หญิงสาวชาวจีนรีวิวการเดินทางท่องเที่ยวพัทยาแบบวีไอพีจนกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์จีนและกำลังระบาดมาถึงโลกสังคมออนไลน์ในไทย เพราะมีตำรวจไทยอำนวยความสะดวกตั้งแต่ลงเครื่อง ผ่านด่าน ตม. รับกระเป๋าเดินทางแบบด่วนไปจนถึงได้นั่งรถตำรวจนำขบวนจากสนามบินไปจนถึงโรงแรม 5 ดาวในพัทยาใช้เวลาแค่ 1 ชม. โอ่ ประทับใจการบริการแบบวีไอพี แค่ต้องเสียเงินเพิ่ม 7 พันบาท แต่ “บิ๊กเด่น” ไม่ปลื้มด้วย สั่งจเรตำรวจเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า บุคคลในภาพเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ถ้าจริงเป็นใคร และไปรับนักท่องเที่ยวตามระเบียบหลักเกณฑ์ของ ตร.หรือไม่ ล่าสุดตรวจสอบพบแล้วเป็นรอง สว.กก.3 บก.ทท.1 จำนวน 1 นาย และเป็นตำรวจชั้นประทวน บก.จร. 2 นาย ถูกตั้งกรรมการสอบและย้ายเข้ากรุ พร้อมตรวจสอบเชิงลึกว่า ทำมานานและเป็นขบวนการหรือไม่

...

คลิปตำรวจรับจ๊อบอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ม.ค. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยถึงคลิป “ตำรวจไทย” ที่กำลังเป็นไวรัล (Viral) อยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเรื่องของหญิงสาวจีนคนหนึ่งเผยแพร่คลิปทดสอบใช้บริการท่องเที่ยวพัทยาแบบวีไอพี มีตำรวจไทยอำนวยความสะดวก ว่า ใช้เงินซื้อได้ทุกอย่างตามคำ ร่ำลือจริงหรือไม่ “สุดขำ” มีตำรวจไปรับถึงประตูเครื่องบิน เดินนำทาง ยกกระเป๋า ไปส่งขึ้นรถตำรวจ และมีรถ จยย.ตำรวจขี่นำทางเปิดไซเรน แถมแจงรายละเอียดด้วยว่า ถ้าเป็นรถ จยย.ราคา 6,000 บาท ส่วนรถเก๋งราคา 7,000 บาท แป๊บเดียวถึงโรงแรมที่พักสะดวกสมคำร่ำลือจริงๆ!

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง กล่าวว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.รับทราบเรื่องแล้ว เห็นว่ากระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร สั่งการด่วนให้จเรตำรวจไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า บุคคลที่ปรากฏภาพตามคลิป ตั้งแต่สนามบินถึงการนำขบวน เป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีการอำนวย ความสะดวกนักท่องเที่ยว กระทำโดยชอบตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่ แล้วพิจารณาสั่งการตามอำนาจหน้าที่เสนอ ผบ.ตร.ให้ทราบโดยเร็ว

โฆษก ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ปรากฏตาม คลิป การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนของตรวจ คนเข้าเมือง ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนการนำ ขบวนนั้น ตร.กำชับสั่งการปฏิบัติมาโดยตลอด ทั้งการดำเนินการตามกฎหมายจราจร และการดำเนินการตามมติ ครม. ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุดที่ นร 0205/ว189 ลงวันที่ 2 ต.ค.2545 แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2544 เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้รถนำขบวนของตำรวจกับบุคคลสำคัญ หรือนักการเมือง หรือการใช้รถนำขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทยไว้ชัดเจน

“ส่วนกรณีอื่นทั่วไปจะนำขบวนได้นั้น ในเขต กรุงเทพฯ ให้ ผบก.จร. เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต นอกเขตกรุงเทพฯ ให้ ผบก.ทล.เป็นผู้มีอำนาจพิจารณา อนุญาต ต้องพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องใช้รถตำรวจ นำขบวน เพื่อความปลอดภัยของขบวน หรือความ ปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนตามความจำเป็นแก่กรณี เช่น รถนักเรียน ขบวนรถ เดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือพิธีการต่างๆ หรือเป็นกรณีมีความจำเป็น เร่งด่วนของบุคคลผู้มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในทาง ราชการ เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทาง ราชการเท่านั้น” โฆษก ตร.กล่าว

พล.ต.ต.อาชยนกล่าวด้วยว่า การขออนุญาตใช้รถตำรวจนำขบวน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ให้ใครก็ได้ใช้สิทธิ พิเศษเพื่อความสะดวกสบายส่วนตัว เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว อาจสร้าง ภาพลักษณ์ไม่ดีในสายตาประชาชนได้ ดังนั้น หาก การตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ไม่ได้ดำเนินการตาม กฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่กำหนด จะพิจารณาลงโทษตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

มีรายงานด้วยว่า สำหรับคลิปหญิงสาวชาวจีน ที่โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังเป็นที่ฮือฮาประเทศจีน และกำลังเป็นที่สนใจของสังคมออนไลน์ในประเทศไทย เริ่มจากสาวจีนคนดังกล่าวโพสต์เล่า เรื่องว่า “เพื่อนๆ (คนจีน) ประเทศไทยนี่เว่อร์มากๆ ฉันกับแม่ไปเที่ยวพัทยาเมื่อไม่กี่วันก่อน จากนั้นฉันจองรถรับส่ง เค้าถามว่า ต้องการตำรวจมารับไหม? ฉันคิดว่า ถ้าทำผิดกฎหมายจะโดนจับ แต่พอถามให้ แน่ชัด ถึงรู้ว่ามันมีบริการแบบนี้จริงๆ ขอเพียงเพิ่มเงิน จะมีตำรวจขับรถมารับและมีรถตำรวจนำขบวน ว้าว รถไม่ติดเลย สุดยอดจริงๆ ฉันเลยถามราคา ขับรถยนต์ นำราคา 7,000 บาท ส่วนรถ จยย.นำราคา 6,000 บาท ที่สำคัญคือ ฉันไม่เคยเจอมาก่อน ฉันเลยลอง เลือกใช้บริการ ไปเถอะเราไปลองกัน พาทุกคนไป พบกับตำรวจไทย”

...

หลังจากนั้นตัดภาพมาที่หญิงสาวคนดังกล่าวกำลังลงเครื่องเข้าสนามบินพบกับชายคนหนึ่ง ใส่แว่นตา สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงสีกากี ที่เธอระบุว่า เป็นตำรวจไทย ถือกระดาษเอ 4 ระบุชื่อ โจว ดัน (chou dan) เมื่อเธอเดินไปหาชายคนนั้นผายมือเดินนำทางไป หญิงสาวชาวจีนบรรยายว่า “พระเจ้า! ฉันนึกว่าตำรวจจะรออยู่ประตูด้านนอก ที่ไหนได้ มารอประตูเครื่องบินเลย แถมตอนทำเอกสาร เขาเปิดทางด่วนให้ไม่ต้องเข้าแถว 5 นาทีก็เรียบร้อย รับกระเป๋าก็ไม่ต้องรอ แถมคุณลุงยังช่วยลากกระเป๋าออกมาให้ด้วย เดี๋ยวเจอกันเพื่อนๆ”

ต่อมาตัดภาพมาที่ด้านนอกอาคารผู้โดยสารขาออก พบรถยนต์สีบรอนซ์ด้านข้างติดเครื่องหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดกระโปรงท้ายจอดรออยู่ และมีรถมอเตอร์ไซค์นำขบวนอีกคันจอดอยู่ด้านหน้า มีตำรวจ 2 นายยืนรออยู่ คนหนึ่งแต่งเครื่องแบบเต็มยศ สวมหมวกกันน็อก เสื้อสะท้อนแสงระบุตำรวจจราจร ส่วนอีกคนใส่เครื่องแบบแต่ไม่ใส่สวมหมวก ช่วยยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ หญิงสาวคนดังกล่าวเลยให้ทิปไป 200 “ว๊าว นี่คือรถของเรา นี่คือรถตำรวจ ตำรวจบอกจะนั่งรถตำรวจไปก็ได้นะ ตำรวจเปิดประตู ให้น้ำเปล่า 1 ขวด”

หลังจากนั้นหญิงสาวชาวจีนขึ้นไปนั่งข้างคนขับในรถตำรวจ พร้อมถ่ายคลิปบรรยากาศบนถนนพร้อมบรรยายด้วยท่าทางตื่นเต้นว่า “ครั้งแรกในชีวิต ฉันนั่งรถไปพร้อมกับตำรวจ” ต่อมาเป็นภาพรถวิ่งไปตามถนนเปิดหวอขอทางเป็นระยะ “ให้ตายสิ รถไม่ติดเลยจริงๆ เขาเปิดหวอรถคันอื่นก็หลีกทางให้” ตัดภาพอีกครั้งเมื่อมาถึงไปที่หมายโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งในพัทยา หญิงสาวถ่ายรูปกับตำรวจ “เราถึงที่หมายแล้ว เพื่อนๆสุดยอด เดิมทีใช้เวลา 3 ชั่วโมง นี่ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โอเคเพื่อนๆฉันกับแม่จะพักผ่อนละ” ภาพมาจบในห้องพักในโรงแรมของหญิงสาวชาวจีนคนดังกล่าว

...

