สุดสลด! สาวไทยเสียชีวิตจากเหตุฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากถล่มในประเทศเกาหลีใต้ น้องสาวผู้ตายยอมรับพี่สาวกับพี่เขยหลบไปเป็นแรงงาน “ผีน้อย” ในสวนเกษตรและโรงงานผลิตไวน์นานกว่า 4 ปี เจอน้ำป่าพัดร่างเข้าไปในโกดังเก็บของ พยายามช่วยเหลือจนสุดความสามารถแล้ว ได้แต่วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยนำเถ้ากระดูกพี่สาว กลับบ้านมาบำเพ็ญกุศลทางศาสนาเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่แม่ของผู้ตายร่ำไห้ ช็อกทำใจไม่ได้ที่ลูกมาด่วนจาก ชื่นชมเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ รวมถึงไถ่ถอนที่ดิน สร้างบ้านเพิ่ม ตั้งใจทำงานอีก 2 ปี จะกลับมาบ้านเกิดเพื่ออยู่พร้อมหน้า แต่สุดท้ายก็ทิ้งลูกสาว 3 คน กำพร้าแม่
จากกรณีประเทศเกาหลีใต้ประสบภัยพิบัติจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มหลังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 33 ราย มีผู้สูญหายอีก 10 ราย และต้องอพยพประชาชนหลายพันคนไปยังที่ปลอดภัย ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ก.ค. เพจสะใภ้เกาหลีมาดามลี ซึ่งเป็นคนไทยในเกาหลี อาศัยอยู่ในเขตมยองม็อคของกรุงโซล โพสต์ข้อความว่า มีสาวไทยเสียชีวิต 1 ราย จากน้ำป่าพัดดินถล่มสไลด์ที่มุลคย็อง และต่อมามีผู้ใช้ชื่อว่า Mine Mintra เข้ามาโพสต์เพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตเป็นพี่สาวของเธอและขอบคุณที่ช่วยเหลือพี่สาวและพี่เขย ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติม ผู้ใช้ชื่อ Mine Mintra ยังโพสต์ไว้อาลัยว่าผู้เสียชีวิตคือ นางพชรมน รัตน์กระโทก จากนั้นก็มีผู้ติดตามเพจดังกล่าวได้เข้ามาแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตายเป็นจำนวนมาก
จากนั้น ช่วงบ่ายหลังตรวจสอบจนทราบที่อยู่ของผู้ตายในไทย ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านเกิดผู้ตายที่บ้านหนองแคทราย หมู่ที่ 8 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี พบว่าบริเวณหน้าบ้านมีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำป่าดินถล่มที่ประเทศเกาหลีใต้ กำลังนั่งจับกลุ่มพูดคุยให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสียกันเป็นจำนวนมาก โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางพชรมน รัตน์กระโทก อายุ 33 ปี เดินทางไปทำงานเป็นคนงานสวนเกษตรและโรงงานผลิตน้ำผลไม้เพื่อทำไวน์ให้กับนายทุนคนหนึ่งที่เมืองมุคย็องชี กับสามีคือ นายสุพิชา สู่กระโทก อายุ 33 ปี มานานกว่า 4 ปี โดยถูกกระแสน้ำป่าพัดจนเสียชีวิตและเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเก็บกู้ร่างกลับคืนมาได้แล้ว ขณะที่ทางนายสุพิชา สามี ยืนยันตัวตนศพเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานงานตามระเบียบของประเทศเกาหลีใต้
...
จากการสอบถามนางสาวมินตรา สุดาทิพย์ อายุ 25 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต ระบุว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา มีข้อความทางเฟซบุ๊กจากคนที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ แจ้งเข้ามาให้รีบติดต่อกลับด่วน เมื่อติดต่อกลับไปปลายทางก็เป็นเสียงของพี่เขยคือ นายสุพิชา บอกว่าตอนนี้พี่สาวเสียชีวิตแล้วจากเหตุน้ำป่าไหลหลาก พัดพี่สาวเข้าไปในโกดังเก็บของ แม้ว่าจะพยายามหาทางช่วยเหลือจนสุดความสามารถแล้ว ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ค. เวลาประมาณ 06.00 น.ตามเวลา ที่ประเทศเกาหลีใต้ ตอนนี้อยู่ในระว่างการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ เพื่อนำพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นคาดว่าน่าจะต้องเผาที่ประเทศเกาหลีใต้ แล้วนำเอาเถ้ากระดูกของพี่สาวกลับมาบ้าน ซึ่งน่าจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพราะเหตุการณ์นี้มีผู้สูญหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่พี่สาวและพี่เขยไม่ได้เดินทางไปทำงานตามระบบ แต่อาศัยวีซ่านักท่องเที่ยวเข้าไปทำงาน ดังนั้นเมื่อมีการแจ้งความผู้เสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำเรื่องไปยังสถานทูต เพื่อให้พิจารณาขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบต่อไป จึงอยากวิงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือใครก็ตามที่พอจะช่วยเหลือได้ ให้ช่วยดำเนินการนำกระดูกพี่สาวและพี่เขยกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะได้นำเถ้ากระดูกพี่สาวกลับมาบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาเป็นครั้งสุดท้าย
ด้านนางสมพงษ์ รัตน์กระโทก อายุ 51 ปี มารดาของนางพชรมน กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อได้ยินข่าวว่าลูกสาวเสียชีวิตตัวเองแทบช็อก ใจจะขาดทำใจไม่ได้ เพราะการสูญเสียในครั้งนี้รวดเร็วเกินตั้งตัว ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ลูกสาว ถือเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนดี กตัญญูรู้คุณ ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เมื่อก่อนก็ทำไร่ ทำสวน รับจ้างนานาชนิด เพื่อนำเงินมาใช้หนี้สินและเลี้ยงครอบครัวโดยไม่ได้หยุดพัก เมื่อมีโอกาสก็อยากไปทำงานต่างประเทศเพื่อที่จะหาเงินให้ได้โดยเร็ว ไปอยู่เกาหลีมานานกว่า 4 ปี เก็บเงินส่งเสียทางบ้านจนไถ่ถอนที่ดินของแม่ที่ไปจำนองเอาไว้ 17 ไร่ กลับคืนได้ทั้งหมด และสร้างต่อเติมบ้านเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 หลัง เพื่อให้ครอบครัวทั้งแม่ ลูกสาวของตัวเองที่จำใจต้องทิ้งไปอยู่ต่างแดน อีก 3 คน คนโต อายุ 13 ปี คนรอง อายุ 10 ขวบ และคนเล็ก อายุ 7 ขวบ โดยที่ไม่มีโอกาสได้กอดลูก ได้อยู่สบาย และตั้งใจว่าขอทำงานเก็บเงินอีก 2 ปี ก็จะกลับมาตั้งตัวที่บ้านเกิดอีกครั้ง แต่สุดท้ายต้องมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ หากเป็นไปได้อยากให้ตัวเองเป็นตัวแทนลูกดีกว่า เพราะอยากให้ลูกสาวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอีกครั้ง สงสารหลานสาว 3 คน ที่ตอนนี้ต้องกลายเป็นกำพร้าแม่ไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สถานเอกอัคร ราชทูตไทย ณ กรุงโซล ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กงสุลตรวจสอบ เรื่องนี้แล้ว โดยระบุว่าขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตอยู่ในบ้านกับสามี และเพื่อนอีก 2 คน รวม 4 คน และหนีออกจากบ้านมาได้ 3 คน ส่วนผู้ตายหนีออกมาไม่ทัน ขณะนี้ทางนายจ้างของผู้ตายทราบเรื่องแล้ว และรับดูแลจัดงานศพให้ ด้านสำนักงานตำรวจพื้นที่ได้ส่งตำรวจไปตรวจสอบแล้ว เพื่อออกหลักฐานในการทำใบมรณบัตรให้ พร้อมกันนี้ สถานเอกอัครราชทูต ไทย ณ กรุงโซล ขอแจ้งเตือนให้คนไทยในสาธารณรัฐ เกาหลี ระมัดระวังตัวจากเหตุการณ์ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ให้มากขึ้นในระยะนี้ ทั้งนี้ หากคนไทยประสงค์ขอรับความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล สามารถติดต่อมาที่เบอร์ฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ที่เบอร์ +8210-6747-0095 และ+8210-3099-2955