เนื่องจากคอลัมน์นี้ติด “พันธกิจ” ที่จะต้องเขียนถึงเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ประจำวันเสีย 2 วันเต็มๆในช่วงวันหยุด เสาร์อาทิตย์...ผมจึงจำเป็นที่จะต้อง “ปล่อยวาง” ข่าว “ช็อกโลก” จากอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เอาไว้ก่อน

มาวันนี้ ถึงคิวที่จะกลับมาเขียนได้อย่างอิสระในทุกๆเรื่อง หรือทุกๆ ข่าวที่อยากเขียน...จึงขออนุญาตที่จะร่วม “บันทึก” เหตุการณ์อันเปรียบเสมือนหนึ่งฝันร้ายของประเทศไทยเอาไว้ในคอลัมน์นี้ด้วย

ในลักษณะเดียวกับที่เคยบันทึกไว้แล้วหลากหลายเรื่องราว ทั้งดีและร้ายในอดีตที่ผ่านมา

เหตุผลข้อแรกก็เพื่อจะร่วมแสดงความเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อญาติมิตรของผู้เสียชีวิตรวมแล้วถึง 37 ราย และเป็นเด็กเล็กในวัยน่ารัก น่าเอ็นดูและไร้เดียงสาถึง 24 ราย

เมื่อเวลาใกล้เที่ยงวันของวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ณ ศูนย์เด็กเล็ก อุทัยสวรรค์ ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ที่ยังคงเป็นข่าว และวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้

ส่วนเหตุผลข้อที่ 2 นั้น ก็เพื่อร่วมในการสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิต พร้อมๆกับพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ...ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คนไทยนับถือจงช่วยดลบันดาล...ให้เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ร้ายแรงที่สุดในครั้งนี้จงเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด

ขออย่าได้เกิดขึ้นอีกเลยนับแต่นี้เป็นต้นไป

ต้องยอมรับว่า...สิ่งที่เกิดขึ้นที่อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภูครั้งนี้ นำความสะเทือนขวัญ สะเทือนใจ และสลดหดหู่อย่างสุดบรรยาย ได้มาสู่สังคมไทยมากที่สุด เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน

วัดได้จากกระแสข่าวและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งการจับกลุ่มสนทนา ในที่ทำงานต่างๆ และในสื่อสังคมออนไลน์ ที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วมาก หลังเหตุเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

...

ที่สำคัญอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ข่าวนี้ก็สะพัดไปทั่วโลกผ่านสำนักข่าวทุกสำนัก ทั้งออนไลน์และทางโทรทัศน์ระดับโลก อย่าง ซีเอ็นเอ็น และ บีบีซี รวมไปถึงสถานีท้องถิ่นในหลายๆประเทศ

ครับ! ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นแก่เด็กๆนั้น เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างสูงจากมนุษย์ทุกผู้ทุกนามทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลกมาแต่ไหนแต่ไร

การสูญเสียเด็กๆไปกว่า 20 คนอย่างไม่น่าสูญเสีย จึงกลายเป็นข่าว “ช็อกโลก” ไปด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา

การที่บุคคลสำคัญของโลก รวมทั้งผู้นำหลายๆประเทศโพสต์แสดงความเสียใจ และส่งกำลังใจมาให้แก่เรา ในทางหนึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจที่ท่านเหล่านั้นมีความรัก มีความเอื้อเฟื้อ มีความห่วงใยต่อคนไทย และประเทศไทยที่ต้องพบกับฝันร้ายในครั้งนี้

แต่อีกทางหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ประจานถึงความไม่ถูกต้อง ความไม่สมควรที่จะเกิด เพราะเป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมทารุณจากการใช้อาวุธทำร้าย เด็กๆ ซึ่งในนานาอารยประเทศนั้น แม้ในช่วงของการทำศึกสงครามเขาก็จะยกเว้นหรือหลีกเลี่ยงเสียด้วยซ้ำ

จึงอาจจะมีผลในทางลบเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย...ต่างกับข่าวหรือเหตุการณ์ “13 หมูป่าติดถ้ำ” ที่ครั้งนั้นเป็นผลบวกแก่ประเทศไทยของเรานับพันเปอร์เซ็นต์

ขอขอบคุณทุกๆฝ่ายที่เสนอให้มีการถอดบทเรียน ให้มีการค้นหาสาเหตุเชิงลึก เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอและข้อปฏิบัติที่จะไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมลักษณะนี้ขึ้นอีก

ขอฝากให้เดินหน้าและลงมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม...อย่าให้ มอดไปเหมือนไฟไหม้ฟาง ที่มักจะเกิดขึ้นเสมอๆ หลังเหตุการณ์หมาดๆว่าจะทำโน่นทำนี่...แต่พอพักเดียวทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบหาย

สุดท้ายก่อนผมส่งต้นฉบับไปขึ้นแท่นอ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแล้วก็น้ำตาซึมขึ้นมาอีกครั้ง...ด้วยเนื้อที่จำกัด ขอยกตัวอย่าง ไทยรัฐ เพียงฉบับเดียว...ที่พาดทั้งหัวใหญ่หัวรองไว้ว่า

“ในหลวง-ราชินี เสด็จปลอบขวัญญาติผู้เสียชีวิตและทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บ-ทั่วประเทศ ลดธงไว้ทุกข์ และจัดพิธีไว้อาลัย 36 ชีวิต ผู้บริสุทธิ์หนองบัวลำภู...ทั่วไทย”

นี่คือประเทศไทยและคนไทยที่ยังมีหลักชัยให้ยึดเหนี่ยวและยังรักกัน และมีน้ำใจให้แก่กันอย่างเปี่ยมล้นเสมอๆในยามทุกข์ยาก.

“ซูม”