ผบก.ปปป.เผยพนักงานสอบสวนติดต่อ “สมีกาโตะ” ให้มารับทราบข้อกล่าวหา “ยักยอกทรัพย์” ได้แล้ว อยู่ระหว่างนัดวันที่แน่นอน ต้องสอบให้ครบทุกเรื่อง โดยเฉพาะการเบิกเงินวัด มีการใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ตรวจสอบเส้นทางการเงินอดีตพระฉาว และคนใกล้ชิดกว่า 10 บัญชี รวมทั้งการเรียกรับเงินของสีกาตอง ส่วน “พระย้อย” ที่ส่งคลิปเปิดโปงพฤติกรรมฉาวลาสึกแล้ว เพราะปฏิบัติภารกิจลุล่วงแล้ว เรื่องแรกบวชอุทิศส่วนกุศล ให้ลูกสาวที่เสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน และเคลื่อนไหวปกป้องพระพุทธศาสนาจน “สมีกาโตะ” สึกจากสมณเพศ
งวดเข้าไปทุกทีกรณีอดีตพระกาโตะ หรือนายพงศกร จันทร์แก้ว อดีตพระนักเทศน์วัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช มั่วสีกาถูกแฉคลิปเสียงและแชตฉาวจนต้องลาสึก แต่เรื่องจบไม่ลงเพราะอดีตพระฉาวเบิกเงินวัด 6 แสนบาท ให้พระครูวินัยธรสุวิจักษณ์ ปญฺญาวโร หรือพระดอน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวังตะวันออก อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ่ายสีกา-สื่อเพื่อปิดข่าว ซึ่งพระดอนยัง “กบดานเงียบ” หลังตำรวจนำหมายจับคดีเช็คล่ากระชั้น ล่าสุดพระธวัฒน์พล จกฺกวโร หรือพระย้อย ผู้ปล่อยคลิปเปิดโปงอดีตพระกาโตะ ตัดสินใจลาสึกแล้ว

...
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 07.09 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่วัดคงคาเลียบ หมู่ 3 ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช พระธวัฒน์พล จกฺกวโร หรือพระย้อย ทำการลาสิกขามีพระครูสมุห์พิสิทธิ์ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ และพระสุธีร์ สุธีโร พระลูกวัดวัดคงคาเลียบ ร่วมทำพิธี ก่อนเปลี่ยนไปสวมชุดขาว มีญาติโยมและแฟนคลับจำนวนหนึ่งร่วมเป็นสักขีพยาน จากนั้นนายธวัฒน์พลไปกราบขอพรพระและญาติโยมที่มีอุปการคุณ อาทิ ครูบาแก้ว พระที่รักษาแพทย์แผนไทยในวัด คุณทวดส้มนวล นางนวล ทวด 5 แผ่นดิน ที่ ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช
นายธวัฒน์พล หรือทิดย้อย กล่าวว่า ชีวิตมาจากเด็กเร่ร่อนที่ได้รับความเมตตาจากพระสงฆ์ 3 รูป คือหลวงพ่อวิเชียร วัดหน้าพระลาน หลวงพ่อชิต วัดเสมาเมือง ซึ่งมรณภาพไปแล้ว และพระมหาสังคม เมตตาชุบเลี้ยงตนมีมาได้ถึงทุกวันนี้ ตนเรียนหนังสือและได้รับโอกาสจากพระมหาสังคมให้เป็นไกด์นำเที่ยว 4 สังเวชนียสถานอินเดีย-เนปาล และอบรมสั่งสอนให้ช่วยดูแลปกป้องสืบทอดต่อยอดพระพุทธศาสนาไม่ให้คนชั่วเข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากิน จึงยอมไม่ได้ที่มีพระเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกแล้วแต่ยังอาศัยผ้าเหลืองหากิน เมื่อมีพยานหลักฐานแน่นหนาจึงมอบให้สื่อช่วยเปิดโปงพระกาโตะเพื่อให้ “สึก” อย่างเดียว แต่กลับถูกขุดคุ้ยประวัติทั้งตอนที่เป็นฆราวาสและเป็นพระ ทำให้ลุกลามใหญ่โต แต่ได้ชี้แจง “สื่อ” จนเข้าใจทุกประเด็น
ทิดย้อยกล่าวต่อถึงลาสึกครั้งนี้ว่า เพราะได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว 2 เรื่อง คือเรื่องแรกการบวชเมื่อ 2 ปีก่อนเพื่ออุทิศบุญกุศลให้บุตรสาวที่เสียชีวิตขณะภรรยาตั้งครรภ์ ซึ่งจะครบรอบวันเสียชีวิตในวันที่ 14 พ.ค.นี้ และเรื่องอดีตพระกาโตะที่ตนออกมาเคลื่อนไหวจนต้องสึกจากสมณเพศ หลังจากนี้จะไปทำงานด้านจิตอาสาเพื่อส่วนรวมและร่วมดูและปกป้องพระพุทธศาสนาตลอดไป หากมีพยานหลักฐานว่าพระสงฆ์รูปใดเสพเมถุนต้องปาราชิกจะเปิดโปงอีกอย่างแน่นอน ส่วนจะกลับมาบวชตามที่แฟนคลับเรียกร้องอีกหรือไม่นั้นขอให้เป็นเรื่องอนาคต เพราะลาสิกขาอย่างถูกต้องสามารถกลับมาบวชได้ทันทีที่ต้องการ แต่หากเสพเมถุนต้องปาราชิกเหมือนอดีตพระกาโตะไม่สามารถบวชได้ตลอดชีวิต
นอกจากนี้ “ถั่วแระ เชิญยิ้ม” ศิลปินตลกชื่อดังที่มีความสนิทสนมกับทิดย้อย ได้วิดีโอคอลให้กำลังใจทิดย้อยว่า “ในฐานะที่รู้จักกันและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระอาจารย์ย้อยมีบุญบารมีและมีแรงศรัทธาปกป้องพระพุทธศาสนาต่อไปนะอาจารย์ ขอให้ปลอดภัยจากโควิดและทุกโรคด้วยนะครับ” และมีบรรดา FC หลายรายโพสต์ให้กำลังใจด้วย
ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีอดีตพระกาโตะเบิกเงินวัดไปจ่ายปิดข่าวมั่วสีกาว่า คณะทำงานสอบสวน บช.ก. ได้ออกหมายเรียกอดีตพระกาโตะมาให้ปากคำเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับสีกาตอง รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเบิกถอนเงินวัด อดีตพระกาโตะติดต่อกลับมาบอกว่าพร้อมที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างนัดหมายวันเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. คาดว่าเป็นช่วงสัปดาห์หน้า
