ปชป.ยินดีต้อนรับพรรค “บิ๊กตู่” “องอาจ” จับไต๋ยุทธ์ศาสตร์สืบทอดอำนาจ “นิพิฏฐ์” ฉายภาพการเมือง 3 ก๊กชัดเจน ฟันธง “เทือก” ตั้งพรรคแน่ เย้ยคนใต้รุ่นใหม่ยังเมิน “ธนาธร” “อิสสระ” แซะ “ประยุทธ์” กระแสหดหมดหน้าตักแล้ว “นพดล” ยักไหล่ใส่พรรค กปปส. ลั่นพร้อมชนทุกแนวร่วม คสช. พท.ตอกย้ำ ปชป.-กปปส.เนื้อเดียวกัน รอแตะมือเป็นพันธมิตรกับอนาคตใหม่ “อนุสรณ์” กระทุ้ง “สมคิด” เอาความมั่นใจมาจากไหน “เต้น” ซัดการเมืองศรีธนญชัย “อลงกรณ์” บอกธรรมดารัฐบาลโดนสกรัม เพราะเป็นคู่แข่งน่ากลัวทั้ง พท.-ปชป. โพลชี้คนอยากเลือกหน้าใหม่
ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายการเมืองกับกระแสข่าวคนในรัฐบาลเตรียมจัดตั้งพรรคการเมือง สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯอีกสมัย ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธาน สปท. มองว่าพรรคดังกล่าวจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์
ปชป.ยินดีต้อนรับพรรค “บิ๊กตู่”
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ว่า ยินดีต้อนรับ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น เป็นเรื่องดีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และลูกน้องบริวาร จะจัดการตั้งพรรคให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่ถนนการเมืองตามครรลอง จะได้เข้าใจการเมืองว่ามีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่ด่ากราดนักการเมืองว่าไม่ดีไปทั้งหมด การเคลื่อนไหวตั้งพรรคหนุน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ ที่ดำเนินการมาต่อเนื่อง
...

จับไต๋ยุทธ์ศาสตร์สืบอำนาจ
นายองอาจกล่าวว่า เริ่มจากการจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ดั่งใจก็เปลี่ยนให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ มาเป็นประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ทำรัฐธรรมนูญแถมคำถามพ่วง จากนั้นทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ แล้วยังยื้อเวลาสร้างเงื่อนไขส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แม้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.2560 แต่ยังใช้ไม่ได้เพราะติดล็อกคำสั่ง คสช. ยังไม่พอยังใช้มาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 มาปรับเปลี่ยนกฎหมายพรรคการเมือง จนสร้างปัญหาในทางปฏิบัติย้อนแย้งกันอยู่หลายส่วน การดำเนินการผ่านกลไกแม่น้ำ 5 สาย และอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดผ่านมาตรา 44 มากมาย รวมถึงการเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรคการเมืองของคนในรัฐบาล ให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ ล้วนแต่เป็นไปตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ
อย่ามัวบริหารอนาคตตัวเอง
นายองอาจกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดบริหารดูแลประเทศมาเกือบ 4 ปี และมีการเคลื่อนไหวจะให้ท่านเป็นนายกฯต่อ จึงอยากให้ใช้เวลาที่เหลืออีกเป็นปีกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่จากการเลือกตั้ง ช่วยทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ให้ลืมตาอ้าปาก ไม่ให้ฝืดเคืองเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้ แก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ เลิกอุ้มคนรวยหันมาช่วยคนจน ฝากนายกฯใช้เวลาที่เหลืออยู่บริหารประเทศ มากกว่าบริหารอนาคตของตนเอง และพวกพ้อง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน และสังคมไทย อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยังยืนต่อไป
