ตำรวจนำหมายศาลบุกตรวจค้นบ้าน 2 ผัวเมียแก๊งมาเฟียฆ่าฝังโบกปูนทับสาม-เณรวัดดังเมืองคอน พบหลัก-ฐานสำคัญเพียบทั้งเอกสารการเช่าตึกของวัด ใบเสร็จค่าเช่าที่จอดรถของวัด สมุดบัญชีธนาคารชื่อของ 2 ผัวเมีย กับสมุดบัญชีธนาคารของวัดรวมกว่า 20 เล่ม มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 10 ล้านบาท บัตรเอทีเอ็มนับสิบใบ ใบสุทธิของพระลูกวัด รวมทั้งทะเบียนรถของวัดด้วย ยึดเอกสารและบัญชีธนาคารไว้ตรวจสอบที่มาของเงิน ผู้การฯประกาศกร้าว เงินทุกบาททุกสตางค์ของวัดจะต้องได้กลับคืนมาแน่นอน ด้านรักษาการเจ้าอาวาสประสานขอกำลังทหารจัดระเบียบภายในวัด ผบ.มทบ.41 รับปากจะส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือยันต่อไปจะไม่มีมาเฟียแน่นอน

จากคดีสะเทือนขวัญกรณีนายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี หรือสามเณรปลื้ม สามเณรวัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ถูกฆ่านำศพฝังโบกปูนทับภายในบริเวณวัดนานร่วม 5 เดือน ญาติเห็นหายตัวไปผิดสังเกตเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช สั่งตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ ตรวจสอบจนเรื่องแดงมีการขุดศพและตามจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 4 คน ประกอบด้วยนายเด่นชัย ภูมินิยม อายุ 36 ปี หรืออดีตพระเด่นชัย และอดีตไวยาวัจกรวัด กับนางปิยฉัตร หรือบิว อรุณสกุล อายุ 40 ปี ภรรยานายเด่นชัย นายสุริยา กุศลสุข อายุ 18 ปี หรืออดีตสามเณรสุริยา กับนายนที หรือเบส หรือเบ็นซ์ ศรีดอน อายุ 24 ปี พร้อมเร่งตรวจสอบทรัพย์สินของวัดนั้น

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. พ.ต.ต.วันชัย สุวรรณรัตน์ สว.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน นำหมายค้นของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 173/2560 ลงวันที่ 5 มิ.ย. ตรวจค้นบ้านเลขที่ 46/21 ซอยหมูจักรกล ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นบ้านของนายเด่นชัย ภูมินิยม กับนางปิยฉัตร หรือบิว อรุณสกุล สองผัวเมียผู้ต้องหา เป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว ใช้เวลาตรวจค้นอย่างละเอียดนานประมาณ 1.30 ชม.

...

ผลการตรวจค้นพบเอกสารที่สำคัญของวัดวังตะวันตกหลายอย่าง เช่น เอกสารเกี่ยวกับการเช่าตึกของวัด ใบเสร็จรับเงินของวัด และใบเสร็จค่าเช่าที่จอดรถของวัด สมุดบัญชีธนาคารชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองและสมุดบัญชีธนาคารของวัดรวมกว่า 20 เล่ม มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 10 ล้านบาท บัตรเอทีเอ็มนับสิบใบ หนังสือสุทธิของพระลูกวัด ทะเบียนรถของวัด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอกสาร สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรเอทีเอ็มทั้งหมด ใส่กล่องพลาสติกขนาดใหญ่นำใส่รถกลับไปตรวจสอบที่โรงพัก พร้อมอายัดตู้เซฟวางอยู่ในบ้าน 1 ใบ ห้ามมีการเคลื่อนย้ายเด็ดขาด

พ.ต.ต.วันชัยเผยว่า ตำรวจตรวจยึดเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวัดวังตะวันตก รวมทั้งยึดสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มจำนวนมากที่ยึดจากบ้านนายเด่นชัยกับนางปิยฉัตร สองผัวเมีย จะเร่งตรวจสอบเอกสารแต่ละชิ้นของวัดว่าทำไมต้องไปอยู่ที่บ้านของผู้ต้องหา จากนั้นจะให้พระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) รักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และทำหนังสืออายัดบัญชีต่างๆของวัดและบัญชีของนางปิยฉัตร เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าได้มาจากไหน หากตรงไหนเป็นเงินของวัดก็จะตรวจยึดเอาเงินคืนให้กับวัดทั้งหมด ตอนนี้ขอเวลาตรวจสอบสักระยะหนึ่งก่อน

ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ปพนศักดิ์ช่วยสถิต สว. (สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของคดี คุมตัวนายนที หรือเบส หรือเบ็นซ์ ศรีดอน อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรายที่ 4 ไปฝากขังต่อศาลแขวงนครศรีธรรมราช ผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยนายนทีถูกตั้งข้อหาร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นย้ายทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย เนื่องจากในการสอบปากคำนายนทีให้การอ้างว่า ได้รับการว่าจ้างจากนางปิยฉัตร หรือบิว ให้ทำหน้าที่ขุดหลุมฝังศพอย่างเดียว ส่วนนายพิสิฎฐ์ บุษบรรณ หรือป้าหลา อายุ 55 ปีสาวประเภทสอง กับนายอาร์ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนยังไม่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด

ขณะที่พระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) รักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ติดต่อไปยัง พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.41 เพื่อขอให้ส่งกำลังทหารเข้าดูแลและจัดระเบียบภายในวัดวังตะวันตก ทาง พล.ต.อาคมรับปากว่ายินดีและพร้อมที่จะส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือจัดระเบียบภายในวัดวังตะวันตก โดยจะทำงานร่วมกับตำรวจ ชาวบ้าน และเจ้าอาวาสรูปใหม่ เพื่อแก้ปัญหาที่หมักหมมมานาน และมั่นใจว่าต่อไปจะไม่มีมาเฟียเกิดขึ้นในวัดวังตะวันตกอีกแน่นอน

ด้าน พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของนางปิยฉัตรและนายเด่นชัย สองผัวเมียหลังเข้ามาบริหารจัดการเรื่องผลประโยชน์ต่างๆของวัด ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่จอดรถ บ้านเช่าซึ่งเป็นที่ดินของวัดวังตะวันตกจำนวนหลายหลัง ตำรวจกำลังดำเนินการอยู่ “ที่สำคัญกำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินของสองผัวเมียว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดมีการนำส่งวัดหรือไม่ อย่างไร และเงินของวัดไปตกอยู่ที่ใครบ้าง ตอนนี้กำลังสืบสวนแกะรอยอยู่” ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราชกล่าว

...

ผู้สื่อข่าวถามว่า เส้นทางการเงินของนางปิยฉัตรกับนายเด่นชัย มีมากน้อยแค่ไหน พล.ต.ต.วันไชยกล่าวว่า มากพอสมควร เฉพาะบ้านเช่าอย่างเดียวราว 80 กว่าหลัง ทำสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี แต่ขอตรวจสอบเอกสารก่อนว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าบ้านเช่าอย่างไรบ้าง เงินที่ได้มาส่งเข้าบัญชีวัด หรือไม่ มีใครเอาเงินไปบ้าง จะตรวจสอบอย่างเข้มข้นแน่นอน พร้อมสอบสวนอดีตเจ้าอาวาส และบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคน รวมทั้งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมแล้วด้วย “ไม่ต้องห่วงเงินทุกบาททุกสตางค์ของวัดจะต้องได้กลับคืนมาแน่นอน” พล.ต.ต.วันไชยกล่าวในที่สุด

นายจรัญ มารัตน์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากกรณีที่ฆาตกรก่อเหตุฆ่าสามเณรวัดวังตะวันตก แต่สื่อรายงานข่าวค่อยข้างแรง เพราะข้อเท็จจริงฆาตกรฆ่าสามเณร ขณะที่ยังเป็นฆราวาส ไม่ใช่เป็นพระ วอนสังคมเข้าใจ เนื่องจากข่าวสร้างความเสื่อมเสี่ยในวงการพระสงฆ์เป็นอย่างมาก ส่วนการดูแลบริหารภายในวัดต่างๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีกว่า 619 แห่ง เพื่อป้องกันผู้มีอิทธิพลเข้าไปครอบงำทรัพย์สินสมบัติวัด ทางสำนักงานพุทธฯไม่มีอำนาจเข้าดูแลวัด เนื่องจากวัดเป็นนิติบุคคล แต่หากมีการร้องขอจากวัดให้เข้าดูแลบริหารจัดการวัด สำนักงานพุทธฯยินดีที่จะเข้าไปดูแลบริหารจัดการวัด แต่สำนักงานพุทธฯจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเงินของวัด จะดูแลเรื่องการบริหารจัดการวัดให้ถูกต้อง มีหลักฐาน มีเอกสารด้านการเงินที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

...

ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนคร ศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า ปัจจุบันวัดแต่ละแห่งมีทรัพย์สินอยู่ในความดูแลเป็นจำนวนมาก ทั้งอาคาร ที่ดิน ที่เช่า เท่าที่ทราบมีวัดในนครศรีธรรมราช หลายแห่ง มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการวัดที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะเงินค่าเช่าที่ผู้เช่าทรัพย์สินของวัด พบว่าไม่มีเอกสาร ไม่มีหลักฐานที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาตามหลังมาอย่างเช่นวัดวังตะวันตก ล่าสุดทราบว่ารักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ทำหนังสือถึงธนาคาร ขอดูข้อมูลเงินในบัญชี รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินของวัดวังตะวันตก ส่วนข้อบังคับการบวชเป็นพระหรือสามเณรตามวัดต่างๆ หลังจากนี้สำนักงานพุทธฯจะทำหนังสือถึงวัดต่างๆทุกวัดให้มีการตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะมาบวชเป็นพระหรือสามเณรให้เข้มงวดมากขึ้น

ส่วน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวถึงกรณีสามเณรวัดวังตะวันตก อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า จากมูลคดีนี้พบว่า สามเณรปลื้มไปพบการทุจริตในวัด จึงนำมาสู่เหตุการณ์ดังกล่าว ปัญหาเรื่องทรัพย์สินวัดนั้นมีมาตลอด แต่พบว่าที่ผ่านมายังไม่มี กฎหมายที่จัดการทรัพย์สินของวัดอย่างเป็นกิจจะลักษณะ มีแต่ระเบียบของ พศ. ก็ยังไม่ชัดเจน จาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะมีการแก้กฎหมายการจัดการทรัพย์สินวัดให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น หากคณะสงฆ์ดำเนินการเองก็สามารถออกเป็นกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ได้หรือหากเป็นฝ่ายรัฐหรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการ ก็จะเป็นในรูปแบบของการปรับแก้กฎหมายคณะสงฆ์ แม้ว่าเมื่อปีที่ผ่านมา มีการพูดถึงเรื่องนี้กันมาก จน มส.มีมติให้ทุกวัดทั่วประเทศต้องรายงานบัญชีทรัพย์สินมายัง พศ. แต่ข้อมูลปัจจุบันมีวัดที่รายงานมาเพียงกว่า 180 วัดเท่านั้น

พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวอีกว่า ในวันที่ 8 มิ.ย.จะมีการประชุม มส. พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สนช. จะเข้ากราบทูลถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราช และกรรมการ มส. และ พล.ต.อ.พิชิตจะหารือกับ พศ.ในเรื่องการจัดการทรัพย์สินวัดด้วย การดำเนินการเรื่องทรัพย์สินวัดนั้น หากเราไม่ปฏิรูปตัวเอง ฝ่ายบ้านเมืองคงจะเข้ามาดำเนินการ ในที่นี้ หากฝ่ายสงฆ์จะเริ่มดำเนินการก็สามารถทำได้เลย ถามว่าเรื่องดังกล่าวถือว่ารัฐบาลส่งสัญญาณมาแล้วหรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า สัญญาณเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อวันที่เกิดเหตุการณ์สามเณรปลื้ม ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แสดงว่าเรื่องการจัดการทรัพย์สินวัดหากคณะสงฆ์ไม่ทำ รัฐบาลจะทำเองใช่หรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พรตอบว่า สื่อพูดเอง และคิดว่าใช่หรือไม่ ที่พูดมานั้นมีเหตุผลของสื่อ และยอมรับกันได้หรือไม่ ส่วนการที่จะให้มีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดต่อสาธารณชนนั้น ปัจจุบันยังไม่มีอำนาจทางกฎหมายใดสามารถทำได้ และเป็นไปได้ไหมที่วัดทุกแห่งจะติดบัญชีรายรับจ่ายไว้หน้าวัด

...