ระทึกเมืองระยอง บึมสนั่นเพลิงลุกท่วมแท็งก์เก็บสารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน โรงงานบริษัทย่อยเครือเอสซีจี ในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด พนักงานสังเวยชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 3 คน เกิดระเบิดดังกึกก้องก่อนไฟลุกไหม้ กลุ่มควันดำทะมึนพวยพุ่งเต็มท้องฟ้า ชาวบ้านแตกตื่นหวาดผวารีบอพยพหนีตายโกลาหล รถดับเพลิงฉีดน้ำและโฟมสกัดเปลวเพลิงตอนแรกดับได้แล้วแต่เกิดระเบิดลุกไหม้ขึ้นอีกรอบ จังหวัดประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 2 ระดมรถดับเพลิงฉีดสกัดนานกว่า 6 ชม.ควบคุมเพลิงได้สำเร็จ เผาผลาญไป 1 แท็งก์ ลามไหม้แท็งก์ติดกันเสียหายบางส่วนรอไฟดับสนิทให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจหาสาเหตุ มีชาวบ้านได้รับผลกระทบเข้าศูนย์พักพิงกว่า 400 ราย แฉเมื่อปี 64 เคยเกิดระเบิดไฟไหม้ตายมาแล้ว 3 ศพ
ไฟไหม้ระทึกนิคมมาบตาพุด
เหตุระทึกขวัญไฟไหม้แท็งก์แก๊สโซลีนในนิคมมาบตาพุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 9 พ.ค. ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือ EMCC นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยอง ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสาร PYROLYSIS GASOLINE (แก๊สโซลีน) ภายในบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ถนนไอ-แปด ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง หลังรับแจ้งเหตุรายงานไปยัง กนอ.มาบตาพุด ประสานตำรวจ สภ.มาบตาพุด ระดมรถดับเพลิงกว่า 20 คันไประงับเหตุ

...
เพลิงลุกโชนแท็งก์แก๊สโซลีน
จุดเกิดเหตุเป็นแท็งก์ขนาดใหญ่จัดเก็บสารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน ความจุ 2,500 ลูกบาศก์เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เมตร สูง 18 เมตร ด้านข้างเขียนตัวอักษร TK-1801 PYROLYSIS GASOLINE มีเพลิงลุกไหม้บนแท็งก์อย่างรุนแรง กลุ่มควันดำทะมึนพวยพุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้า มองเห็นได้จากระยะไกลกว่า 10 กม. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องขึ้นรถกระเช้าต่อสายดับเพลิงขึ้นไปฉีดน้ำและโฟมสกัดเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ด้านบนด้วยความยากลำบาก เนื่องจากภายในแท็งก์มีสารที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของบริษัทได้อพยพผู้ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุออกมายังจุดปลอดภัย เบื้องต้นมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.กรุงเทพระยอง
ชาวบ้านแตกตื่นอพยพวุ่น
สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเผยว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้งก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ ต่างพากันหวาดผวารีบอพยพหนีออกจากพื้นที่เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก ขณะที่ชาวบ้านบริเวณชายหาดตากวน ฝั่งตรงข้ามโรงงานที่เกิดเหตุเผยว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตอนแรกคิดว่าฟ้าร้อง พอออกมาดูเห็นกลุ่มควันดำทะมึนพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามาจากโรงงานก็รู้ว่าเกิดระเบิดมีเพลิงลุกไหม้ ชาวบ้านพากันแตกตื่นตกใจออกมายืนดูอยู่บริเวณชายหาดจำนวนมาก
พนักงานสังเวย 1 ศพ เจ็บ 3 คน
