สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรชายแดนใต้ โปรดเกล้าฯให้องคมนตรีลงพื้นที่เยี่ยมปลอบขวัญมอบสิ่งของพระราชทานพร้อมอัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยันคลิปเสียงโจรใต้ส่งไลน์เย้ย เตรียมปฏิบัติการครั้งใหญ่เป็น ข่าวลวง เร่งตรวจสอบหาต้นตอคนปล่อยข่าวซ้ำเติมทำชาวบ้านหวาดผวา ปัดข่าวสั่งพระสงฆ์งดบิณฑบาต แต่เพิ่มความเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัย รู้ตัวหัวโจกบุกยิงพระสงฆ์มรณภาพ 2 รูปฝีมือ “มันโซ ปูเต๊ะ” สั่งลูกน้องปฏิบัติการโหด นายกฯชี้ผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าหมายอ่อนแอหวังทำลายแผนดับไฟใต้อย่างสันติวิธี ยกระดับสู่สากลดึงองค์กรระหว่างประเทศมาร่วมสางปัญหา ขณะที่เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังเกิดต่อเนื่อง ลอบเผารถกระบะของ ชรบ.ขณะจอดในโรงรถ อบต.ที่นราธิวาส
สถานการณ์รุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเดือดระอุต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุสะเทือนใจชาวพุทธ กลุ่มคนร้ายบุกกราดยิงพระในวัดรัตนานุภาพ หรือวัดโคกโก หมู่ 2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อตอนค่ำวันที่ 18 ม.ค. ทำให้พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดและเป็นเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี พร้อมพระลูกวัดมรณภาพรวม 2 ศพ และมีพระได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รูป หวังสร้างความแตกแยกระหว่างชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม โหมไฟใต้ให้ทวีความรุนแรงขึ้น ต่อมายังมีการปล่อยคลิปเสียงภาษามลายูถิ่นส่งต่อกันทางไลน์ ข้อความระบุว่า ภายใน 2-3 วันนี้จะมีปฏิบัติการรุนแรงครั้งใหญ่ สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ยันข่าวลวงปล่อยคลิปเสียงขู่
ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 21 ม.ค. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวลือและข่าวลวง เป็นคลิปเสียงและข้อความเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ สร้างความตื่นตระหนกหวาดกลัวส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนอย่างกว้างขวาง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการให้หน่วยตรวจสอบข่าวดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าเป็นข่าวลวง ที่มีเจตนาให้เกิดความวุ่นวายและตื่นตระหนก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสืบค้นขยายผลไปยังตัวบุคคล ผู้ผลิต และผู้ปล่อยข่าวมาลงโทษตามกฎหมาย
...

เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา
“ช่วงที่ผ่านมา นอกจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามสร้างสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมสถานการณ์ด้วยการปลุกระดมและปล่อยข่าวลือ เพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกหวาดกลัว เกิดความปั่นป่วนและความวุ่นวายในพื้นที่ พฤติกรรมดังกล่าวผิดกฎหมายอาญา ตามมาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี สำหรับผู้ที่แชร์ข้อมูลต่อ หากมีเจตนากระทำด้วยความจงใจจะเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้การแจ้งเตือนข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงจะต้องเป็นข่าวที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานความมั่นคงของ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าเท่านั้น หากพบข่าวลักษณะดังกล่าว ขออย่าได้ตื่นตระหนกและให้สอบถามเจ้าหน้าที่ให้ได้ข้อสรุปก่อนแชร์หรือส่งต่อ” พ.อ.ปราโมทย์กล่าว
ปัดข่าวห้ามพระบิณฑบาต
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงพระสงฆ์ใน จ.นราธิวาส ได้ปรับเปลี่ยนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ แม่ทัพภาค 4 สั่งการให้ไปสำรวจชุมชนล่อแหลม เป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ วัดทุกวัดทุกสำนักสงฆ์ทั้ง 388 แห่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างน้อย 1 ชุดปฏิบัติการ ส่วนข่าวลือเรื่องให้พระงดบิณฑบาตไม่เป็นความจริง แม่ทัพภาค 4 ไม่เคยสั่ง เพียงแค่ให้ไปวางระบบรักษาความปลอดภัยขณะบิณฑบาต จะห้ามไม่ได้ เพราะเป็นกิจของสงฆ์และเป็นความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

ร.10 ทรงห่วงพสกนิกรชาวใต้
ช่วงเช้าวันเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จุดแรกที่ รพ.สต.บ้านกานั๊วะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มอบสิ่งของพระราชทานให้เจ้าหน้าที่และประชาชน 60 ชุด จากนั้นไปที่วัดศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส มอบสิ่งของพระราชทานให้เจ้าหน้าที่และประชาชน 57 ชุด พร้อมพูดคุยให้กำลังใจสอบถามปัญหาและรับข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ข้าราชการในพระองค์ เฝ้าติดตามสถานการณ์และถวายรายงาน เมื่อความทราบถึงพระองค์ทรงเสียพระทัยทุกครั้งที่มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินหรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขออัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจประชาชน เจ้าหน้าที่ และครอบครัว ซึ่งสิ่งของพระราชทานเป็นสิ่งแทนน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่อัญเชิญมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณให้ดูแลยังชีพในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่น้ำพระทัยนั้นมีมาทุกวัน
...

