เสนอศาลใส่ ‘กําไลข้อเท้า’ กันโอ๊คเผ่น!
สองขั้วการเมือง พท.-ปชป. อาศัยช่วงสงกรานต์สาดน้ำลายซัดกันนัว “โอ๊ค” เย้ยซ้ำ “มาร์ค” ใจพี่นิ่งมาก เจอ ปชป.ดาหน้าถล่ม “นิพิฏฐ์” สวนเหมือนคนป่วย หงุดหงิด รุ่มร้อน ตาขวาง คอแข็ง จองกฐินขึ้นศาลวันไหนจะร้องขอให้ใส่กำไลข้อเท้ากันหลบหนี “จุฤทธิ์” จี้ใจดำแค้นที่เล่นงานพ่อกับอา จนถูกยึดทรัพย์หลายหมื่นล้าน “ราเมศ” ย้ำเผด็จการสภาต้นตอก่อวิกฤติ เพื่อไทยแท็กทีมโต้ “ชวน” “กิตติรัตน์” แซะมีดโกนหมดมุก “พิชัย” ย้อนเป็นรัฐบาลมากี่สมัยทำไมไม่พัฒนา ถ้าเซาเทิร์น-แลนด์บริดจ์ไม่ถูกโค่นภาคใต้เจริญแล้ว “ราเมศ” ตอกแสบขนหน้าแข้งเต็มปาก “อภิสิทธิ์” ชี้ 4 ปีคสช.เหลว อัดฉีดล้านล้านยังไม่กระเตื้อง “ภูมิธรรม” ตามง้อ “สะสมทรัพย์” ซัดผู้มีอำนาจใช้อภินิหารช็อป
อดีต ส.ส.กระจายการเมืองสองขั้วประชาธิปัตย์-เพื่อไทย เปิดศึกซัดกันนัว หลังนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเหน็บนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ
“โอ๊ค” เย้ยซ้ำ “มาร์ค” ใจพี่นิ่งมาก
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ขอบคุณพานทองแท้ ที่ช่วยแชร์เพจของพรรคให้โด่งดังหรือยัง ท่านหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” จากปกติมีคนแชร์แค่ประมาณ 10 ครั้ง กลายเป็นแชร์ไปเกือบ 3,000 ครั้ง หลังตนโพสต์เชียร์ให้คนเข้าไปดูเพียงไม่กี่ชั่วโมง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภูมิใจในสิ่งที่พูดไว้หรือไม่ ยังไม่นับคอมเมนต์ที่โดนพี่น้องประชาชนเข้าไปด่าอีกหลายพันข้อความ จึงถูกลบทิ้งเหลือแต่คอมเมนต์ที่อวยกันแบบไม่ลืมหูลืมตาอยู่ไม่กี่ข้อความ สำหรับพวกที่ความจำสั้นขอกระชับความทรงจำด้วยการนำรูปปาร์ตี้ชุดลายพรางที่ฉลองกันสุดเหวี่ยง หลังทหารออกมายึดอำนาจเพียงไม่กี่วันมาให้ดู ว่ามีใครบ้างที่ไม่เกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์ การเป่านกหวีดเชิญชวนก่อนการยึดอำนาจ และการฉลองชัยหลังจากทหารยึดอำนาจสำเร็จ มันคือการปกป้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการในสไตล์ประชาธิปัตย์หรือขอทวนสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดในนามหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกที ไม่ว่าจะอ่านดูกี่ครั้ง ทำให้อยากแสดงความนับถือทุกครั้ง ที่กล้าพูดคำนี้ออกมา “ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ” พูดแบบนี้ได้ ใจพี่ต้องนิ่งมาก
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ได้โพสต์ภาพประกอบเป็นภาพแกนนำกลุ่ม กปปส. ใส่ชุดลายพรางทหารเลี้ยงฉลองหลังการรัฐประหารของ คสช.

“นิพิฏฐ์” สวนเริ่มรุ่มร้อนตาขวาง
ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ว่า “โอ๊ค กับกำไลข้อเท้า” อ่านข้อความที่เขียนกระทบกระเทียบถึงพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เรื่องเผด็จการ หรือประชาธิปไตย ดูเหมือนโอ๊คจะสับสนมาก พยายามอธิบายหลายครั้งก็ยังไม่เข้าใจ ขอบอกอีกครั้งว่าโลกปัจจุบันเผชิญกับเผด็จการ 2 แบบคือ เผด็จการทหารและเผด็จการรัฐสภา (หรือเผด็จการเสียงข้างมาก) ทั้ง 2 แบบเลวร้ายทั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนเผด็จการทั้ง 2 แบบ สังเกตว่าหน้าร้อนปีนี้ โอ๊คหงุดหงิด รุ่มร้อน วุ่นวาย ตาขวาง คอแข็ง เหมือนป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง ระรานเขาไปหมด บางวันระรานไปถึงประธานองคมนตรี ที่โอ๊คสงสัยว่าคนไทยกินหญ้าหรือกินข้าว ตอบเลยว่าคนไทยกินข้าว ส่วนโอ๊คนั้นไม่สงสัยกินหญ้าแน่นอน ที่บอกว่าอายแทบแทรกแผ่นดินหนี รู้ทันนะ นี่คงเตรียมการหนีอยู่อีกล่ะสิ ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแผ่นดินหนี หรือขึ้นเครื่องบินหนี
จองกฐินร้องศาลใส่กำไลเท้า
นายนิพิฏฐ์ระบุอีกว่า ฝากถึง ผบ.ตร. ไม่ว่าจะคนปัจจุบัน หรือในอนาคต ตอนนี้โอ๊คเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีฟอกเงิน หากภายหน้าอัยการสั่งฟ้องก็คงขอประกันตัวต่อศาล ตอนนี้สำนักงานศาลยุติธรรมมีเครื่องมือใหม่สำหรับป้องกันจำเลยหลบหนี เรียกว่ากำไลข้อเท้า หรือ EM (Electronic Monitoring-EM) โดยสวมติดข้อเท้าจำเลย หากจำเลยหนีออกนอกพื้นที่จะมีสัญญาณส่งไปยังศูนย์ควบคุม ตำรวจจะตามตัวจับได้ทันที คราวนี้ตำรวจคงไม่มีข้อแก้ตัวว่าไม่ทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปได้อย่างไร ภาวนาว่าโอ๊คจะได้รับเกียรติสวมกำไลข้อเท้าเพื่อปิดทางหลบหนี และสัญญากับโอ๊คล่วงหน้าว่าวันที่โอ๊คขึ้นศาล จะไปยื่นคำร้องต่อศาลให้สวมกำไลข้อเท้าให้โอ๊คเพื่อป้องกันการหลบหนี ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะในสายเลือดโอ๊คมีสัญชาตญาณการหลบหนีอยู่เต็มเปี่ยม โชคดีนะโอ๊ค!
เด็ก ปชป.ดาหน้าถล่มจี้ใจดำ
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตระกูลชินวัตรมีพฤติกรรมปากประชาธิปไตย ใจเผด็จการ มาถึงวันนี้มี 2 คนในตระกูลชินวัตรที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ คนหนึ่งคือพ่อของนายพานทองแท้ อีกคนเป็นอา พอได้ยินว่าพรรค ประชาธิปัตย์ยังยืนหยัดต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ จึงทนฟังไม่ได้ จากการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้นายทักษิณโดนยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก 35,000 ล้านบาท จากโครงการรับจำนำข้าวแน่นอนว่าเสียดแทงใจนายพานทองแท้ทุกครั้งที่คิดถึงคดีความต่างๆที่นายทักษิณคิดสมุนทำ ทำให้หลายคนอยู่ในคุก อีกหลายคนกำลังจะเข้าคุก เกิดภาวะขาดแคลนคนงาน วันนี้นายพานทองแท้ต้องลงมาเล่นเอง สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมาตลอด 72 ปี นายพานทองแท้ไม่เคยเข้าใจในประชาธิปไตย จึงเห็นเป็นเรื่องน่าขำ

ย้ำเผด็จการสภาต้นตอวิกฤติ
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่นายพานทองแท้ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เชิญชวนทหารมาให้ยึดอำนาจนั้น เป็นการบิดเบือนให้ร้าย แต่เป็นเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภาที่นำไปสู่เผด็จการทหาร พรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านทั้งสองอย่าง เผด็จการรัฐสภาเสียงข้างมาก วางแผนตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้งให้ประชาชนหลงเชื่อไปลงคะแนนให้ มาเป็นรัฐบาลก็ใช้นโยบายที่เตรียมไว้มาร่วมทุจริตมากมาย เช่น นโยบายจำนำข้าว นโยบายรถคันแรก ออกกฎหมายล้างผิดนิรโทษกรรมให้กับคนทุจริตคดโกงเงินแผ่นดิน แก้รัฐธรรมนูญเอื้อผลประโยชน์พวกตน จัดสรรงบประมาณเลือกพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคตัวเอง ส่วนเผด็จการทหารที่เข้ายึดอำนาจ 2 ครั้ง ต้นเหตุมาจากเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภาทั้ง 2 ครั้ง
บ้านใครใครก็รักอย่าหมิ่นกัน
นายราเมศกล่าวอีกว่า ตั้งแต่ยึดอำนาจมาเราเป็นพรรคเดียวที่ยังตรวจสอบการทำงานรัฐบาลทหารตลอด ถ้าสนับสนุนรัฐบาลทหารเหตุใดจึงรณรงค์คัดค้านการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายพานทองแท้ไม่ใช่เด็กแล้วอย่าคะนองปาก ควรสุขุมมากกว่านี้ พรรคการเมืองเป็นสถาบันอย่าดูหมิ่นกล่าวหาใส่ร้ายกัน ถ้าใครมาด่าคนในบ้านนายพานทองแท้ คุณก็ต้องโต้ตอบ พรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นกัน อาศัยบ้านหลังนี้อยู่ใครมาให้ร้ายจะให้ยอมทนฟังคงไม่ได้ ขอให้เลิกนิสัยนี้ถ้าแน่จริงควรตั้งหัวข้อว่า “ทำไมถึงมีการยึดอำนาจ แล้วนัดมาผมพร้อมทุกเวที”

แซะ “ชวน” มีดโกนหมดมุก
วันเดียวกัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เคยจัดงบประมาณลงพื้นที่ภาคใต้ ว่า เป็นถึงอดีตนายกฯถ้าพูดแบบนั้นจริง คนฟังควรพึงคิดและพึงรู้ว่าไม่จริง ในฐานะอดีตรองนายกฯ อดีต รมว.คลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะถ้าจริงกรรมาธิการ งบประมาณฯ ที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อยู่มากมาย ย่อมต้องถูกแก้ไขตามด้วยการถล่มเละในสภาฯ แค่อยากจะบอกว่า “โถมีดโกนหมดมุก ท่านหวังสร้างความเท็จ สร้างความเกลียด หรือหวังจะเลียรองเท้าบูต”
ย้อนเป็นมากี่สมัยทำไมไม่ทำ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เคารพนายชวนเป็นการส่วนตัว อยากให้มองย้อนกลับไปว่าตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทุกครั้งมีการพัฒนาภาคใต้ขนาดไหน จำได้ดีสมัยยังเป็นเด็กภาคใต้ถนนลาดยาง 2 เลนแล้ว ภาคอีสานยังเป็นถนนลูกรัง แต่เวลาผ่านไป ภาคใต้ยังมีแค่ถนนลาดยาง 2 เลน ขณะที่ภาคอีสานและภาคเหนือ มีถนนลาดยาง 8 เลน 10 เลนแล้ว เท่าที่สอบถาม ส.ส.หลายคนได้รับคำตอบว่า มีการขายงบประมาณพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ให้กับภาคอื่น ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เท็จจริงเป็นอย่างไร อยากให้นายชวนช่วยตอบข้อสงสัยนี้ ว่าเหตุใดภาคใต้จึงไม่พัฒนาเพิ่มขึ้นเลย กระจุกอยู่ในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเท่านั้น เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี สงขลา (หาดใหญ่)
เซาท์เทิร์น-แลนด์บริดจ์ถูกโค่น
นายพิชัยกล่าวว่า หากย้อนไปดูการใช้งบ ประมาณไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้านบาท สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯจะเห็นว่ามีการใช้งบเป็นเบี้ยหัวแตก ส่วนใหญ่กระจายให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ ทำไมไม่นำไปพัฒนาภาคใต้ให้เจริญกว่านี้ และมองย้อนหลังไปถึงรัฐบาลนายทักษิณ ที่พยายามผลักดันการพัฒนาเซาท์เทิร์นซีบอร์ด และโครงการแลนด์บริดจ์ แต่มาโดนปฏิวัติเสียก่อน หากทำสำเร็จภาคใต้คงเจริญมากกว่านี้ ขณะที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พัฒนาถนนใน จ.ภูเก็ต จนชาวภูเก็ตยังทำป้ายขอบคุณ จึงอยากให้นายชวนหันกลับมาดูวิธีคิด และวิธีบริหารงานสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก่อนจะไปต่อว่ารัฐบาลอื่น ปัจจุบันโลกแข่งขันกันมาก ประเทศต้องการผู้นำที่เฉลียวฉลาดนำพาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้
ซัดพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นการทำงาน การเมืองไม่สร้างสรรค์ อดีตนายกฯทั้งสองคนที่ถูกพาดพิงคงไม่มีโอกาสชี้แจงข้อมูลที่ถูกบิดเบือนตามความถนัด ยืนยันว่ารัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดภาคใต้ เพราะเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวในระดับสูง รัฐบาลต้องดูแลทั้งด้านความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องสนามบิน ถนนหนทางให้ทันกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

บอกดีคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ฝากข้อสังเกตถึงประชาชนภาคใต้ให้ตรวจสอบอดีต ส.ส.ว่าเหตุใดจึงไม่มีการติดตามความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องถนนหนทางเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับ ส.ส.ภาคอื่นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพราะมีข่าวว่าโยกย้ายงบ ประมาณข้ามภาคหรือไม่ เพื่อประโยชน์กลุ่มธุรกิจรับเหมาสร้างถนน คิดว่าพี่น้องชาวใต้ยังไม่ลืมภาพเมื่อครั้งเกิดภัยพิบัติสึนามิ นายทักษิณ ชินวัตร และ ครม. ทุ่มเทให้ความช่วยเหลือจนได้รับการชื่นชมจากชาวใต้ท่วมท้น ถ้าจะวิเคราะห์การให้ข่าวคงเข้าใจได้ว่าเป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองนี้ที่ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง แต่อยากเป็นรัฐบาล จำเป็นต้องพึ่งทหารหรือการเมืองนอกระบบ การชื่นชมหัวหน้า คสช.จึงเป็นที่เข้าใจได้ ถือว่าดีประชาชนจะแยกแยะได้ง่ายขึ้น ระหว่างฝ่ายที่เอาเผด็จการกับไม่เอาเผด็จการ จะเลือกใคร
“วัฒนา” อัดวาทกรรมน้ำเน่า
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “น้ำเน่า” ไม่อยากเสียเวลากับวาทกรรมแบบเดิมๆของนายชวน หลีกภัย เชื่อว่าประชาชนคงเบื่อกับวิธีเล่นการเมืองแบบสาดโคลน แต่การที่นายชวนพูดให้ร้ายรัฐบาลที่ถูกรัฐประหาร พร้อมกับยกย่องรัฐบาลเผด็จการนั้น เป็นบทเรียนสำหรับคนที่อยากเป็นนักการเมืองอาชีพต่อไป การพูดถึงบุคคลที่สามที่ไม่มีโอกาสตอบโต้ด้วยข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ถือเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่นักการเมืองอาชีพไม่พึงกระทำ และถ้ามีการกลั่นแกล้งไม่จัดสรรงบประมาณลงไปภาคใต้จริง พรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส.ทั้งในสภาและในกรรมาธิการงบประมาณ เหตุใดจึงนิ่งเฉยไม่รักษาผลประโยชน์ของชาวใต้ที่เลือกเข้ามา ที่สำคัญนายชวนก็เป็นหนึ่งใน ส.ส.ที่อยู่ในสภา มาจากพรรคที่เพิ่งประกาศตนปกป้องประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ควรหรือที่จะยกย่องเชิดชูเผด็จการที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ หรือเพราะเป็นพวกกันที่เคยไปเป่านกหวีดเรียกออกมา
ปชป.ตอกขนหน้าแข้งเต็มปาก
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำพูดของนายชวนล้วนเป็นความจริง ไม่ใช่แผ่นเสียงตกร่อง แต่เป็นแผ่นเสียงความจริงที่บาดใจคนพรรคเพื่อไทยจึงเต้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ที่บอกว่านายชวนหวังจะเลียท็อปบูทนั้น คำพูดนี้ไม่ให้เกียรติกัน และไม่มีเหตุอะไรต้องไปทำเช่นนั้น แต่เข้าใจว่าคนพูดคงพูดไม่ชัด เพราะขนหน้าแข็งนายคงอยู่เต็มปาก ที่ผ่านมาผลงานที่นายชวนทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศมากมายและยั่งยืน ทั้งการเริ่มกระจายอำนาจ โครงการเบี้ยยังชีพ ปฏิรูปการศึกษา เชื่อว่าลูกหลานของคนในพรรคเพื่อไทยก็ได้ประโยชน์ การเลือกปฏิบัติของรัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความชัดเจนจากการปราศรัยของนายทักษิณเอง ประชาชนภาคใต้ทราบดีว่าถนนที่มุ่งสู่ภาคใต้โดนกีดกันงบจากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามานายชวนจึงทำหนังสือถึงได้มีการจัดสรรงบประมาณไปทำให้ถนนดีขึ้น นายชวนไม่เคยซื้อเสียง ไม่เคยโกงชาติ ไม่เคยเลือกปฏิบัติ ยึดมั่นในหลักการและความซื่อสัตย์ ถึงมีแผ่นดินอยู่ ต่างจากอดีตหัวหน้าพรรคของคุณ

“อภิสิทธิ์” ชี้ 4 ปี รบ.คสช.เหลว
อีกเรื่อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารงานของ คสช.เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ว่า ได้ความสงบเรียบร้อยหยุดยั้งสถานการณ์ ตนเอาใจช่วยให้วางรากฐาน ทำนโยบายกติกาให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนเหมือนที่เคยพูดไว้ แต่กลายเป็นว่านโยบายหลายเรื่องเป็นการทำเฉพาะหน้า เช่น เศรษฐกิจ 4 ปีที่ผ่านมาใช้เงินเกือบล้านล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรอบ ไม่เก็บภาษีเพื่อให้คนไปซื้อของ หรือลงทุน แต่ผลตอบแทนที่ได้ กลับไม่ได้ช่วยเรื่องความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ ส่วนการปฏิรูปการเมือง น่าเป็นห่วงว่าใช้รัฐธรรมนูญมาปีเศษ ปรากฏว่าหลักการหลายอย่างมีแต่ความสับสน ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ สถานะขององค์กรอิสระ การปลด กกต. และเพิกเฉยต่อมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้ระบบตรวจสอบถ่วงดุลอ่อนแอลง
จวก สนช.ทำงานสนอง คสช.
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการออกกฎหมายของสนช.ว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่รอบคอบของการทำกฎหมายหลายเรื่อง ทำให้เห็นว่าคุณภาพกฎหมายที่ออกมามีปัญหา สะท้อนว่าผู้เขียนกฎหมายไม่เข้าใจเงื่อนไขความเป็นจริงในสังคม จึงเป็นบทเรียนสำหรับ สนช.ว่าต้องรอบคอบและพิถีพิถัน ถ้าเขียนกฎหมายเอาใจกลุ่มคนจะเกิดปัญหา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ สนช.คิดว่าต้องรับผิดชอบกับ คสช. เพราะมีที่มาจาก คสช. จึงต้องตอบสนองสิ่งที่ คสช.ต้องการ ที่น่าเป็นห่วงมากคือการออกกฎหมายเพิ่มอำนาจให้ราชการ

พท.ยังนับญาติ “สะสมทรัพย์”
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หลายจังหวัดคึกคัก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับนักการ เมืองยังเป็นปกติ อาจมีบางส่วนยังไม่ได้แสดงตัว แต่แจ้งมาทางตนแล้วว่าจะมาหลังสงกรานต์ เช่น นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายดนุพร ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจมีบ้างที่ยังไม่ชัดเจน เช่น ตระกูลสะสมทรัพย์ แต่อดีต ส.ส.นครปฐมหลายคน ยังยืนยันจะมาเพื่อไทย วันที่ 18 เม.ย.นี้ ยังคงไปตีกอล์ฟด้วยกัน เพราะคนเคยเป็นพี่น้องไม่มีปัญหาอะไร
เชื่ออดีต ส.ส.ไม่กล้าฝืนกระแส
นายภูมิธรรมกล่าวถึงการช็อปปิ้ง ส.ส.ของฝ่ายผู้มีอำนาจ ว่า มีนักการเมืองมาแจ้งว่าได้รับการติดต่อทาบทาม แต่หลายคนมายืนยันเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่กังวลอะไรมาก โดยเฉพาะในพื้นที่หลัก อดีต ส.ส.มีความแข็งแรง มีประชาชนเป็นฐานสำคัญที่จะเอื้อในการตัดสินใจของอดีต ส.ส. ไม่ใช่เป็นเหมือนเดิมที่คิดจะไปก็ไป ตอนนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่อาจมีบ้างในระบบเลือกตั้งที่สร้างขึ้นมาแบบนี้ ปัญหาปาร์ตี้ลิสต์ที่คนกระจุกตัวในพื้นที่ต้องมาแย่งกัน เป็นไปได้ว่าเมื่อใกล้ถึงเวลาหลายคนอาจต้องตัดสินใจ โดยพรรคใหม่บางพรรคที่คิดไปดึงไปดูด อาจไปช็อปกันตอนนั้น เป็นคะแนนเก็บตก
ใช้อภินิหารช็อป ส.ส.กระจาย
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นการวางแผน เป็นกลวิธีที่แยบยลให้คนได้คะแนนรองลงไปจะเป็น ส.ส.ได้ เบอร์ 1 ไม่ได้ ก็ดึงเบอร์ 2 อาจมีผลกระทบบ้าง อาจเป็นตัวแปรให้พรรคที่ 3 ได้คะแนน และเป็นตัวแปรกับผลการเลือกตั้ง โดยการดึงคนพรรคเก่า ทำให้พรรคใหม่ไม่ต้องสร้างคนใหม่ เป็นการเอาเปรียบของผู้มีอำนาจ พรรคการเมืองเก่าต้องลงพื้นที่หาคนที่มีความสามารถ แต่มาใช้วิธีตั้งพรรค มีแบ็กอัพ ไปช็อปปิ้งดึงคนที่เกิดจากการย่อยสลาย เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่ แต่ละพรรคไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ต้องสูญเสียบุคลากร ถ้าใช้ภาษาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่าเป็นอภินิหารในการช็อป

“ธนาธร” เดินสายฟุ้งกระแสดี
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองหน้าใหม่ เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำผู้ยื่นขอจดแจ้งพรรคอนาคตใหม่ พร้อมสมาชิกพรรค ร่วม กราบสักการะขอพรศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น ขอพรพระพุทธพระลับ และพระอภัยมงคลสมังคลี พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวขอนแก่น จากนั้นร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ ท่ามกลางความสนใจจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและสาวๆมารุมประแป้ง สาดน้ำ และขอถ่ายรูปด้วยจำนวนมาก นายธนาธรกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากมาร่วมเล่นน้ำสงกรานต์แล้ว ยังมีการพูดคุยกับผู้ให้การสนับสนุนที่อยากช่วยเหลืองานพรรค แต่ยังคงไม่ขอเปิดเผยข้อมูล เพราะอาจถูกแรงกดดันได้ ที่ผ่านมาการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆได้รับการตอบรับดี ขนาดตามชนบทยังมีคนเข้ามาจับมือมาขอถ่ายรูป คิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หลังจากนี้จะเดินทางต่อไปที่ จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา และบุรีรัมย์

“ไก่อู” ขออดทนหน่อยไม่ได้หรือ
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ รัฐบาลไม่ได้ประเมินอะไรเป็นพิเศษ เพราะอีกไม่กี่เดือนจะเปิดให้มีการเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองและนักการเมืองที่กดดันรัฐบาลอยู่นี้ จะอดทนรอหน่อยไม่ได้หรือ ส่วนการเชิญพรรคการเมืองมาร่วมพูดคุยกับ คสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังอยู่ในช่วงเดือน มิ.ย. ขณะนี้รอนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ประสานนัดหมายพูดคุยกับพรรคการเมืองว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ก่อนเดือน มิ.ย. หรือภายในเดือน มิ.ย. เพราะเรื่องนี้นายกฯไม่ได้กำหนดว่าต้องพูดคุยกันเมื่อใด พรรคการเมืองใดต้องการร่วมพูดคุย ติดต่อผ่านนายวิษณุได้
กกต.ยกร่างสินบนเลือกตั้งเสร็จ
นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระเบียบเกี่ยวกับการให้สินบนรางวัลกับบุคคลที่นำพยานหลักฐานการซื้อเสียง หรือการทุจริตเลือกตั้งมาแจ้งต่อ กกต. ว่า สำนักงาน กกต. จัดทำร่างระเบียบเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ยังไม่ได้เสนอให้ กกต.พิจารณา ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ก่อน เพราะต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวนั้น ไม่กระทบต่อระเบียบที่จัดเตรียมไว้ เนื้อหาคนละส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกัน นอกจากระเบียบดังกล่าวแล้ว สำนักงาน กกต.ยังต้องจัดทำระเบียบเรื่องการกันบุคคลไว้เป็นพยาน การคุ้มครองพยาน และระเบียบเรื่องการปกปิดความลับควบคู่ไปด้วยให้สอดคล้องกัน ส่วนการจ่ายอัตราสินบนรางวัลขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการทำคดีแต่ละคดีด้วย
คนไทยไล่บี้ คสช.กล้าปราบโกง
อีกด้านนายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า หลังละครเรื่องบุพเพสันนิวาสจบ มีบทสรุปให้เห็นว่าต้นตอการทุจริตคอร์รัปชันตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน เกิดจากข้าราชการบางส่วนดี ขอให้นายกฯรู้ไว้ และขอถามว่าอยู่ในอำนาจเกือบ 4 ปีทำไมไม่กล้าแก้ปัญหาคอร์รัปชันให้สิ้นซาก ทั้งที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ คงเป็นเพียงวาทกรรมสวยหรูแต่ไม่กล้าปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมสะท้อนว่ามีอำนาจล้นมือแต่ขาดความกล้าหาญ เหมือนเกรงจะลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ จากข้อมูลผลสำรวจดัชนีคอร์รัปชันไทยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์กล้าหาญประกาศปริวรรตเงินตรา พร้อมกำหนดเงื่อนเวลาและวงเงินมาแลกภายใน 6 เดือน ไม่เกิน 2 แสนบาทต่อราย หากเกินเงื่อนเวลาไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย หากแจงที่มาไม่ได้ให้ยึดเป็นของแผ่นดิน
ทบ.ปลื้มยอดผู้สมัครทหาร
อีกเรื่อง พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การตรวจเลือกทหารกองประจำการ ปี 2561 เสร็จสิ้นลงแล้ว ภาพรวมเรียบร้อยดี ปีนี้มีผู้เข้ารับการตรวจเลือก 532,277 นาย กองทัพคัดเลือกไว้เป็นทหารกองประจำการ 104,734 นาย โดยมีผู้ร้องขอ (สมัคร) เป็นทหารถึง 44,797 นาย คิดเป็นร้อยละ 42.77 ด้วยหลายเหตุผล อาทิ ค่าตอบแทน การดูแล สวัสดิการ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของทหารที่ช่วยดูแลประชาชน และอยากมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาบ้านเมือง การได้รับโอกาสก้าวหน้าในการเข้ารับราชการต่อ เป็นต้น ขณะนี้ได้เตรียมรับทหารใหม่ตามนโยบาย ผบ.ทบ.กำชับไว้ ทั้งความพร้อมของสถานที่ บุคลากร สิ่งอำนวยความสะดวก การดูแลด้านสุขภาพ การปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมทหาร รวมทั้งการปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ ทำประโยชน์ เพื่อแผ่นดินและส่วนรวม ภายใต้นโยบาย “Smart man Smart army”

ผบ.ทบ.วางงาน ปจว.ระยะยาว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และเลขาธิการคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การจัดชุดปฏิบัติการกิจการ พลเรือน มณฑลทหารบก (ชป.กร.มทบ.) ไม่ได้ทำ เฉพาะโครงการไทยนิยม แต่จะทำในโครงการที่ทำให้ เกิดความรัก สามัคคี ความเข้าใจของคนในชาติ การประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล รวมถึงงานกองทัพ เบื้องต้นจัดตั้งทีมให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ไปบูรณาการร่วมกับ 35 มทบ.ทั่วประเทศ แบ่งเป็น 2 ชุดคือ ชุดขุนศึก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ และชุดขุนภักดี นำทหารดุริยางค์ใน มทบ.มาฝึกและเติมทักษะการพูด ร่วมทำงานกับ กองพันปฏิบัติการจิตวิทยา (พัน.ปจว.) ของกองทัพภาค ถือเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว อยากให้ทำเป็นห้วงเวลา 5 ปี-10 ปี ไม่ใช่ทำเฉพาะช่วงที่มีโครงการไทยนิยม
ไม่พูดคนในรัฐบาลตั้งพรรค
ผบ.ทบ.กล่าวว่า สิ่งที่ให้ระมัดระวังเวลาลงพื้นที่คือ อย่าตกเป็นเครื่องมือของพรรคการเมือง อาจมีเจตนาดี แต่เราอย่าเผลอไปเดินตามแนว กลายเป็นเครื่องมือหาเสียง เพราะในพื้นที่มีความคุ้นเคยกันทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักการเมืองท้องถิ่น เมื่อถามว่า การใช้กลไกตรงนี้ถือว่ารัฐบาลได้เปรียบ สร้างคะแนนนิยมให้นายกฯหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง เมื่อถามถึงกระแสการตั้งพรรคการเมืองโดยโยงคนใน คสช. จะทำให้ทหาร อยู่ลำบากหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า เท่าที่เห็นเป็นทหารเกษียณ ไม่มีใครสวมเครื่องแบบไปเล่นการเมือง บทบาทตนก็เป็นในฐานะทหาร ไม่ไปยุ่ง กับการเมือง เดินไปตามกรอบหน้าที่ รัฐบาลสั่งการในงาน เมื่อถามว่า คสช.ถูกวิจารณ์ว่ารัฐประหารมา เพื่อต่อยอดอำนาจ พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า แล้วแต่คนคิด ตนไม่ทราบ ไม่มีความเห็น ส่วนจะซ้ำรอยเหมือนสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร หรือไม่ ก็เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ยืนยันไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย ทำงานตามกรอบหน้าที่ เกษียณแล้วอาจไปบวช
รับนายกฯกาวใจ 2 บิ๊กแก้ไฟใต้
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงความขัดแย้งการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่าง แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) กับหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯว่า อาจมีบางครั้งที่พูดกันคนละที และสื่อกันไม่เข้าใจ เพราะมีความรู้สึกในใจกันอยู่ เราอยากให้เป็นเนื้อเดียวกัน คงเป็นช่องว่างของรุ่น พื้นฐานการทำงานที่ต่างกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาก็คุยกันแล้ว ตนเข้าใจดีว่า มทภ.4 ทำงานหนักและตั้งใจทำงาน ก็บอกไปว่าทำงานไปเพื่อเป้าหมายเดียวกัน บางเรื่องไม่ควรพูดผ่านสื่อ แม่ทัพฯแต่ละคนมีจุดเด่นคนละแบบ ก็เอาจุดดีมาใช้ ดูจากสถิติความรุนแรงค่อยๆลดลง ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น ทั้งสองสายต้องเดินไปเหมือนเดิม แม่ทัพฯก็ทำงานต่อไป การพูดคุยสันติสุขก็เดินหน้าไป ปัญหาที่ต้องระมัดระวังคือการพูดกับสื่อ ไม่ได้ตำหนิสื่อ อาจแปลเจตนาที่ผิดพลาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วมีผลกระทบ