“นิพิฏฐ์” ชี้การเมืองแบ่งขั้ว 3 ก๊ก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเมืองขณะนี้แตกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ ก๊กเพื่อไทย ก๊กประชาธิปัตย์ และก๊กนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ค่อนข้างผิดหวัง เพราะตอน คสช.ยึดอำนาจ เหตุผลหนึ่งคือขจัดความขัดแย้ง ทำให้เกิดความปรองดอง ตอนนั้นการเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้วใหญ่คือ เพื่อไทยกับแนวร่วม และประชาธิปัตย์กับแนวร่วม หลังยึดอำนาจมา 4 ปี แทนที่จะให้คน 2 ขั้วมาปรองดองกัน ปรากฏว่าแตกเป็น 3 ขั้ว จึงเห็นว่ายึดอำนาจมาแล้วยิ่งทำให้เกิดความแตกแยก คำว่าเสียของเริ่มปรากฏ หากไม่อยากให้เสียของ พล.อ.ประยุทธ์อย่ากลายเป็นความขัดแย้งเสียเอง เป็นธรรมดาที่การเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีการแตกไปตั้งพรรคใหม่ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งไปตั้งพรรคที่ไม่มีนโยบายอะไร แค่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น ถ้า กปปส.ตั้งพรรคอีก จะยิ่งหนัก ยังไม่รู้ว่านิทานเรื่องนี้จะจบอย่างไร เพราะถูกกำกับไว้อย่างนี้ เราเป็นตัวละครหนึ่งในความขัดแย้ง ต้องรักษาสถานภาพความเข้าใจกับแนวร่วม ว่าการที่ต้องแตกออกไปไม่เป็นปัญหากับเราเลย
ฟันธง “เทพเทือก” ตั้งพรรคแน่
นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อผลักดันแนวคิดของกลุ่ม กปปส. ให้สำเร็จสมบูรณ์ ว่า เชื่อว่านายสุเทพยังพยายามจัดตั้งพรรคการเมือง แต่อยู่ที่จะให้ใครเป็นผู้จัดตั้ง ยืนยันว่าแม้ กปปส.ตั้งพรรค จะไม่เกิดปัญหาสมองไหลในพรรคประชาธิปัตย์ คงแบ่งคะแนนของพรรคไปบ้าง อาจมีผลต่อจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงเกิดการต่อสู้ในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น ขณะนี้มีอดีต ส.ส.มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเกือบครบทุกคนแล้ว เว้นแต่นายธานี เทือกสุบรรณ และนายเชน เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ แต่ยังมีเวลาจนถึงวันที่ 30 เม.ย.

เย้ยคนรุ่นใหม่เมิน “ธนาธร”
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ส่วนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ขอจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่จ.ตรัง เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ทราบเรื่องนี้แล้ว และรู้ว่ามีหลายคนที่ทำงานการเมืองใน จ.พัทลุงบางคนที่เคยลงสมัคร ส.ส.แข่งกับตนไปพบนายธนาธร ส่วนใหญ่เป็นคนที่อายุมากแล้ว อาจไปพบเพื่อเสนอตัวทำงาน การเมือง และลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคของนายธนาธร ก่อนหน้านี้มีหลายคนที่ทำงานการเมืองในภาคใต้ เดินทางไปพบนายธนาธรที่ กทม. แต่น่าสังเกตว่าคนรุ่นใหม่ยังไม่แสดงความสนใจต่อพรรคของนายธนาธร

แซะ “ประยุทธ์” หมดหน้าตัก
นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวว่า ถ้ามีการตั้งพรรคการเมืองใหม่มาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อตามกระแสข่าวจริง ก็เป็นแค่เรื่องเฉพาะหน้าเฉพาะกิจเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว ไม่ใช่แก้ปัญหาเพื่อชาติ ทั่วโลกเขาไม่ทำกัน การหาเสียงของพรรคการเมืองต้องมีนโยบายสาธารณะ นโยบายสากล ต้องมีแผนบริหารประเทศ การตั้งพรรคการเมืองสนับสนุนคนใดคนหนึ่งเป็นนายกฯ คงไม่ใช่ สมมติในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่แล้ว พรรคดังกล่าวก็จบกัน ดังนั้น พรรคนี้ไม่น่าจะไปรอด เพราะคนดีไม่จำเป็นต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว คนดีในประเทศไทยอีกเยอะแยะ และขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่คนที่มีหน้าตักหนาเหมือนช่วงปี 2557 อีกแล้ว กองหนุนไม่เหลือ ก็เท่ากับกองเชียร์ไม่มี จึงเกิดกระแสไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างมากในโลกโซเชียล ไม่ว่าสีไหนก็บอกว่าอยากเลือกตั้ง ด่ารัฐบาล คสช. เรื่องแก้ปัญหาปากท้องไม่ได้ ถ้าให้เลือกระหว่างความมั่นคงกับปากท้อง เขาเลือกเอาความอยู่รอดของชีวิตเขามากกว่า
พท.ยักไหล่ใส่พรรค กปปส.
ขณะที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งพรรคการเมืองของกลุ่ม กปปส. ว่า เป็นสิทธิที่ทุกคนทำได้ถือเป็นเรื่องดี วิธีการนี้ไม่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ประชาชนจะได้พิจารณานโยบายพรรคการเมืองนั้นๆเพื่อตัดสินใจ แต่พรรคเพื่อไทยรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งอะไร แต่พรรคประชาธิปัตย์น่าจะกระทบมากกว่า เพราะเป็นฐานเสียงเดียวกัน อยากรู้ เช่นกันว่าพรรค กปปส.จะมีคนสนับสนุนมากน้อยเท่าไหร่ ที่สำคัญเมื่อประชาชนตัดสินใจอย่างไร ทุกคนต้องยอมรับ หวังว่าจะไม่มีการขัดขวางการเลือกตั้งเกิดขึ้นในอนาคต เพราะคำตอบที่ดีที่สุดของประเทศวันนี้คือ การเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินใจ ไม่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ระงับความขัดแย้งทางการเมืองแบบสันติผ่านบัตรเลือกตั้ง บ้านเมืองจะเดินไปได้
พร้อมชนทุกแนวร่วม คสช.
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นายนพดลตอบว่า ถ้าเป็นจริงถือเป็นเรื่องดี เป็นการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะได้พิจารณานโยบายรู้ว่าเลือกพรรคใดไปแล้วนายกฯจะเป็นใคร พรรคเพื่อไทยไม่หวั่นไหวเพราะเชื่อในหลักการการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง สง่างามกว่าผ่านการรัฐประหาร แม้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. แต่รัฐบาลและ คสช.ที่กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือ ต้องสร้างกลไกที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นกลาง และเป็นธรรม ให้ทุกฝ่ายรวมถึงประชาคมโลกยอมรับ
ย้ำ ปชป.–กปปส.เนื้อเดียวกัน
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายสุเทพเคยพูดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก แต่ถ้า กปปส.ตั้งพรรคขึ้นมา จริง ถือว่าพูดกลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้ จะทำพรรคก็ทำเลยเชิญตามสบาย ไม่ต้องหลบอยู่ด้านหลัง แต่ดูแล้วเหมือนการแบ่งกันทำ จากกลุ่มไม่เลือกประชาธิปัตย์ แต่เลือก กปปส. สุดท้ายก็ไปรวมกันอยู่ดีหลังเลือกตั้ง คงไม่มีนโยบายใหม่ๆเสนอประชาชน พรรคลักษณะนี้คงเป็นพรรคเฉพาะกิจมากกว่า รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้พรรคเล็กทำงานได้ง่าย ส่วนตัวเชื่อว่าเขาพร้อมเป็นพันธมิตรทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกไม่เอา นายกฯคนนอก คงพูดเพื่อหวังคะแนนเสียงเท่านั้น พอรวบรวมกันได้เขาก็ปรับได้ ถึงอย่างไรก็มาจาก ไผ่กอเดียวกัน เพียงแค่วันนี้แตกหน่อออกไป

แตะมือพันธมิตรอนาคตใหม่
นายสมคิดยังกล่าวถึงกรณีนายชำนาญ จันทร์เรือง หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ แสดงความมั่นใจว่าพรรคอนาคตใหม่จะชนะการเลือกตั้ง ว่า พรรคอนาคตใหม่ถือเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย มีแนวคิดใหม่ วันนี้ยังยากที่จะประเมินคะแนน พรรคนี้คงได้แนวร่วมจากคนชื่นชอบเทคโนโลยี ชอบนโยบายใหม่ กล้านำเสนอบางเรื่องที่คนรุ่นเก่าไม่กล้า คงเป็นตัวเลือกให้คนรุ่นใหม่ ขอให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สู้ต่อไป แต่เวลาลงสนามจริง คงไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนคิด ตอนนี้ ยังมีขั้นตอนเครือข่ายสมาชิกต้องรีบทำ จึงขอเรียกร้องให้รีบปลดล็อกฝ่ายการเมือง ไม่ใช่ปล่อยให้แค่กลุ่มไทยยั่งยืน กลุ่มพลังประชารัฐ ทำกิจกรรมได้ฝ่ายเดียว มันน่าเกลียด ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง ขอให้รีบจัดเลือกตั้งเลย อย่ามัว แต่รำทวน ส่วนพรรคอนาคตใหม่หากในอนาคตยังยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ก็คงเป็นพันธมิตรกัน
แขวะ “สมคิด” มั่นใจมาจากไหน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่ออีกสมัยของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั้น ประชาชนมีสิทธิสงสัยและตั้งคำถามได้ว่ารัฐประหารของ คสช. ทำเพื่อแก้ปัญหาประเทศชาติ หรือทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ที่ผ่านมารัฐบาล คสช.และเครือข่ายแม่น้ำ 5 สาย ทำตัวเป็นกรรมการหรือเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง การตั้งพรรคหนุนใครเป็นนายกฯไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าเอาเปรียบกันมาก เพราะไม่เป็นธรรมไม่เท่าเทียม ขณะที่ห้ามพรรคอื่นไม่ยอมปลดล็อก แต่พรรคพวกตัวเอง เคลื่อนไหวเต็มที่ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทรัพยากรของรัฐ กำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์เอาเปรียบพรรคอื่นทุกช่องทาง ไม่รู้ว่านายสมคิดไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ ถ้ามั่นใจขนาดนั้นอย่ารีรอ ให้รีบปลดล็อกทางการเมือง
ปลุกผีการเมือง “มุ้ง-กลุ่ม-ก๊วน”
นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงการประกาศแผนปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน ว่า รัฐบาล คสช. ถูกตั้ง คำถามว่าเป็นประเภทคิดอย่าง พูดอย่าง ทำอีกอย่างหรือไม่ ก่อนที่กลุ่มการเมืองใดจะหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อ ต้องพิจารณาผลงาน 5 ป. ให้ดี คือ ปากท้อง ปรองดอง ป้องกันปราบปรามทุจริต ประชา-ธิปไตย และปฏิรูป รัฐบาลนี้ได้ทำสำเร็จผลหรือยัง โดยเฉพาะการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปไปปฏิรูปมา พรรคการเมืองที่เข้มแข็งกลายเป็นพรรคอ่อนแอ ปลุกผีการเมืองแบบเก่าการเมืองโบราณ มีมุ้ง มีกลุ่มก๊วน ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อรองผลประโยชน์ และเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากความอ่อนแอของพรรคการเมือง เตรียมทุกช่องทางเพื่อการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการปฏิรูปการเมืองแบบนี้

“เต้น” ซัดการเมืองศรีธนญชัย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การเมืองช่วงนี้หลายคนกำลังเล่นเรื่องศรีธนญชัย ฝ่ายผู้มีอำนาจที่ประชาชนเห็นชัดแล้วว่าต้องการอยู่ต่อ แต่ยังใช้ชั้นเชิงเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวาดึงเวลาหาความ ได้เปรียบ สับขาหลอกจะมาแบบคนนอกคนใน เดินเกมจนเริ่มสับสน ทั้งที่โดยหลักการไม่ว่ามาแบบไหนก็คือการสืบทอดอำนาจ ชงเองกินเอง ส่วนอีกแบบคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศขึงขังว่าใครไม่สนับสนุนหัวหน้าพรรคให้ไปที่อื่น เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง พูดชัดๆดีกว่า ว่าหลังเลือกตั้งถ้าผู้มีอำนาจอยากเป็นรัฐบาลต้องได้เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ก็พรรคเพื่อไทย ถ้า 2 พรรคใหญ่ไม่เอาด้วย ไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจหรือไม่ หลังจากนี้จะมี 2 ก๊กเท่านั้น คือก๊กสืบทอดอำนาจ กับก๊กไม่เอาการสืบทอดอำนาจ
เป็นธรรมดารัฐบาลโดนสกรัม
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่โดยคณะบุคคลในรัฐบาล ย่อมถูกวิจารณ์เพราะเป็นคู่แข่ง แต่เชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งบอกถึงความชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแม็ป ส่วนข้อกังวลของหลายพรรคเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลในทำเนียบ หรือหาเสียงช่วงเป็นรัฐบาลอยู่นั้น เป็นเรื่องต้องพึงรับฟังและระมัดระวังมิให้การกระทำใดเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ต้องทำตามกติกา มารยาท กกต.ต้องเป็นผู้ดูแลรักษากติกา ความจริงเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ในอดีตเคยเกิดขึ้นไม่ว่าประชาธิปัตย์ หรือเพื่อไทย ล้วนเคยเป็นรัฐบาลรักษาการช่วงเลือกตั้ง มักถูกท้วงติงจากพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคคู่แข่ง
ฟันธงคู่แข่งน่ากลัว พท.-ปชป.
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ส่วนการตั้งพรรคใหม่จะไปรอดหรือไม่ คิดว่าพรรคที่จะเกิดขึ้นใหม่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ มีโอกาสช่วงชิงชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นกับผลงานของรัฐบาล จากวันนี้จนถึงการเลือกตั้ง และคงไม่ใช่การเลือกตั้งสามก๊ก หรือสี่ก๊ก แต่เป็นการเลือกตั้งเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หากในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจจะเปิดตัวลงสนามเลือกตั้งกับพรรคที่จัดตั้งใหม่ นั่นคือประชาชนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อ กับไม่สนับสนุน จะมีเพียงสองกลุ่มนี้เท่านั้น ประชาชนตัดสินใจง่ายขึ้น
“ระวี” ฉะรัฐใช้งบฟุ่มเฟือย
ที่พรรคพลังธรรมใหม่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า พรรคพลังธรรมใหม่ มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้งบประมาณเกินดุลของรัฐบาล 4 ปีที่ผ่านมา ใช้งบเกินดุลไปแล้ว 1.79 ล้านล้านบาท และปี 2561 นี้เพิ่มงบเกินดุลถึง 6 แสนล้านบาท จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการใช้งบให้ละเอียดรอบคอบ ตรงเป้าและเข้าจุด อย่าให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน และขอเตือนรัฐบาลอย่าใช้งบไปกับการหาเสียงแบบประชานิยมมากเกินไป เพราะไม่เป็นผลดีต่อประเทศในระยะยาว เมื่อถามถึงบทบาทของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม นพ.ระวีตอบว่า พล.ต.จำลองย้ำหลายครั้งว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ยืนยันว่า พล.ต.จำลองจะไม่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาพรรคแน่นอน เพราะท่านมีความมั่นใจในรุ่นที่ 2 ของพลังธรรมใหม่ ว่าจะสร้างพรรคไป สู่สถาบันการเมืองได้แน่นอน คงเป็นเพียงกำลังให้กับพรรคเท่านั้น

“โอ๊ค” ตั้งคำถามถึง “พะจุณณ์”
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เช็คคนดัง-คดีดัง ตอนที่ 2 มีเนื้อหาสรุปว่า เคยโพสต์รูปเช็คสั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีบุคคลที่มีชื่อเสียง 2 ท่าน ที่ได้รับเงินจากเงินกู้กรุงไทย กรณีนี้อาจเป็นเรื่องการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐบางคน จึงทำเรื่องสงวนสิทธิ์ที่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคลในทุกตัวบทกฎหมายไว้แล้ว หากตรวจพบการกระทำผิด ทั้งนี้เช็คที่ถูกนำมาเข้าบัญชี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตสมาชิก สปท. จำนวน 1 แสนบาท ซึ่งสั่งจ่ายจากเงินก้อนเดียวกันกับคดีที่เร่งรีบจะฟ้องตน ซึ่ง พล.ร.อ.พะจุณณ์ชี้แจงว่าเป็นเช็คที่จ่ายค่างานเลี้ยง แต่ปรากฏว่า พล.ร.ท.พระจุณณ์เป็นคนเซ็นนำฝากเอง โดยเขียนระบุด้วยลายมือว่าให้นำเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับกรณีเช็ค 26 ล้านของตนที่ตัวเงินยังไม่ทันเข้าบัญชีเลย เช็คก็ถูกยกเลิกไปก่อนแล้ว แต่กลับจะโดนคดี จึงขอตั้งคำถามไปถึงผู้รับเช็คในเชิงจริยธรรม ถ้าท่านคือคนดีของแผ่นดินจริง ขอให้ท่านตอบต่อสาธารณชนด้วย เงินที่ได้มาฟรีๆ ในทางกฎหมายอาจสาวไปไม่ถึงตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจไม่กล้าเอาผิด แต่ในทางจริยธรรมที่ท่านพึงมี เมื่อได้ทราบที่มาที่ไปของเงินก้อนนี้กระจ่างชัดแล้ว มีความคิดที่จะนำเงินมาคืนให้กับเจ้าของ หรือผู้เสียหายหรือไม่
“กอบศักดิ์” ชูแม่ฮ่องสอนโมเดล
อีกเรื่อง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4-6 เม.ย. ได้เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.แม่ฮ่องสอน ติดตามความคืบหน้าของโครงการที่นายกฯสั่งการไว้ ต่อไปจะพัฒนาแม่ฮ่องสอนโมเดล เพื่อใช้เป็นต้นแบบของจังหวัดอื่น หนึ่งในงานสำคัญ คือการหาจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ทั้งสินค้าและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ได้เปิดโครงการปั้นดาวอย่างเป็นทางการ นับเป็นจังหวัดที่ 2 ต่อจาก จ.กาฬสินธุ์ โดยคัดเลือกสินค้า ได้ผู้ประกอบการเบื้องต้น 8 ราย ที่ตั้งใจจะช่วยส่งเสริม คือ งา ถั่ว โดยเฉพาะถั่วลายเสือ กระเทียม บุก กาแฟ โคลนจากภูโคลน น้ำแร่จากน้ำพุร้อน และผ้าทอจากชาวดอยทั้ง 7 เผ่าของแม่ฮ่องสอน ทั้งหมดนี้เมื่อรวมกับศักยภาพของ จ.แม่ฮ่องสอน ที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก จะเป็นรายได้ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ใหม่ ช่วยยกระดับและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวแม่ฮ่องสอน เป็นต้นแบบในการพัฒนาของจังหวัดอื่นต่อไป
โพลชี้คนอยากเลือกหน้าใหม่
ขณะที่สวนดุสิตโพล เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชนผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 1,187 คน ที่มีต่อผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง พบว่าร้อยละ 41.76 เห็นว่ามีผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่มีความหลากหลาย และน่าสนใจ รองลงมาร้อยละ 39.35 เป็นทางเลือกใหม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน เมื่อถามว่าจะเลือก ส.ส.หน้าเก่าหรือหน้าใหม่ ร้อยละ 67.40 บอกว่ายังไม่แน่ใจ ยังไม่เห็นนโยบาย รองลงมาร้อยละ 22.91 บอกจะเลือก ส.ส.หน้าใหม่ เพราะอยากลองให้โอกาส ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง มีเพียงร้อยละ 9.69 ที่เลือก ส.ส.หน้าเก่า เพราะคนในพื้นที่ เป็นที่รู้จักชื่นชอบและเคยเห็นผลงาน ส่วนการเลือกพรรคการเมือง ร้อยละ 72.28 บอกยังไม่แน่ใจ ขอดูคนในพรรคและนโยบายก่อน เพราะอาจเป็นพรรคใหม่แต่คนเก่า ร้อยละ 17.44 บอกจะเลือกพรรคใหม่ เพราะหวังเห็นการเปลี่ยนแปลงและเบื่อพรรคเดิม มีเพียงร้อยละ 10.28 จะเลือกพรรคเดิม
อย่าเลือกข้างสงครามสหรัฐฯ-จีน
ด้านสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชนทุกสาขาอาชีพ 1,142 ตัวอย่าง เรื่องสงครามการค้าจีนกับสหรัฐอเมริกา พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 55.4 กังวลต่อสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ขณะที่ร้อยละ 44.6 ไม่กังวล นอกจากนี้ส่วนใหญ่ร้อยละ 53.5 คิดว่าจีนจะเป็นฝ่ายชนะ โดยร้อยละ 46.5 คิดว่าสหรัฐฯชนะ และส่วนใหญ่ร้อยละ 53.4 ระบุว่าประเทศไทยและคนไทยจะเสียหายมากถึงมากที่สุด เพราะไทยต้องพึ่งพาสองชาตินี้ นอกจากนี้ความเห็นของคนส่วนใหญ่ระบุว่าประเทศไทยไม่ควรเลือกข้างอยู่ฝ่ายใด