ต่อมาบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ออกหนังสือชี้แจงการเกิดเพลิงไหม้ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. ได้เกิดกลุ่มควันบริเวณถังจัดเก็บสารประกอบไฮโดรคาร์บอน C9+ ของบริษัท ได้ระดมทีมเพื่อควบคุมสถานการณ์ในทันทีที่เกิดเหตุตามแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน โดยได้ตัดแยกระบบและหยุดกิจกรรมต่างๆภายในโรงงานตามขั้นตอนความปลอดภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสาเหตุ เบื้องต้นได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายนำส่งโรงพยาบาลและอยู่ในความดูแลของแพทย์ ต่อมามีพนักงานเสียชีวิต 1 ราย บริษัทรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสูญเสียที่เกิดขึ้น บริษัทได้ดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ หากได้รับผลกระทบ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อศูนย์สื่อสารหมายเลขโทรศัพท์ 0-3891-1995

แจงไฟไหม้สารตัวทำละลาย
ทั้งนี้ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน C9+ เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ (by product) จากการผลิตสารตั้งต้นในการผลิตเม็ดพลาสติก ได้แยกเบนซีน โทลูอีน มิกซ์ไซลีน ออกหมดแล้ว ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมต่างๆ (Solvent) ที่อาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระดับต่ำ บริษัทขออภัยในเหตุที่เกิดขึ้นและจะพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสถานการณ์ คำนึงถึงความปลอดภัยของชุมชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่เพื่อดูแล ชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นของชุมชนบริเวณรอบโรงงาน และจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนพนักงานของบริษัทกว่า 300 คน เป็นพนักงานโรงงานรอบๆจุดที่เกิดเพลิงไหม้ ได้อพยพไปรวมตัวกันที่อาคารอเนกประสงค์ ชุมชนตากวน-อ่าวประดู่ อยู่ห่างไปประมาณ 10 กม. มีเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขมารักษาพยาบาลและตรวจร่างกาย ส่วนใหญ่ มีอาการตื่นตระหนก ไม่มีอาการรุนแรง
เคยระเบิดเมื่อปี 64 ตาย 3 ศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด เป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ประกอบธุรกิจประเภทการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ให้บริการด้านการขนส่งทางระบบท่อลำเลียง ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีแท็งก์เก็บสารเคมีทั้งหมด 25 แท็งก์ ขนาดใหญ่สุดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เมตร สูง 43 เมตร แต่ละแท็งก์ตั้งอยู่ห่างกันกว่า 15 เมตร ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุระเบิดไฟไหม้มา ครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2564 มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ
...
ไฟดับแล้วก่อนบึมไหม้อีกรอบ
ต่อมาเวลา 12.30 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดนานเกือบ 2 ชม. ไฟได้ดับลง ยังคงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลา แต่หลังจากผ่านไปเพียง 30 นาที ปรากฏว่าได้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอีกรอบ ไฟลุกติดอย่างรวดเร็วและรุนแรงยังไม่มีทีท่าจะดับลงง่ายๆ เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำและโฟมกันอย่างต่อเนื่องอีกรอบ รวมทั้งฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ไฟลามไปไหม้แท็งก์ข้างๆ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 15 เมตร
สำลักควันโกลาหลกว่า 100 ราย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ อบจ.ระยอง เทศบาลนครระยอง เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาลตำบลเนินพระ ระดมกำลังมาช่วยกันอพยพชาวบ้านและชาวประมงในพื้นที่ใกล้เคียง ไปยังศูนย์พักพิงที่อาคารอเนกประสงค์ชุมชนตากวน-อ่าวประดู่ มีเจ้าหน้าที่ รพ.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่มีอาการแสบคอ แสบตา แสบจมูก บางรายอาเจียน วิงเวียนศีรษะ รวมทั้งหมดกว่า 100 ราย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโกลาหล

ลมเปลี่ยนทิศอพยพหนีอีกรอบ
...
นายอมร คงยืนนาน อายุ 48 ปี กรรมการชุมชนตากวน-อ่าวประดู่ เผยว่า ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดดังมาก หลังเกิดเพลิงไหม้ ลมเปลี่ยนทิศทางพัดเอากลุ่มควันพิษมาทางชุมชน รีบแจ้งในกลุ่มไลน์กรรมการชุมชนให้ช่วยกันอพยพชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือนมาที่อาคารอเนกประสงค์ ให้แพทย์พยาบาลตรวจอาการ ส่วนใหญ่แสบตา แสบจมูก บางรายอาเจียน ล่าสุดต้องอพยพชาวบ้านทั้งหมดออกจากอาคารอเนกประสงค์ ไปที่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เพื่อความปลอดภัย
สถานการณ์ทวีความรุนแรง
สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อไฟลามไหม้ทั้งแท็งก์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าไประงับเหตุต้องถอยห่างออกมาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่
ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือ EMCC นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยอง ออกแถลงการณ์ระบุว่า เหตุเพลิงไหม้ถังเก็บวัตถุดิบ สารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน บริษัทไม่สามารถระงับเหตุได้ มีแนวโน้มลุกลาม ทิศทางลมพัดจากทิศใต้ไปเหนือ สั่งอพยพประชาชนโดยรอบรัศมี 10 กม. ชาวบ้านชุมชนหนองแฟบ ชุมชนตากวน-อ่าวประดู่ อพยพไปที่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร
ตั้งศูนย์บัญชาการดับเพลิง
ที่ศูนย์บัญชาการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าว สำนักงานเทศบาลเมืองมาบตาพุด จัดตั้งเป็นศูนย์บัญชาการเหตุเพลิงไหม้ นายกัฬชัย เทพวรชัย รอง ผวจ.ระยอง นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นายอัธยา นวลอุทัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ร่วมประชุมวางแนวทางการดับเพลิง และควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 2
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.สั่งการให้สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) จังหวัดระยอง อพยพคนในพื้นที่ทั้งพนักงานและสถานประกอบการโรงงานทุกแห่งออกจากพื้นที่โดยด่วน หลังเริ่มมีการลุกลามของเพลิงไหม้ในพื้นที่ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับที่ 2 แล้ว มีหน่วยงานเข้าร่วมระงับเหตุ ประกอบด้วย รถโฟมดับเพลิง จาก บ.SCGC 2 คัน รถโฟมดับเพลิง จาก บ.PTT LNG 2 คัน รถดับเพลิงเทศบาลเมืองมาบตาพุด 4 คัน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 6 สนับสนุนรถดับเพลิง (ชนิดโฟม) 2 คัน บ.NPC S&E สนับสนุนโฟม 1 หมื่นลิตร กับรถดับเพลิง เข้าช่วยระงับเหตุ บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนรถดับเพลิง 2 คัน
...
กนอ.สั่งหยุดประกอบกิจการ
ผู้ว่าการ กนอ.เผยต่อไปว่า เกิดเหตุการปะทุและมีเปลวไฟภายในถังสารเคมี C-9 (nine) กลุ่ม อโรมาติก ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ได้รับรายงานว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และยังอยู่ในระหว่างการระงับเหตุ กลุ่มบริษัทในเครือเอสซีจีนำโฟมมาดับเพลิงและเตรียมเรือเพื่อนำประชาชนออกจากพื้นที่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ดังนั้น กนอ.มีคำสั่งให้บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยถังสารเคมี C-9 (nine) กลุ่มอโรมาติก เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสาเหตุและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น และให้ตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างถังสารเคมี C-9 (nine)กลุ่มอโรมาติก และมีหนังสือรับรองการตรวจสอบจากวิศวกร ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 สรุปผลการตรวจสอบและแนวทางปรับปรุงแก้ไขเสนอ กนอ. เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา นอกจากนี้ต้องตรวจสอบวิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน และจัดทำมาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย

เอาไม่อยู่ลามไปแท็งก์สอง
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายอัธยา นวลอุทัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เผยว่า ไฟไหม้ลุกลามไปแท็งก์ที่ 2 ที่อยู่ใกล้กันแล้ว นอกจากนี้ยังมีถังขนาดเล็กที่อยู่รอบลุกลามไปด้วย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้เพื่อให้เพลิงอยู่ในวงจำกัด มีการระดมรถดับเพลิงในพื้นที่จังหวัดข้างเคียงมาช่วยสนับสนุน รวมทั้งปั๊มน้ำจากทะเลขึ้นมาหล่อเย็นเพื่อลดอุณหภูมิของถังสารเคมีที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เปลวไฟเริ่มลดความรุนแรงลง แต่ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง แท็งก์ที่ถูกไฟไหม้เป็นถังสารโซลีนมีความสูง 18 เมตร เส้นผ่าศูนย์ กลาง 30 เมตร บรรจุ 2,500 ลบ.ม. ส่วนแท็งก์ที่ 2 มีขนาดเท่ากันแต่เป็นสารคนละประเภทกัน ยังไม่เกิดระเบิดหรือเพลิงลุกไหม้ สำหรับพนักงานโรงงานและชาวบ้านใกล้พื้นที่ไฟไหม้ได้อพยพไปอยู่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ซึ่งอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ทางสาธารณสุขจังหวัดระยองส่งทีมแพทย์พยาบาลมาดูแลผู้ประสบภัยแล้ว ส่วนรายชื่อผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายนพพร เรือนมา ผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 รายมีนายณิชฌาน ติ๊บประสอน นายโชคชัย ชูชุ่ม และนายจักรลักษณ์ ถิ่นระแก้ว