รับสั่งให้ทุกคนร่วมใจกันดูแล
จากนั้น พล.อ.ไพบูลย์ เดินทางไปยังวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เยี่ยมปลอบขวัญพระสงฆ์และชาวบ้านหลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายบุกยิงพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดและเจ้าคณะอำเภอ มรณภาพพร้อมพระสมุห์อรรถพร ขุนอำไพ พระลูกวัดรวม 2 รูป เมื่อถึงวัด พล.อ.ไพบูลย์กราบนมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งกราบขอขมากรรมศพพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป มอบถุงพระราชทานให้ญาติของพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป และพบปะชาวบ้านที่มาร่วมงานศพ โดยนำกระแสความห่วงใยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีใจความว่า พระองค์ท่านทรงห่วงใยพสกนิกรและติดตามข่าวสารมาตลอด ทรงรับสั่งให้ทุกคนช่วยกันดูแลบ้านเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ต้องร่วมใจกันดูแล อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังช่วยเหลือทุกคนให้สามารถกลับคืนมาดำรงชีวิตได้ตามปกติสุข

...
รู้ตัวหัวโจกสั่งบุกยิงพระ 2 รูป
ด้านความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.ระแงะ เผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองกำลัง 3 ฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จัดชุดติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้าย พอทราบเบาะแสแล้วว่าเป็นฝีมือของนายมันโซ ปูเต๊ะ โดยในวันเกิดเหตุในช่วงเช้าสั่งการให้แนวร่วมลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.4814 ได้รับบาดเจ็บ 5 คนขณะลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางถนนเลียบทางรถไฟ หมู่ 1 ต.โต๊ะเด็ง พอตกค่ำสั่งการให้แนวร่วมบุกยิงพระสงฆ์วัดรัตนานุภาพมรณภาพ 2 รูป และได้รับบาดเจ็บ 2 รูป ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์ว่าเป็นคนร้ายชุดเดียวกันหรือไม่
เยี่ยมทหารพรานเหยื่อบึม
ต่อมา พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เดินทางไปยัง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ร่วมประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นเดินทางต่อไปยัง รพ.ศูนย์ยะลา เข้าเยี่ยม และเชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ ส.ต.ศราวุธ อะมะมูล สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขณะรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 52 บริเวณหน้าที่ทำการ กศน.ตำบลเมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
จับเพิ่มอีก 1 ทีมฆ่า อส.4 ศพ
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เผยความคืบหน้า 2 คดีรุนแรงในพื้นที่ คดีแรกกลุ่มคนร้ายบุกยิง อส.เสียชีวิต 4 นาย ขณะดูแลความ ปลอดภัยในโรงเรียนบ้านบูโกะ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 ม.ค. จับกุมผู้ต้องสงสัยและยึดปืนที่ใช้ก่อเหตุได้เร็วมาก โดยเฉพาะปืน 3 กระบอกที่ใช้ยิง อส.เคยนำไปก่อเหตุในคดีความมั่นคงหลายคดีมีความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มที่ก่อเหตุหลายคนด้วย ล่าสุดจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 คนรับสารภาพว่าเป็นคนโปรยตะปูเรือใบในวันเกิดเหตุและยังเผยถึงผู้ร่วมก่อเหตุว่ามีกี่คนและใครบ้าง รวมถึงคนร้าย 2 คนที่ถูกวิสามัญฯเมื่อวันที่ 12 ม.ค. คดีนี้มีการวางแผนล่วงหน้าหลายวัน เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ อส.และแบ่งทีมปฏิบัติการ 3 ชุดคือ ชุดก่อเหตุ ชุดโปรยตะปูเรือ และชุดช่วยเหลือคนร้ายที่ก่อเหตุหลบหนี
...
จ่อหมายจับแก๊งถล่มโรงพัก
ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เผยต่อไปว่า ส่วนอีกคดี 6 คนร้ายบุกยิง สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นายขณะเข้าเวรยามในป้อมทางเข้าโรงพัก เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ได้ภาพวงจรปิดที่เห็นตัวคนร้ายและพฤติกรรมชัดเจนรวมถึงปลอก กระสุนปืน รู้ตัวคนร้ายทั้งหมดแล้ว ที่พยานชี้ยืนยันชัดเจน 3 คน จะออกหมายจับภายในอาทิตย์นี้ ส่วนอีก 3 คนรอผลตรวจวัตถุพยานยืนยันเพิ่มเติมและจะออกหมายจับได้ทั้ง 6 คนแน่นอน ขณะนี้ออกติดตามไล่ล่ากดดันในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เพราะเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวและก่อเหตุหลายคดีของคนร้ายกลุ่มนี้ ถือเป็นบุคคลอันตรายจะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก
ต่อข้อถามถึงกรณีที่มีข่าวแจ้งเตือนว่าคนร้ายซุกระเบิดไว้ในกล่องขนมยี่ห้อหนึ่ง พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ กล่าวว่า เป็นการแจ้งเตือนที่กระจายไปในสื่อโซเชียล ทางผู้บังคับบัญชาได้ให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบที่มาที่ไปของข่าว แต่ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะได้ช่วยกันเฝ้าระวัง รวมถึงประชาชนจะได้ตื่นตัวช่วยกันเป็นหูเป็นตาร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
ชี้แผนยกระดับไฟใต้สู่สากล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์จังหวัด ชายแดนภาคใต้ว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นระยะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง ดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง ในขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจกับการเมืองที่จะมีการเลือกตั้ง พยายามใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำลายขวัญกำลังใจความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากล นำไปสู่การปฏิบัติการขององค์กรระหว่างประเทศ สังคม สื่อมวลชน สื่อโซเชียล และสื่อต่างๆ ควรช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น ไม่สนับสนุนความพยายามดังกล่าว

สั่งเฝ้าระวังเป้าหมายอ่อนแอ
นายกฯระบุด้วยว่า ครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไป ถือเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ รวมถึงเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยล้วนได้รับการดูแลเฝ้าระวัง แต่จากจำนวนความกว้างขวางของพื้นที่ ห้วงเวลาการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ หากพื้นที่ใดต้องการให้ดูแลเป็นพิเศษขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงและขอให้ประชาชนช่วยเฝ้าระวัง รัฐบาลและ คสช.ให้กำลังใจทุกคนในพื้นที่ และขอให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เคารพกฎระเบียบเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนอย่างเต็มความสามารถ พัฒนางานด้านการข่าวควบคู่ปรับยุทธวิธีให้เหมาะสม โดยรัฐบาลและ คสช.ยังคงบังคับใช้กฎหมายและบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มที่ ส่วนการพูดคุยสันติสุขยังคงดำเนินการต่อไป เพื่อให้ประชาคมโลกได้ทราบว่าเราได้ทำทุกมาตรการ ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว ขณะที่องค์กรความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) สนับสนุนแนวทางของไทยต่อเนื่อง ส่วนนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มเอ็นจีโอขอให้เข้าใจ
พระสงฆ์เหยื่อกระสุนยันไม่สึก
นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะรองโฆษก พศ. กล่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า มส.รับทราบแนวทางการช่วยเหลือพระสงฆ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชารับศพพระสงฆ์ที่มรณภาพจากเหตุการณ์ที่วัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส อยู่ในพระสังฆราชานุเคราะห์ และหากเกิดเหตุการณ์อะไรในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ให้พระสังฆาธิการรายงาน มส.ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ จากการได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมพระสงฆ์ 2 รูปที่ได้รับบาดเจ็บอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว พูดคุยได้ตามปกติ ทั้ง 2 รูปยังยืนยันว่าจะไม่สึกและไม่ย้ายออกนอกพื้นที่

ลอบเผารถกระบะ ชรบ.วอด
ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังเกิดขึ้นรายวัน เมื่อเวลา03.30น. วันที่ 21 ม.ค. ร.ต.อ. สุพิชัย สร้อยนาค รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไประงับเหตุไฟไหม้รถยนต์ที่จอดอยู่ในโรงจอดรถของสำนักงาน อบต.ปะลุกาสาเมาะ พบรถกระบะอีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน บต 701 นราธิวาส บรรทุก ถ่านเต็มกระบะท้าย มีเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงจนวอดทั้งคันและลามไปติดรถกระบะฟอร์ด 4 ประตู สีทอง ทะเบียน กข 3972 นราธิวาส ที่จอดอยู่ใกล้กันอีกคัน เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสกัดนานกว่า 30 นาที จนเพลิงสงบ
ต่อมาในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่วิทยาการไปตรวจรถกระบะคันที่ถูกไฟไหม้มีต้นเพลิงลุกไหม้จากห้อง เครื่องก่อนลามไปทั่วทั้งคัน สอบสวนนายรอมะมือลี ดือราแม เจ้าของรถ เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ทำหน้าที่เฝ้า อบต.ปะลุกาสาเมาะ ให้การว่า มีอาชีพรับซื้อถ่านในหมู่บ้าน ถ้ามีเวลาจะเผาเองนำไปส่งลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัด ก่อนเกิดเหตุขับรถมาจอดไว้ในโรงจอดรถของ อบต.แล้วมานั่งเฝ้าเวรยามที่ป้อมข้างประตูทางเข้า ผ่านไปครู่ใหญ่ได้ยินเสียงไฟไหม้ที่โรงจอดรถรีบวิ่งไปดูเห็นไฟกำลังโหมไหม้รถกระบะของตนพร้อมมีเสียงยางล้อระเบิดจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ จากนั้นแจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุเป็นการลอบวางเพลิงของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ หรือรถคันดังกล่าวระบบไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นเอง จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง