง อาจจะไปในพื้นที่ที่มีปัญหาก่อนเพื่อแก้ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น และแม้จะไปในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งก็ตาม ก็จะเชิญผู้ว่าราชการในกลุ่มจังหวัดนั้นๆ มาพูดคุยทุกครั้ง ซึ่งการประชุม ครม.นอกสถานที่ ก็ได้นำ ครม. รวมทั้ง กรอ. มาร่วมประชุมกับสภาการค้าอุตสาหกรรมท้องถิ่น รัฐบาลลงพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ได้มาเพื่อรับคำขอ ทำการบ้านก่อนมาตลอด ยึดหลักการเหตุผล ความคุ้มค่า และประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ โดยมีแผนงานอยู่แล้ว ให้พื้นที่เสนอความต้องการขึ้นมา สิ่งใดตรงกัน มีงบประมาณเพียงพอ ก็สามารถทำให้ได้ทันที แต่ถ้าไม่ตรงก็ต้องหารือและปรับ ทุกเรื่องต้องเข้าสู่ที่ประชุมและเป็นมติ ครม.ว่าจะอนุมัติหรือไม่ ไม่ใช่จะทำทุกอย่างเพื่อการเมือง หรือเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ตนลงพื้นที่เพราะอยากเห็นด้วยตาตัวเอง กลัวข้อมูลไม่เพียงพอ แต่ละพื้นที่ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้ จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้มาเพื่อการเมือง

ไม่ได้สักแต่แจก 1–2 หมื่นล้าน

“การมาประชุม ครม.ครั้งนี้ไม่ใช่ลงมาเพื่อ อนุมัติงบประมาณ 10,000-20,000 ล้าน อย่างที่มีการกล่าวอ้าง ขอให้ทุกคนได้ใช้สติปัญญา ใคร่ครวญด้วยไม่ใช่อะไรก็การเมืองทั้งหมด เพียงแต่ช่วงนี้เป็นการเดินหน้าสู่เรื่องของการเลือกตั้ง หลายคนจึงมองว่าเป็นงานการเมือง การที่รัฐบาลเดินทางมานี้ มุ่งหวังจะไปให้ครบทุกจังหวัด แม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เลือกไปให้ครบทุกกลุ่มจังหวัดก่อน ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการไปทุกจังหวัดเพื่อรับฟังความต้องการของประชาชนโดยตรง สอดคล้องกับแผนที่รัฐบาลมีอยู่ในมือ และที่ผ่านมาใน 4 จังหวัด 4 ปี รัฐบาลใช้เงินเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำประมาณ 3,000 ล้านบาท และปีนี้เสนอมาอีกพันกว่าล้านก็น่าจะอนุมัติให้ได้ เพราะตรงกับแผนงานที่วางไว้และตรงกับความต้องการของประชาชน รัฐบาลอยากจะให้ทุกอย่าง แต่ต้องดูว่างบประมาณเพียงพอหรือไม่ เพราะไม่ต้องการเอาเงินอนาคตมาใช้ เพราะจะมีปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ประชาชนอยากเจอกลางป่าก็จะไป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การมาบุรีรัมย์ครั้งนี้เป็นประเด็นการเมืองว่ามาพบคนนั้นคนนี้ ยืนยันว่าการที่จะไปพบใครที่ไหนอย่างไร หรือจะพูดจากับประชาชนในสถานที่แห่งไหน ทางจังหวัดและเจ้าหน้าที่เป็นผู้เตรียมการทั้งหมด ตนไม่ได้สั่งการ เพราะพร้อมจะพบกับคนทุกที่ และไม่ได้พบกับใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้พบใครในที่รโหฐาน ทุกคนสามารถถ่ายรูปได้มากมาย ไม่ได้ไปแอบพบ แอบคุยกับใคร และไม่มีการคุยเรื่องการเมืองใดๆทั้งสิ้น วันนี้ต้องมาหา ความร่วมมือ เรื่องปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ ความมั่นคง ถึงมาแล้วไม่มีใครรับก็จะมา ที่ไหนไม่มีคนมารับสักคน หรือมีเพียงคนเดียว ตนก็มา เพราะมาเพื่อที่จะพัฒนาเขา แต่เมื่อเขามาต้อนรับก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติกับตน ก็โอเค แต่ไม่ได้ต้องการแลกเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ใช่ความดีความชอบของคนเพียงคนเดียว ที่เดินทางไปสนามช้างอารีน่า ก็เพราะเขาเตรียมการต้อนรับในพื้นที่ตรงนั้น ถ้าเขาจัดต้อนรับที่ริมแม่น้ำ รับในป่า ตนก็พร้อมไป จะไปบังคับใครได้ ในเมื่อประชาชนเขาอยากมาก็เป็นเรื่องที่เขาอยากจะพบกับตน ตนก็ต้องไปเจอเขา อย่าไปพูดจาให้เกิดความเสียหาย