6 ชม.ควบคุมเพลิงได้สำเร็จ
กระทั่งเวลา 16.50 น. หลังเพลิงลุกไหม้ไปนานกว่า 6 ชม.เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว นายอัธยา นวลอุทัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เผยว่า ทีมดับเพลิงสามารถดับไฟได้แล้ว โดยใช้โฟมฉีดในการดับไฟ ตอนนี้เพลิงสงบแล้วแต่ยังคงต้องฉีดโฟมหล่อเลี้ยงไว้ก่อน จนกว่าจะมั่นใจว่าไฟดับร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นจะประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แน่ชัด สรุปแล้วไฟไหม้แท็งก์สารเคมี 1 แท็งก์เสียหายทั้งหมด ส่วนอีกแท็งก์ที่อยู่ใกล้กันถูกเปลวไฟได้รับความเสียหาย บางส่วน แต่ไม่เกิดระเบิดหรือไฟลุกไหม้ ส่วนพื้นที่โดยรอบถูกไฟไหม้เสียหายเป็นบริเวณกว้าง ใช้เวลาดับไฟ 6 ชม. ไม่พบกลุ่มควันแล้ว ส่วนที่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ยังมีการอพยพพนักงานและชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงเข้าพักพิงอย่างต่อเนื่อง มีผู้ประสบภัยเข้ามาที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้วกว่า 400 คน มีเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนคอยดูแล
ผู้อพยพ 400 คนแห่กลับบ้าน
ที่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ศูนย์อพยพชั่วคราวผู้ประสบภัยไฟไหม้ ในช่วงค่ำหลังจากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ผู้ประสบภัยกว่า 400 คน ต่างดีใจที่ไม่ต้องนอนค้างคืน ทุกคนสมัครใจต้องการกลับบ้าน เจ้าหน้าที่ประสานรถสองแถว มาให้บริการส่งทั้งหมดกลับบ้าน ชาวบ้านฝากถึงโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ระยอง ควรมีมาตรการที่เข้มงวดในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย และมาตรฐาน ในการทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก พร้อมฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวด และบทลงโทษอย่างเด็ดขาดกับโรงงานที่เกิดเหตุ ส่วนที่เกิดเหตุแท็งก์แก๊สโซลีนที่ถูกไฟไหม้ แม้เพลิงจะดับแล้วแต่ยังมีความร้อนระอุอยู่ มีฝนตกลงมาเล็กน้อยแต่เจ้าหน้าที่ยังต้องใช้โฟมฉีดเลี้ยงไว้ตลอดเวลา พร้อมทั้งนำโดรนขึ้นบินสำรวจให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีไฟปะทุขึ้นมาอีก

นายกฯสั่งตั้งวอร์รูมระงับเหตุ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า ทราบเกิดเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บวัตถุดิบสารไพรโรไลสิส ประสาน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เข้าไปติดตามการระงับเหตุและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงขอให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ มีการเปิดห้องวอร์รูมเพื่อประสานเหตุการณ์ในการระงับเหตุ และให้รถตรวจการณ์ EMCC เข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณเหนือลม และท้ายลม รวมทั้งตรวจสอบผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณพื้นที่ชุมชนพบว่าไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด นอกจากนี้ได้ประสานกับบริษัท SCG เพื่อใช้เรือในการอพยพผู้คนทางเรือ และได้อพยพคนออกมาอยู่ในจุดปลอดภัยแล้ว ห่วงใยไปถึงพี่น้องประชาชนได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการป้องกันและควบคุมให้ดียิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก
รมว.อุตฯจี้ตรวจสอบทุกระบบ
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เร่งตรวจสอบทุกระบบ และให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ในการเผชิญสถานการณ์และบัญชาการเหตุการณ์ในภาวะฉุกเฉินขณะนี้มีนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. บัญชาการประจำวอร์รูม เพื่อประสานเหตุการณ์และระงับเหตุมีการระดมรถดับเพลิง เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีทีมงาน EMCC มาบตาพุด และเจ้าหน้าที่ท่าเรือฯ มาบตาพุด นำรถตรวจการณ์ EMCC เข้าตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณเหนือลม และท้ายลม รวมทั้งตรวจสอบผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณพื้นที่ชุมชนพบว่าไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด
แจงข้อมูลเทคนิคบริษัทเกิดเหตุ
มีรายงานทางข้อมูลเทคนิคทราบว่าบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (MTT) ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บสินค้าเหลว (สารปิโตรเคมี คลังเก็บวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์) ระหว่างการเดินระบบปกติ ได้เกิดกลุ่มควันบริเวณถังจัดเก็บสารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน (Pyrolysis Gasoline) หมายเลขถัง TK-1801 ขนาดบรรจุ 9,000 ลบ.ม. การเผชิญเหตุบริษัท ได้ดำเนินการตามแผนตอบโต้สภาวะฉุกเฉินและ กนอ.ได้จัดส่งรถตรวจสอบคุณภาพอากาศ เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณรอบ พร้อมทั้ง
แจ้งปิดร่องน้ำทางเดินเรือท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
กระทรวงพลังงานร่วมเฝ้าระวัง
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงเหตุเพลิงไหม้ถังจัดเก็บสารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน ของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ว่าบริษัทได้ระดมทีมเพื่อควบคุมสถานการณ์ในทันทีตามแผนรับมือเหตุฉุกเฉินในส่วนของกระทรวงพลังงานได้ประสานกรมธุรกิจพลังงานและพลังงานจังหวัดระยองร่วมเฝ้าระวัง และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้เตรียมพร้อมรับมืออย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามแผนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เบื้องต้นพบว่าเพลิงไหม้สารไพรโรไลสิส แก๊สโซลีน เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารประกอบต่างๆ เช่น การผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์ สารตั้งต้นในการผลิตสีย้อม เป็นต้น หลังรับแจ้งเหตุ ปลัดกระทรวงพลังงานสั่งการให้ตั้งวอร์รูมขึ้น ให้กรมธุรกิจพลังงานและพลังงานจังหวัดระยองประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้เตรียมความพร้อมให้การทำงานของคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) ในมาบตาพุดให้สามารถดำเนินการได้ตามปกติ และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เตรียมเชื้อเพลิงสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน
กฟผ.ยันไม่กระทบระบบไฟฟ้า
นายณัฐวุฒิ ผลประเสริฐ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยว่า กฟผ.ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบไฟฟ้าของประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด เบื้องต้น กฟผ.จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมระบบไฟฟ้ารองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน สั่งเพิ่มการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ด้วยเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันตก โรงไฟฟ้ากัลฟ์อุทัยด้วยเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติตะวันออก เพื่อเตรียมการเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นน้ำมัน ดีเซล และเพิ่มการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำต่างประเทศ พร้อมทั้งประสานโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติตะวันออกทั้งหมดให้เตรียมความพร้อมหากมีความจำเป็นต้องเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซล
สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านเชื้อเพลิงขณะนี้มีน้ำมันสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินทดแทนก๊าซธรรมชาติจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ กฟผ.พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชนและทุกภาคส่วนอย่างเต็มความสามารถ
ทัพเรือระดมช่วยผู้ประสบภัย
พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือเผยว่า กองทัพเรือได้จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์เข้าสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน เดินทางไปยังศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลประชาชน ที่อพยพจากพื้นที่เกิดเหตุมาพักพิงที่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร รวมถึงสั่งการให้เรือหลวงศรีราชาออกเรือไปท่าเรือมาบตาพุด บริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อเตรียมรับผู้ติดค้างที่ไม่สามารถออกมาได้ และยังเตรียมอากาศยานไร้คนขับ UAV Schiebel พร้อมปฏิบัติการสนับสนุน ลาดตระเวนค้นหาผู้ประสบภัยในที่เกิดเหตุ กองทัพเรือให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสนับสนุนการปฏิบัติของจังหวัดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย