กองปราบฯลุยค้นวัดป่าธรรมคีรี พบ ทองแท่งมูลค่า 19 ล้านบาท และเงินสด 80 ล้านบาทฝังดินอยู่หลังวัด ผบช.ก.แจงอดีตพระอาจารย์คมและพวกยักยอกเงินวัดมาตั้งแต่ปี 63 มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท เร่งสอบพยานอีก 20 ปากหาเครือข่าย ส่วนพนักงานสอบสวนคุมผู้ต้องหา 3 คนฝากขังต่อศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัวส่งเข้าเรือนจำ ขณะที่ ชาวบ้านเผยกุฏิบนเขาหลังวัดมีพระเดินตรวจเวรยาม ตลอด สงสัยเป็นที่ซุกเงิน

ตำรวจกองปราบปรามเร่งติดตามทรัพย์สินของวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังจับกุมนายคม คงแก้ว อายุ 39 ปี หรืออดีตพระอาจารย์คม อภิวโร ประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี นายวุฒิมา เถาว์หมอ อายุ 38 ปี หรืออดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ (หมอ) เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี น้องสาวนายคม ร่วมกันยักยอกเงินวัดกว่า 180 ล้านบาท แจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร สอบสวนนายคมและ น.ส.จุฑาทิพย์ ให้การยอมรับว่า ยักย้ายถ่ายโอนเงินของวัดเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.จุฑาทิพย์ บางส่วนซุกเก็บไว้ที่บ้านใน จ.นนทบุรี ไม่มีเจตนาโกงเงินวัดตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนนายวุฒิมาให้การรับสารภาพ นอกจากนี้ตำรวจประสานคณะกรรมการสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เตรียมเปิดตู้เซฟของวัด เพื่อตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างที่สูญหายไป

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 8 พ.ค. พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. นำตัวนายคม คงแก้ว หรืออดีตพระอาจารย์คม อภิวโร นายวุฒิมา เถาว์หมอ หรืออดีตพระมหาวุฒิมา สมภารวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ น้องสาวนายคม ผู้ต้องหาร่วมกันทุจริตเงินวัดกว่า 180 ล้านบาท ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา ไปยื่นคำร้องขอฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆจำนวนมาก ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐานในคดี

คำร้องบรรยายว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน แจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร คดีนี้การสอบสวนยังต้องสอบพยานอีก 20 ปาก ขอฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.ถึงวันที่ 20 พ.ค. เกรงว่าผู้ต้องหาหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ฝากขังส่งตัวผู้ต้องหาเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง

...

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ค้นหาหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม เท่าที่พบกลุ่มผู้ต้องหาซุกซ่อนเงินของกลางไว้ที่บัญชีน้องสาวของนายคม รวมทั้งมีเงินสดแพ็กใส่กระเป๋าไว้เป็นอย่างดียอดรวมกว่า 180 ล้านบาท ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค. รับรายงานว่า คณะกรรมการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ มาตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่วัดป่าธรรมคีรี พบทองคำแท่งมูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท และเงินสดอีก 80 ล้านบาท ผู้ต้องหาขุดดินฝังไว้บนเขาบริเวณหลังวัด ขณะนี้ทรัพย์สินที่พบรวมกว่า 300 ล้านบาท การสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มก่อเหตุตั้งแต่ปี 63 สั่งการให้ขยายผลและหาหลักฐานเพิ่มเติม กลุ่มผู้กระทำผิดที่พบขณะนี้มีเพียง 3 คน หากพบว่าใครเกี่ยวข้องเพิ่มจะดำเนินคดีทันที

ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ส่วนเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาต้องใช้เวลาสอบสวนอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เฉพาะแค่บัญชีธนาคารของวัดมีถึง 6 บัญชี ส่วนสาเหตุจูงใจเชื่อว่ามาจากเรื่องเงินจำนวนมากที่ได้รับบริจาคจากชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธา ผู้ต้องหาอาจมองว่าเงินที่ได้มานั้นมาจากแรงศรัทธาตัวเอง ตรงนี้ไม่ถูกหลัก ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความรัดกุมร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย

ส่วนบรรยากาศที่บริเวณหน้าวัดป่าธรรมคีรี บรรดาสื่อมวลชนหลายสำนักมารอทำข่าวบริเวณหน้าประตู คณะกรรมการวัดนำแผงเหล็กแบบมีล้อวางขวางไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า ขณะนั้นแม่ชีพราหมณ์ เดินออกมาแจ้งว่า ห้ามทำข่าวภายในวัดต้องรอเจ้าหน้าที่ ตำรวจมาก่อน ด้านนายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 พ.ค. ตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นที่วัดป่าธรรมคีรี มีพระญาณดิลก เจ้าคณะอำเภอปากช่อง (ธรรมยุต) ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินฯ พร้อมด้วยนายอำเภอปากช่อง พ.ต.อ.ฉัตร ณรงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง ร่วมเป็นสักขีพยานการตรวจนับ ทรัพย์สินของกลางแล้วเสร็จประมาณ 21.00 น. ส่วนรายละเอียดตำรวจจะเป็นผู้แถลงข่าวความคืบหน้า

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายพรพนา แสนการุณ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครราชสีมา พร้อม เจ้าหน้าที่เดินทางโดยรถตู้เข้าไปในวัดป่าธรรมคีรีนานกว่า 3 ชั่วโมง ยังไม่เปิดเผยข้อมูล ขณะนั้นมีชาวบ้านอยู่ใกล้วัดเปิดเผยว่า อยากให้ตรวจสอบวัดแห่งนี้ โดยเฉพาะบนภูเขาหลังวัดที่อยู่นอกเขตวัดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ สร้างกุฏิหลายหลัง คล้ายเป็นที่พักเดินยามของพระเพื่อดูแลอะไรบางอย่าง หรือห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปบริเวณนั้น มีอะไรปกปิดไว้หรือไม่ เห็นมีคนเดินถือถุง เข้าใจว่าน่าจะเป็นเงินนำมาแอบไว้เพราะมีพระเดินยามอยู่ตลอด ชาวบ้านตรวจสอบยาก ไม่กล้าไปบอกใครเพราะเคยโดนข่มขู่ ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ค่อยเข้าไปทำบุญเพราะเข้าไม่ถึง คณะกรรมการวัดบอกว่าชาวบ้านแต่งตัวไม่สุภาพ

...

ส่วนกรณีอดีตพระอาจารย์คมอ้างว่า ศึกษาธรรมจากแม่จันดี โลหิตดี น้องสาวหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี ล่าสุด ที่วัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด นายกร (ขอสงวนชื่อ-สกุล) อายุ 53 ปี ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงตามหาบัว เปิดเผยว่า ตนอยู่กับหลวงตามหาบัวก่อนจะละสังขารประมาณ 20 ปี อดีตพระอาจารย์คมไม่ได้บวชที่วัดนี้ และไม่เคยมาจำพรรษาที่นี่ ไม่รู้ว่าบวชที่ไหน เคยเห็นอดีตพระอาจารย์คมตอนเป็นฆราวาส แต่งชุดนักศึกษามากราบแม่จันดีน้องสาวหลวงตา เพราะเลื่อมใสศรัทธาและมาศึกษาธรรมแค่นั้น แต่ไม่ได้รับรองว่าเป็นลูกศิษย์ อาจจะมาแวะเวียนมาเยี่ยมเท่านั้น ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี พบนายพงศธร เพชรรัตน์ อายุ 55 ปี ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว เปิดเผยว่า ตนเป็นเด็กวัดอยู่กับหลวงตามหาบัวมาตั้งแต่เด็ก เรียนจบปริญญาโทหลวงตาให้กลับมาดูแลสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ เรื่องอดีตพระอาจารย์คมยืนยันว่าไม่ได้บวชที่วัดป่าบ้านตาด ไม่เคยจำพรรษา ไม่เคยเห็นและไม่เคยกราบ แต่เห็นรูปอยู่ในหนังสือเท่านั้น