โศกนาฏกรรมอดีตตำรวจ กราดยิงและฟันเด็กอนุบาลที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวม 37 ราย บาดเจ็บอีกสิบกว่าราย กลายเป็นการสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก ในสายตาสื่อต่างประเทศ เทียบได้กับการฆ่าหมู่ในนอร์เวย์ เมื่อปี 2554 ที่มีผู้เสียชีวิต 69 ราย ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนการสังหารหมู่ที่หนองบัวลำภู อาจเป็นการตั้งใจของคนร้ายที่เลือกกลุ่มเด็กเล็กเป็นเป้าที่อ่อนแอ ไม่มีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัว รายงานข่าวระบุว่า คนร้ายบุกเข้าไปในศูนย์ฯ และใช้มีดแทงหรือฟันคอเด็กๆที่นอนหลับอยู่ทีละศพ เป็นการกระทำที่อำมหิตที่สุดด้วยความเคียดแค้น เพราะถูกไล่ออกและฟ้องคดียาเสพติดพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ชี้ถึงแรงจูงใจของคนร้ายตามหลักอาชญาวิทยาของโลกตะวันตก อาจเป็นความผิดปกติทางจิต อารมณ์แปรปรวน หดหู่ สิ้นหวัง เคียดแค้นสังคม คลุ้มคลั่งจากยาเสพติด และอาจมีแรงกระตุ้นจากครอบครัว อาจทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสังคม หรือเลียนแบบการกระทำในหนังเป็นการฆ่าหมู่ครั้งที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจากโศกนาฏกรรมที่โคราช เมื่อปี 2563 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 29 ราย บาดเจ็บ 57 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ แต่ที่คล้ายกันก็คือคนร้ายเป็นทหารหรืออดีตตำรวจ ซึ่งมีสิทธิ์พกปืน ตำรวจมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดด้วย เรียกได้ว่ามีทั้ง “ปืนและยาเสพติด” ในมือผู้เชี่ยวชาญมองว่าประเทศไทย มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ เพราะมีทั้งสื่อโซเชียล มีการดูหนังและติดเกม มีเด็กที่เอาปืนอาก้ามายิง เป็นการเลียนแบบดารา ไทยมีทั้งยาเสพติดที่ซื้อง่ายขายคล่อง และมีปืนในครอบครองในอันดับต้นๆของโลก มีการใช้ปืนก่ออาชญากรรม เป็นข่าวรายวันการสังหารหมู่ที่หนองบัวลำภู เป็นอาชญากรรมที่ช็อกคนทั้งประเทศ และทั่วโลก เป็นภาพสะท้อนสังคมไทยที่บังคับใช้กฎหมายอย่างหละหลวม ในการควบคุมปืนและยาเสพติด มีการใช้ปืนก่ออาชญากรรม ที่สะท้อนถึงความเสื่อมทางจิตใจและศีลธรรม มีข่าวลูกฆ่าพ่อแม่ หรือพ่อฆ่าลูก ตามสื่อบ่อยครั้ง กลายเป็นเรื่องปกติจากศีลธรรมที่เสื่อม และการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ปืนเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน ไปเพื่อก่ออาชญากรรม ส่วนในระดับชาติ มีการใช้อาวุธที่ซื้อมาจากภาษีประชาชนเพื่อป้องกันอธิปไตยของประเทศ ไปใช้เพื่อยึดอำนาจ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย กลายเป็นชนวนความขัดแย้งไม่รู้จบ.