ผบก.ปปป.กล่าวต่อว่า การออกหมายเรียกอดีตพระกาโตะครั้งนี้ เป็นการเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา “ยักยอกทรัพย์” กรณีเบิกถอนเงินวัด เนื่องจากตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าอดีตพระกาโตะ ไม่ได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติ ถือว่าไม่ใช่เจ้าพนักงาน ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาทั่วไป นอกจากเบิกถอนเงินจากบัญชีวัด 6 แสนบาท ไปใช้เคลียร์เรื่องราวข่าวอื้อฉาวสัมพันธ์สีกาสาวแล้ว ยังเบิกถอนเงินวัดไปใช้อย่างอื่นอีก ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าถูกนำไปใช้ทำผิดวัตถุประสงค์ของวัดหรือไม่ เบื้องต้นได้ประสานข้อมูลไปยังธนาคารตรวจสอบเส้นทางการเงินอดีตพระกาโตะและบุคคลใกล้ชิด รวมกว่า 10 บัญชี สำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเบิกถอนเงินวัดของอดีตพระกาโตะหรือกรณีการเรียกรับเงินของสีกาตอง จะต้องตรวจสอบทั้งหมด ยืนยันให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ผิดถูกว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
...

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom meeting) สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หาแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หลังพบว่าช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวเชิงลบของวงการสงฆ์ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง นายอนุชากล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นห่วงต่อกระแสข่าวดังกล่าวจึงสั่งการให้เร่งหารือแนวทางการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในวงการสงฆ์ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหน่วยงานระดับภูมิภาค คือ พศจ. กระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงหารือและขอความร่วมมือ พศจ.ทุกจังหวัดช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่อาจเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย เมื่อพบเห็นพฤติกรรมไม่ดี ให้รีบรายงานยังส่วนกลางเพื่อดำเนินการแก้ไข เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว หากเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ให้รีบทำหนังสือหารือกรรมการมหาเถรสมาคมเพื่อตรวจสอบและกำหนดบทลงโทษ นอกจากนี้ ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อเร่งรัด ติดตาม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ให้สังคมปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาหลักของชาติ
...
นายอนุชากล่าวว่า ให้ พศจ.ทั่วประเทศทำงานเชิงรุก ป้องกันสิ่งร้ายที่คอยบ่อนทำลายและสร้างความสับสนในสังคมวงกว้าง และร่วมกันเผยแพร่สิ่งดีงามตามหลักคำสอนและการปฏิบัติให้สังคมและประชาชนเกิดความเข้าใจในแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ยืนยันไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอความร่วมมือสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกท่านทำงานเชิงรุกอย่าให้ภาคส่วนอื่นๆ นำประเด็นพระมีประพฤตินอกรีตมาเผยแพร่ โดยที่สำนักงานพระพุทธฯไม่รู้เรื่อง ขอให้เข้มงวดสอดส่องให้มากยิ่งขึ้น หากพบความผิดปกติขอให้เร่งแก้ไขปัญหา ก่อนจะถูกเผยแพร่สร้างความเสียหาย ขอให้ทุกคนช่วยกันปกป้องรักษาองค์กรให้เกิดความน่าเชื่อถือตลอดไป
ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวระหว่างให้การต้อนรับประธานกรรมการฝ่ายประสานงานนายกสมาคมครูปริยัติสามัญภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ที่นำพระสงฆ์และฆราวาสมาศึกษาดูงานรัฐสภาและบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติว่า ขณะนี้มีข่าวเกี่ยวกับพระขึ้นหน้าหนึ่งทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เช่น ข่าวพระบิดา ที่ผ่านมาได้ให้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องแก่ประชาชน เช่น กล้วยออกหัวปลีประหลาดหลายหัว ไม่ใช่เรื่องจะไปจุดธูปขอเลข หรือการแห่ขอเลขต้นตะเคียนทองจมน้ำอายุ 100 กว่าปี ทั้งที่จริงแล้วไม้ตะเคียนทองเป็นไม้เนื้อแข็งอยู่ในน้ำได้นานอยู่แล้ว แต่คงไม่ไปบั่นทอนความเชื่อ หรือพิธีกรรมของคน เพราะไม่สามารถไปกล่าวหาใครได้ สิ่งที่ทำได้คือ ให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นอย่างไร พระสังฆาธิการขออย่าดูดายในเรื่องที่เกิดขึ้น