ยิงมุก “หลวงพ่อคูณ” ยังหนีตาย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการขับขี่จักรยานยนต์ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นั้น ตนจำเป็นต้องไปดู และขี่เป็นอยู่บ้างก็เลยลองดู การจะทำอะไรก็ตามถ้าเราได้เรียนรู้ด้วยตนเองจะรู้ถึงความยากง่าย ตนไม่ได้เก่งไปกว่าใคร ก็เสี่ยงอยู่เหมือนกัน ถ้าล้มคว่ำคะมำหงาย ก็อายคนเขาเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าเคยขี่มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความเร็วไม่ได้มากนัก 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็รู้ตัวของตัวเอง แต่ทั้งหมดก็ทำให้รู้ว่าเด็กเหล่านี้มีความพยายามในการขี่จักรยานยนต์แข่งที่ต้องใช้ความเร็วสูงถึง 200-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ใช่เรื่องง่ายมีความเสี่ยง หลวงพ่อคูณนั่งรถแค่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ลงไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ห้อยหลวงพ่อคูณก็เอาไม่อยู่ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวของเราเอง อยู่ที่ความเชื่อมั่น การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เห็นถึงความรักสามัคคีของคนในจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยอะไร แต่เขาก็มีความรักความสามัคคีทำประโยชน์ให้เกิดกับชาติ

ทุ่มสุดใจหวังให้ชาวบ้านยืนหยัดได้

“มาครั้งนี้ผมได้รับความรัก ความเมตตาจากประชาชน ไม่ได้พูดแบบนักการเมือง กับลูกน้องกับทหาร ผมก็พูดแบบนี้มาตลอด เราอยู่คนเดียวไม่ได้ คนเป็นนายกฯก็เช่นกัน อยู่ได้ก็ด้วย ครม. ข้าราชการ ประชาชน การจะทำให้ประเทศแก้ไขปัญหาได้ไม่ใช่แก้เพียงโครมคราม มันพันหน้าพันหลัง ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ตาม ฝากสื่อไว้ด้วย ผมจะอยู่หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่สื่ออยู่ในทุกๆรัฐบาล ก็ขอร้องช่วยทำให้ประชาชนเข้าใจดีขึ้น และไม่ว่ารัฐบาลหน้าจะเป็นใครก็ตามจะต้องสร้างการยอมรับและความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ อย่าไปสอนประชาชนให้ได้อะไรมาง่ายๆ เพราะมันจะสูญสลายหมดสิ้นไปง่ายเช่นกัน แต่ละปีงบประมาณหมดไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น รัฐบาลนี้เป็นห่วงมากที่สุด รัฐบาลอาจพูดจาจนเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะผม ชอบพูดเยอะ แต่ก็พูดด้วยความตั้งมั่นตั้งใจดีของผมเอง บางทีไม่มีเจตนาก็ต้องขอโทษด้วย เราจึงจำเป็นต้องสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น ทุกรัฐบาลที่ผ่านมามีการขึ้นป้ายขอบคุณ ฯพณฯ คนนั้นคนนี้ ที่สร้างสะพาน สร้างถนนให้ แต่ผมบอกไม่จำเป็น สิ่งที่รัฐบาลทำคือสร้างการรับรู้กับสื่อและสังคมโซเชียล ว่าเราทำอะไรไปบ้าง และผมเชื่อว่าไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนที่รัฐบาลลงพื้นที่เกือบทุกจังหวัดทุกภาค ผมไม่ได้มาประชาสัมพันธ์เพื่อให้รักรัฐบาล แต่อยากชี้ให้เห็นถึงจิตใจของ ครม. ข้าราชการพยายามทำดีอย่างเต็มที่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ไปหมู่บ้านวิถีเขมรเซ่นไหว้เทวดา

ต่อมาเวลา 14.20 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินทางไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวชุมชนโฮมสเตย์ บ้านสนวนนอก ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชุมชนโบราณที่ดำรงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบวิถีชุมชนเขมร และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ไหว้ศาลหลวงปู่อุดม ซึ่งเป็นศาลที่ชาวบ้านในชุมชนเคารพนับถือ เซ่นไหว้เทวดา เจ้าที่เทพารักษ์ที่ปกปักรักษาหมู่บ้าน ก่อนขึ้นรถกระสวยอวกาศเยี่ยมชมแต่ละฐานในหมู่บ้าน ทั้งนายกฯได้ทดลองสาวไหม ตำข้าวด้วยครกกระเดื่อง ขณะที่ชาวบ้านได้มอบผ้าขาวม้าโดยนำมานุ่งเป็นโสร่งให้กับนายกฯ พร้อมกล่าวกับนายกฯว่า ผ้าไหมได้รับรางวัล ทำให้มีรายได้ดีขึ้น ทำให้นายกฯถามกลับไปว่า แล้วใครบอกว่าเศรษฐกิจแย่ ช่วยไปบอกแทนตนด้วยกับคนที่บิดเบือน และถามต่อไปว่าตอนนี้ราคาข้าวที่ฝากอยู่ที่เกวียนละเท่าไหร่ ชาวบ้านจึงตอบว่าอยู่ที่ 16,000 บาท นายกฯจึงกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็เอาออกมาขาย อย่านึกว่าราคาข้าวจะสูงกว่านี้ ต้องดูด้วยว่าวันนี้ไหวหรือไม่

ปลื้มคำชมทำให้บ้านเมืองสงบ

ต่อมานายกฯไปเยี่ยมชมบ้านโบราณและตลาดโบราณ พร้อมฝากชาวบ้านเน้นความปลอดภัย ความสะอาด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงการแข่งขันโมโตจีพี จากนั้นชาวบ้านได้เข้ามาขอถ่ายรูป มีหญิงสูงอายุ 2 คนนั่งประกบพร้อมขอหอมแก้ม หอมหลายครั้งทั้งซ้ายและขวา ขณะเดียวกัน นายกฯได้ชิมขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมตดหมา ทักทายหนุ่มชาวนอร์เวย์ ที่ได้แต่งงานกับสาวไทยอยู่ในเมืองไทยมา 8 ปีแล้ว รวมทั้งร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ และร่วม “รำตรด” หรือ “เรือมตร๊ด” ซึ่งเป็นการละเล่นโบราณชาวอีสานใต้ นายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลทำงานต่อไป ขณะที่ชาวบ้านอวยพรขอให้เป็นนายกฯไปนานๆ เพราะไม่มีใครทำให้สงบได้เช่นนี้ ก่อนลุงตู่มามีแต่เรื่องทะเลาะกัน ขณะที่นายกฯกล่าวว่า ถ้าใครมาว่านายกฯขอให้ช่วยตนด้วยนะ พร้อมทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูโบกให้กับชาวบ้าน และร่วมร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย”

เตือนม็อบ นศ.ระวังเสียอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จะมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลวันที่ 22 พ.ค. ว่า พูดหลายครั้งแล้วว่าคนกลุ่มนี้เป็นเยาวชน เป็นนักศึกษา ขอให้ทุกคนไปย้อนดูว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร วัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร เป็นคนมีความรู้ ก็น่าจะฟังรู้เรื่องว่ารัฐบาลวางโรดแม็ปแล้วว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เวลาใด ต่างประเทศก็ให้การยอมรับ แล้ว ทำไมคนเหล่านี้จึงไม่รับอะไรเลย ขอให้ทุกคนไปดูหรือหาข้อมูลมาให้ตนว่าเขาต้องการอะไร มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เป็นห่วงคนพวกนี้ เพราะถ้าเขาถูกดำเนินการตามกฎหมาย ก็จะเรียนหนังสือไม่จบ หรือไม่มีคนรับเข้าทำงาน ตนคิดว่าคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้คงไม่มีใครกล้ารับเข้าทำงาน นั่นคือสิ่งที่เป็นอนาคตของเขา จึงอยากให้ เขาเลิกการกระทำดังกล่าว เพราะมันไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อ แม่ ผู้ปกครอง

ฝ่ายมั่นคงมั่นใจไม่บานปลาย

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความ มั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันครบรอบรัฐประหาร 4 ปีว่า ได้ประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าไม่มีเหตุการณ์บานปลาย กลุ่มผู้ชุมนุมคงทราบดีว่าขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างไร รัฐบาลจะพยายามทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด โดยจะประสานกับผู้ชุมนุมเพื่อ ป้องกันความรุนแรงและการขยายตัวของการชุมนุม เมื่อถามว่า ข้อเรียกร้องครั้งนี้จะเป็นเงื่อนไขเด็ดขาดของผู้ชุมนุม พ.อ.วัลลภตอบว่า ข้อเรียกร้องเรื่องการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่ คสช.จะไม่สนับสนุนรัฐบาล

ใช้ ก.ม.เฉียบขาดเขตพระราชฐาน

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวสั้นๆ ว่า ไม่กังวลต่อการชุมนุมดังกล่าว ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลวันที่ 22 พ.ค.ว่า หากการชุมนุมมีการขออนุญาตถูกต้อง ทาง บก.ก็จะเป็นผู้พิจารณาอนุญาตหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีแผนหลักแผนรองไว้รับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทุกคนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายตาม พ.ร.บ.การชุมนุม และคำสั่ง คสช. ทั้งนี้หากพื้นที่ชุมนุมอยู่ใกล้เขตพระราชฐานระยะ 150 เมตร ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ตนไม่มีอำนาจไปห้ามไม่ให้ชุมนุม แต่ผู้ร่วมชุมนุมต้องคิดให้ดีว่าสิ่งที่ทำเกิดประโยชน์กับประเทศชาติหรือไม่

นายกฯสั่ง ครม.อย่าใส่ใจข่าวไซโค

เมื่อเวลา 13.40 น. ที่มหาวิทยาราชภัฏบุรีรัมย์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ในการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 นายกฯได้ปรารภกับที่ประชุมว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามี 2 ลักษณะคือ เข้าใจรัฐบาล ว่าตั้งใจมาพัฒนาพื้นที่ รับทราบปัญหา แต่อีกส่วนหนึ่งพยายามนำเสนอโดยมีนัยทางการเมือง ไม่ว่า จะเป็นการดูด ส.ส. หรือเป็นการทุ่มงบประมาณหลายหมื่นล้านลงมาในพื้นที่เพื่อแลกกับผลทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น นายกฯจึงให้สติกับที่ประชุมว่าเมื่อไปห้ามความคิดคนไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปพิรี้พิไรชี้แจง แต่ให้ตั้งใจทำแผนงานต่างๆ รัฐบาลไม่ได้ให้ ทุกเรื่องที่ขอ แต่ดูเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน

ส่ง รมต.ลงนามปฏิญญาลดข่าวลวง

พล.ท.สรรเสริญแถลงด้วยว่า ครม.อนุมัติให้นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เดินทางไปประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนครั้งที่ 14 ที่สิงคโปร์ ในวันที่ 10 พ.ค. เพื่อลงนามเอ็มโอยูปฏิญญาที่ว่าด้วยการลดผลกระทบของข่าวลวง โดยมีสาระสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชน ภาคประชาชน และหน่วยงานของรัฐ พร้อมทำให้อินเตอร์เน็ตเป็นพื้นที่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้งาน มุ่งเสริมสร้างความรู้ของพลเมืองอาเซียนเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่กระจายข่าว ข่าวเท็จ ข่าวลือ นายกฯสั่งการว่า อยากเห็นสิ่งที่ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือได้นำมาใช้จริง เช่นเดียวกับความร่วมมือว่าด้วยการลดผลกระทบจากข่าวลือนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงสื่อวิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต ข่าวปากต่อปาก ฯลฯ ซึ่งเมื่อรัฐบาลจะเข้ามาดำเนินการก็มักถูกกล่าวหาว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ขณะที่สื่อมวลชนเองก็ต้องการให้ภาครัฐได้นำสิ่งที่ลงนามในข้อตกลงกับนานาชาติมาปฏิบัติ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงฝากมาถามสื่อมวลชนไทยว่ายินดีร่วมในร่างปฏิญญาความร่วมมือดังกล่าวหรือไม่

อนุมัติ 3.5 ล. แก้แล้งอีสานใต้

พล.ท.สรรเสริญแถลงว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งภาคอีสานใต้ โดยขอมา 84 โครงการ วงเงิน 3,476 ล้านบาท แต่อนุมัติเพียง 40 โครงการ วงเงิน 1,015 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 44 โครงการ วงเงิน 2,461.65 ล้านบาท ให้ยกไปดำเนินการโดยใช้งบประมาณปี 2562-64 ยังไม่มีความเร่งด่วนมาก ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ตอบรับข้อเสนอด้านคุณภาพชีวิต จัดตั้งคณะพยาบาลศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพในมหาวิทยาลัยบุรีรัมย์ แต่ขอให้ไปหารือร่วมระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผลิตคนออกมาเป็นพยาบาลสอดคล้องกับพื้นที่อื่นๆ พร้อมทั้งเห็นด้วยที่จะก่อสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ และก่อสร้างอาคารผู้ป่วยโรงพยาบาลนางรอง จ.บุรีรัมย์ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้สูงขึ้น เห็นชอบ ส่วนโครงการที่ไม่เห็นด้วยคือโครงการจัดตั้งศูนย์ดูแลส่งเสริมฟื้นฟูผู้สูงอายุจังหวัดบุรีรัมย์

อัดโปรเจกต์พัฒนาลงบุรีรัมย์

พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ส่วนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางอากาศและทางถนน ครม.เห็นชอบการพัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ให้ได้มาตรฐานสากลนานาชาติ การก่อสร้างและขยายถนน 4 ช่องจราจร เชื่อมโยงจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดพื้นที่ติดต่อกัน รวมทั้งเพิ่มสถานีจอดรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วง นครราชสีมา-หนองคาย ณ อำเภอบัวใหญ่ นครราชสีมา เพื่อให้มีจุดเชื่อมต่อไปยังจังหวัดชัยภูมิและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาพรวม ขณะเดียวกันได้อนุมัติให้มีรถชัตเติลบัสเพื่อขนส่งประชาชนจากสนามบินบุรีรัมย์มายังสนามแข่งรถโมโตจีพีเพื่อช่วยลดปัญหาจราจรติดขัด

“วิษณุ” ชี้พบ “ทักษิณ” ไม่ผิดแต่เสี่ยง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า เป็นไปอย่างที่ประธาน กกต.แสดงความเห็นว่าอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยสามารถเดินทางไปได้ ยังไม่ผิดตาม พ.ร.บ.พรรค การเมือง เพียงแต่เตือนให้ระวังจะเกิดปัญหาขึ้น เช่น หากมีการพูดคุย บันทึกเทป โพสต์ข้อความ อาจจะมีคนทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้ เพราะหลายเรื่องยังไม่มีความผิดในวันที่ทำ แต่อาจมีความผิดในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตามไม่ได้เตือนไม่ให้ไป ยืนยันว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนายทักษิณไม่ผิด และนายกฯก็ไม่ได้สั่งการใดๆในเรื่องนี้

พท.เย้ยฝนตกขี้หมูไหล–ผีเน่าโลงผุ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่ ครม.สัญจร จ.สุรินทร์และบุรีรัมย์ว่า เป็นอีกครั้งที่รัฐบาล คสช.ถูกตั้งคำถามถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าของงบประมาณที่ใช้ไป ประชาชนอาจจะตั้งคำถามว่าเปิดทำเนียบฯดูดไม่ทันใจ ถึงต้องไปเดินสายลงพื้นที่เพื่อดูดกลุ่มการเมืองเข้าร่วมก๊วนเพิ่มหรือไม่ ถ้าตะโกนลุงตู่สู้ๆ แล้วได้งบประมาณลงพื้นที่เพิ่มมากขึ้น แล้วจังหวัดที่ไม่มีโอกาสได้ตะโกน จะรู้สึกว่าฝนตก ไม่ทั่วฟ้าหรือไม่ หรือเป็นปรากฏการณ์ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมารวมกัน เลยได้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่ใกล้ชิดและเครือข่ายของตนก่อน แล้วต่อจากนี้พื้นที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปไม่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อหาวิธีต้อนรับให้แปลกใหม่ใหญ่กว่า ถึงจะได้งบประมาณเพิ่มหรือไม่ นี่อาจเป็นการเมืองโบราณย้อนยุค แบบผีเน่ากับโรงผุหรือไม่

ซัด “บิ๊กตู่” ทำทุกทางเพื่อสืบอำนาจ

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปพบประชาชนที่มารอที่สนามฟุตบอล ทำให้สังคมมองว่าเป็นลักษณะการจัดตั้งประชาชนมาต้อนรับ ดังนั้น การที่ ครม.อนุมัติงบประมาณพัฒนากลุ่มจังหวัดอีสานใต้ ก็เป็นการซื้อใจกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนายเนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย เป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน สานไมตรี ทอดสะพานให้กัน ท่ามกลางกระแสดูดตัว ส.ส. ดังนั้น สังคมจึงมีคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่ากำลังดูดกลุ่มภูมิใจไทยให้เข้ามาเป็นพวกเดียวกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายเนวินถูกพรรคการเมืองหนึ่งตั้งฉายาว่ายี้ห้อย 120 แต่เมื่อนายเนวินพลิกฝ่ายมาหนุนให้เป็นนายกฯ นายเนวินกลับกลายเป็นคนดีขึ้นมา มาวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะดูดนายเนวิน และนักการเมืองคนอื่นๆเข้าไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตราหน้านักการเมืองว่าน่ารังเกียจ เลว ไม่น่าคบ แต่ตอนนี้กลับคำพูด เพื่อต้องการดูดนักการเมืองมาเป็นพวกสนับสนุนตัวเอง ทำให้ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาว่าทำทุกอย่างเพื่อให้กลับมาสืบทอดอำนาจต่อไปได้

หยามนักการเมืองสวามิภักดิ์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีนักการเมืองออกมาต้อนรับอย่างชนิดที่ไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจระบอบเผด็จการ และไม่แคร์สายตาประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เหมือนมีเดิมพันแลกเปลี่ยนอะไรกันอยู่หรือไม่ ที่สำคัญประชาชนกำลังจับตานักการเมืองที่ไปสวามิภักดิ์กับเผด็จการ หากเข้ามุ้งแล้วคดีความต่างๆหมดไป ก็คงจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมอย่างแน่นอน

เตือน “บิ๊กตู่” ย้อนดูบทเรียนอดีต

นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายเนวินเป็นนักการเมืองที่เก่ง รู้จักหลบหลีก พอมองว่าใครจะได้เป็นรัฐบาลก็จะเข้าหาคนกลุ่มนั้น เห็นได้จากการเข้าร่วมพรรคไทยรักไทยตั้งแต่เริ่มแรกจนได้เป็นใหญ่เป็นโต พอถึงสมัยพรรคพลังประชาชนก็ยกพวกออกไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้เป็นนายกฯ และได้ดูแลกระทรวงใหญ่ๆทั้งหมด จนก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย มาวันนี้เห็น พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจก็เข้าไปสนับสนุนเป็นแรงผลักดันหวังให้ได้เป็นนายกฯอีกสมัย ต้องการแต่เข้าร่วมรัฐบาลโดยไม่สนใจอะไร แต่ขอเตือนให้ พล.อ.ประยุทธ์ดูคนที่นายเนวินเคยให้การสนับสนุน ทั้งนายทักษิณและนายอภิสิทธิ์ว่า สุดท้ายพอลงจากอำนาจแล้วเป็นอย่างไร

ปชป.ชี้ ภท.ถูกดูดเรียบร้อย

ด้านนายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำตัวเหมือนนักการเมืองโปรยประชานิยมทุกทาง แถมพฤติกรรมสวนทางกับคำพูด เฉไฉไปเรื่อย ทำเป็นไม่รู้เรื่องไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น เเต่พยายามดึงนักการเมืองค่ายนั้นค่ายนี้ไปร่วม การเดินทางไป ครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ก็เป็นนัยทางการเมือง ตนคิดว่าโดนดูดเเน่นอนเเล้วพรรคนี้ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์เเนะนำให้ประชาชนหลายหมื่นคนที่สนามช้าง อารีนา ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นหนึ่งในทีมงานประชารัฐ ซึ่งนายอนุทินยังยิ้มโค้งคำนับรับเสียงปรบมือของชาวบ้านด้วยความยินดีโดยไม่ปฏิเสธ เรียกว่าเป็นตลกทางการเมือง

แฉ ผญบ.ถูกสั่งขนคนต้อนรับ

นายอิสสระกล่าวว่า มีพรรคพวกมาเล่าให้ฟังว่า ประชาชนที่มายังสนามช้าง อารีนา ถูกเกณฑ์มา โดยสั่งการเป็นลำดับขั้น ให้ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านใน จ.บุรีรัมย์ เกณฑ์คนมาให้ได้อย่างน้อยหมู่บ้านละ 30 คน เเละเท่าที่สังเกตดูการเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาคอีสานเริ่มปรากฏแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชารัฐ เริ่มมีการติดต่อกับคนของพรรคภูมิใจไทยเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าหลังเลือกตั้งได้ร่วมรัฐบาลแน่นอน ตนคิดว่านายกฯก็เป็นชายชาติทหารควรจะพูดออกมาตรงๆ ว่าต้องการเป็นนายกฯต่อ แล้วทำการเมืองให้เป็นรูปเป็นร่างดีกว่า ไม่ใช่ทำตัวไม่รู้เรื่อง เข้า ลักษณะปากว่าตาขยิบ อีกเรื่องที่น่าสังเกตคือ ไม่รู้ว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย จริงใจกับ พล.อ.ประยุทธ์แค่ไหน งานใหญ่ระดับต้อนรับนายกฯและคณะรัฐมนตรีกลับใส่กางเกงขาสั้น แบบนี้จงใจไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพนายกฯ

โชว์จูบปากแต่กล้าพูดไร้การเมือง

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคอีสาน กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ของนายกฯอาจกระทบกับเสียงของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง ไม่เป็นไรถือเป็นการแข่งขันกัน แต่ที่นายกฯปฎิสธว่าการไป ครม.สัญจรครั้งนี้ ไม่มีการเมือง ถ้าคนเชื่อก็โอเค แต่ตนไม่เชื่อ เพราะมี คำถามออกมาว่าใครดูดใครแน่ ดูได้จากเมื่อปี 57 ทหารเข้าไปค้นสนามช้าง อารีนา แล้ววันนี้ผ่านมา 3 ปี กลับไปจูบปากกัน ขับรถไต่ถัง หมายความว่าอะไร แต่โชคดีที่ใส่หมวกกันน็อก ไม่เช่นนั้นคงหัวแตกไปแล้ว

บก.ลายจุดตื๊อใช้ชื่อพรรคเกรียน

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ก่อตั้งพรรคเกรียน ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ กกต.เพื่อขอให้ตีความชื่อพรรคใหม่ หลังจากไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อพรรคเกรียน โดยให้เหตุผลโต้แย้งว่าไม่ได้มีความหมายขัดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่าเกรียนที่เป็นคำแสลงที่ใช้ในปัจจุบัน โดยเจ้าหน้าที่ กกต.ที่มารับ หนังสือ ชี้แจงว่า กกต.จะใช้เวลาพิจารณาคำอุทธรณ์ประมาณ 30 วัน โดยนายสมบัติแจ้งว่าหากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง หากศาลยืนตาม กกต. ก็เตรียมชื่อสำรองไว้แล้ว

คสช.ไฟเขียวอนาคตใหม่ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กกต.ว่า สำหรับการจดแจ้งขอจัดตั้งพรรคการเมืองจนถึงปัจจุบันมีกลุ่มการเมืองยื่นขอจดจัดตั้งแล้วทั้งสิ้น 101 กลุ่ม ออกหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองแล้ว 46 กลุ่ม ยังมีเพียง 2 พรรคการเมือง ที่ยื่นจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองแล้วคือพรรคทางเลือกใหม่ และพรรคมติประชา ใน 101 กลุ่ม ยื่นขออนุญาต คสช.เพื่อจัดประชุมเตรียมการจัดตั้งพรรคผ่าน กกต.แล้ว 61 กลุ่ม กกต.ส่งให้ คสช.พิจารณาแล้ว 47 กลุ่ม โดย คสช.อนุญาตให้จัดประชุมแล้ว 19 กลุ่ม ไม่อนุญาต 21 กลุ่ม ซึ่งในจำนวน 19 กลุ่ม ที่ คสช.อนุญาต มีพรรคพลังธรรมใหม่ที่ นพ.ระวีมาศ ฉมาดล เป็นผู้ยื่นขอจดจัดตั้ง โดยจะจัดประชุมในวันที่ 14 พ.ค. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต และพรรคอนาคตใหม่ ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ยื่นขอจดจัดตั้ง โดยจะจัดประชุมในวันที่ 27 พ.ค. อาคารยิมเนเซียม 5 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต

กกต.เลือก “จรุงวิทย์” นั่งเก้าอี้เลขาฯ

นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต. เพื่อเลือกเลขาธิการ กกต.ว่า ที่ประชุมได้ลงคะแนนลับมีมติเอกฉันท์เลือก พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. เป็นเลขาธิการ กกต. หลังจากนี้สำนักงาน กกต.จะแจ้งให้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต. ภายใน 15 วัน เพื่อทำสัญญาจ้างต่อไปตามมาตรา 55 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ทั้งนี้ ก่อนการประชุมนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. หนึ่งในผู้สมัคร ได้ขอถอนตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการขอถอนตัวจากการลงสมัครเลขาธิการ กกต. นายแสวง บุญมี ได้มีหนังสือที่เขียนด้วยลายมือตัวเองถึงประธาน กกต.ระบุว่า “เพื่อประโยชน์ของงานในหน้าที่รับผิดชอบ กระผมขอแจ้งการสละสิทธิ์การคัดบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ในครั้งนี้”

ไฟแรงเตรียมรับมือเลือกตั้งใหม่

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ว่าที่เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างปฏิบัติภารกิจดูงานการเลือกตั้งที่ประเทศมาเลเซียว่า ขอบคุณ กกต. ที่ไว้วางใจคัดเลือกให้เป็นเลขาธิการ กกต. จะทำงานให้เต็มที่ โดยภารกิจสำคัญเร่งด่วนขณะนี้จะเร่งรัดแก้ระเบียบการปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อรับกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น เร่งอบรมพนักงานเพื่อให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ เช่น การไต่สวน การจ่ายสินบนรางวัล การคุ้มครองพยาน การอำนวยความสะดวกให้พรรคการเมืองให้ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง คัดสรรบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นกลาง มาทำหน้าที่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง คิดว่าเมื่อสำนักงานเตรียมการทุกอย่างไว้ให้พร้อมการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งก็จะไม่เกิดปัญหา จึงไม่หนักใจกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

สนช. เลือก 7 กกต.ใหม่ 12-13 ก.ค.

ที่รัฐสภา นายยุทธนา ทัพเจริญ รองโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า การประชุม สนช.วันที่ 11 พ.ค.นี้ จะมีวาระพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็น กกต. 7 คน โดย กมธ.มีทั้งหมด 17 คน ทำหน้าที่พิจารณาตรวจสอบประวัติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ถูกเสนอชื่อทั้งหมด มีเวลาทำงานทั้งสิ้น 60 วัน ก่อนส่งให้ สนช.ลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่ คาดจะเสนอเข้าที่ประชุม สนช.ประมาณวันที่ 12 หรือ 13 ก.ค.นี้ หาก กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ มีข้อสงสัยหรือติดใจในเรื่องใด สามารถเรียกนายนัฑ ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหา กกต. มาให้ข้อมูลได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าที่ประชุม สนช.จะลงมติเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อทุกคนหรือไม่ ต้องรอดูหลักฐาน ข้อเท็จจริง ที่ได้จากการตรวจสอบประวัติของแต่ละคนก่อน

“มีชัย” เร่งปิดเกมปฏิรูปตำรวจ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ในหลักการหารือใกล้จบแล้ว คาดใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ เพื่อพิจารณาแก้กฎหมายหลายฉบับและร่างกฎหมายพิเศษ ในเบื้องต้นจะทำให้การสืบสวนสอบสวนสะดวกรวดเร็ว ประชาชนใช้บริการได้ไม่ยุ่งยาก เช่น เดิมเหตุเกิดที่ไหนก็ต้องแจ้งความที่นั่น แก้ให้แจ้งความที่ไหนก็ได้ ผู้รับแจ้งหากยุ่งยากก็ให้ส่งไปโรงพักที่เกี่ยวข้อง พร้อมจะลดภาระไม่จำเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ซิมโทรศัพท์หาย บัตรประชาชนหาย เอกสารสำคัญหาย ให้ไปแจ้งกับหน่วยงานหรือส่วนที่เกี่ยวข้องเลย

โอนงานจราจรให้ท้องถิ่น-กทม.

นายมีชัยกล่าวว่า ส่วนการกระจายอำนาจจะมองในมุมทำให้ตำรวจทำงานได้ โดยไม่ต้องรอคำสั่งข้ามสายงานไปมา ให้แบ่งเป็นแท่ง เช่น ในแท่งสืบสวนสอบสวน อำนาจจะไม่ลดลง อาจเพิ่มผู้ช่วยพนักงานสืบสวนสอบสวน หรือหากส่วนไหนเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนเบื้องต้นได้ก็ทำไป อะไรที่ปลีกย่อยจะให้ท้องถิ่นเป็นคนทำ เช่น งานจราจร จะมีแผนกระจายเป็นระยะเปลี่ยนผ่านแล้วแต่ท้องถิ่นที่พร้อม โดยจะเริ่มจาก กทม. เพราะสามารถทำได้ทันที ส่วนเทศบาลนครใช้เวลา 2 ปี เทศบาลเมืองใช้เวลา 3 ปี การโอนจะทำในส่วนของภารกิจไม่ให้อัตรากำลัง หากใครอยากย้ายก็สามารถย้ายได้ ในแง่งบประมาณไม่ได้ลดลง อัตรากำลังยังต้องมีมาเสริม โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่ยังขาดอีกเยอะ

ปัดข่าวบริษัทประชารัฐฯใกล้เจ๊ง

นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวถึงกรณีมีข่าวบริษัทประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) หลายจังหวัดทั่วประเทศอยู่ในสภาพขาดการขับเคลื่อน ใกล้ยุติกิจการ และบางแห่งได้ทำเรื่องถึงผู้ลงทุนเพื่อคืนเงินค่าหุ้นว่า ข่าวดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง การตั้งบริษัทประชารัฐรักสามัคคีเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้สังคม โดยใช้หลักชุมชนลงมือทำ เอกชนขับเคลื่อน รัฐสนับสนุน บริษัทประชารัฐรักสามัคคีมีงบประมาณที่เป็นหุ้นระดมทุนจากภาคเอกชนและคนในจังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 4 ล้านบาท สามารถกำหนดแนวทางการบริหารงาน การบริหารค่าใช้จ่าย และดำเนินงานได้เองโดยอิสระ ขณะเดียวกันกรมการพัฒนาชุมชนได้ให้การสนับสนุนโดยจัดทำโครงการเกี่ยวเนื่องกับ 3 กลุ่มงานหลัก เพื่อช่วยสร้างช่องทางการตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ และพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยมีงบประมาณรองรับอยู่แล้ว

โอ่สร้างรายได้ชุมชน 1.6 พันล้าน

นายโชคชัยกล่าวว่า บริษัทประชารัฐรักสามัคคีทั้ง 77 บริษัทยังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการขอยุติกิจการหรือคืนหุ้นแม้แต่แห่งเดียว ผลการดำเนินงานถึงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีการพัฒนากลุ่มเป้าหมาย 3,685 กลุ่ม แบ่งเป็นเกษตร 955 กลุ่ม แปรรูป 1,898 กลุ่ม ท่องเที่ยวโดยชุมชน 832 กลุ่ม สร้างรายได้รวม 1,653,130,058 บาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 614,180 คน ทั้งนี้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มหาวิทยาลัยรังสิต Yunus Center AIT สถาบันไทยพัฒน์ และมูลนิธิสัมมาชีพ ได้ศึกษาโครงการค้นหาต้นแบบการต่อยอด และขยายผลความสำเร็จการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พบว่าการดำเนินงานโดยบริษัทประชารัฐรักสามัคคีสามารถเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และเป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่เหมาะสม

ยุโรปหวังเลือกตั้งตามโรดแม็ป

วันเดียวกัน นายเปียร์กา ตาปิโอลา เอกอัครราชทูต สหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าว เนื่องในวันฉลอง สันติภาพและเอกภาพยุโรป หรือวันยุโรป 9 พ.ค. ถึงทิศทางความสัมพันธ์กับไทยว่า สหภาพยุโรปมีเป้าหมายจริงจังที่จะกลับมามีปฏิสัมพันธ์กับไทย มีความหวังว่ารัฐบาลไทยจะเดินหน้าตามโรดแม็ปเลือกตั้งอย่างโปร่งใสและยุติธรรม ยกเลิกคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองก่อนช่วงเลือกตั้ง ยินดีหากรัฐบาลไทยจะเชิญผู้แทนยุโรปเข้าร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง ยุโรปรู้สึกเสียใจกับเวลาที่เสียไปภายหลังการรัฐประหาร แต่เข้าใจจากบทเรียนประวัติศาสตร์ในอดีตว่าการมากำหนดเงื่อนไขใดๆเป็นสิ่งไม่เหมาะสม กระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ประเทศนั้นๆต้องจัดการกันเอง เราพร้อมที่จะรอการเลือกตั้งของไทยในกรณีหากปรับเปลี่ยนโรดแม็ปอีก และอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันพัฒนาไปจากจุดนี้ ในช่วงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต 4 ปี ทั้งชื่นชมพัฒนาการทางบวกของไทยในด้านสิทธิมนุษยชน ว่าปี 2562 จะครบรอบ 10 ปี ไม่มีการประหารชีวิตในไทย