เย็นวันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษก บช.ทท. ชี้แจงว่า หลังจากที่เห็นคลิปดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งการให้ตรวจสอบทันที จากการตรวจสอบเบื้องต้นขอเรียนต่อสื่อมวลชนดังนี้ 1.กองบัญชาการฯ ยอมรับว่า มีข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว ทราบภายหลังคือ ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รอง สว.กก.3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1

2.เหตุการณ์ในคลิป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ม.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. เป็นช่วงเวลาที่สายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ เอช เอ็กซ์ 671 เดินทางเข้าไทยพอดี ตรวจสอบแล้วกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไม่มีการสั่งการใดๆให้ตำรวจท่องเที่ยวสุวรรณภูมิอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวรายใดเป็นกรณีพิเศษ 3.นักท่องเที่ยวที่ปรากฏในคลิปนั้น กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวทราบชื่อแล้ว (แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม) นักท่องเที่ยวรายนี้เดินทางมาเที่ยวไทยพร้อมกับมารดา

4.ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งการให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ต้นสังกัด ร.ต.อ.สมพล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนแล้วรีบรายงานให้ทราบ เพื่อที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะสนับสนุนข้อมูลให้จเรตำรวจแห่งชาติที่อาจตั้งคณะทำงานตรวจสอบ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ พร้อมทั้งกำชับให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ต้นสังกัด ร.ต.อ.สมพล ให้ความร่วมมือหน่วยงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานอื่นๆที่พร้อมตรวจสอบอย่างเต็มที่ พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 สั่งการให้ผู้กำกับการ 3 ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามสั่งการแล้วตามหนังสือ บก.ทท.1 เลขที่ 0038. 201/255 ลง 21 ม.ค.2566

...

5.ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งกำชับให้ตรวจสอบจนเกิดความกระจ่างชัดด้วยว่า ตำรวจกลุ่มนี้ทำกันเป็นกระบวนการและใช้อำนาจหน้าที่ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วหรือไม่ หากพบหลักฐานหรือข้อมูลอันเชื่อได้ว่า เป็นการกระทำเช่นนั้น จะตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาโทษอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เพราะถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียต่อกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวมเป็นอย่างยิ่ง

โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวเพิ่มเติมว่า จากคลิปที่เผยแพร่ผ่านสื่อครั้งนี้ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงและประชาชนที่ร่วมกันตรวจสอบและนำเสนอพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจที่ไม่เหมาะสม อันนำไปสู่การตรวจสอบและการพิจารณาลงโทษข้าราชการตำรวจที่มีพฤติกรรมดังกล่าว เท่ากับว่า เป็นการทำให้การท่องเที่ยวของไทยโปร่งใสตรวจสอบได้ และการอำนวยความสะดวกรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวนั้น จะต้องไม่ทำเฉพาะเจาะจงเพียงแค่นักท่องเที่ยวรายหนึ่งรายใดเท่านั้น แต่ต้องทำและดำเนินการให้เกิดความเท่าเทียมต่อนักท่องเที่ยวทั้งหมดทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

โฆษก บช.ทท.กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่และแข็งขัน จนสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรอดพ้นจากอันตรายและหาทรัพย์สินสิ่งของสำคัญของนักท่องเที่ยวที่สูญหาย หรือลืมไว้ในสถานที่หนึ่งที่ใดกลับคืนสู่นักท่องเที่ยวได้เกือบทุกกรณีทุกสถาน การณ์ ทำให้ลำดับประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยและสรรสร้างบรรยากาศความมั่นคงในรายงานการประชุมเศรษฐกิจโลกปี 2023 สูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอน้อมรับนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไข ลงโทษผู้ที่กระทำการไม่ เหมาะสม และหามาตรการที่มีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก รวมทั้งจะพิจารณาคัดเลือกสรรบุคลากรที่มีคุณภาพมาปฏิบัติหน้าที่ในจุดที่อ่อนไหวต่อภาพลักษณ์ประเทศต่อไปด้วย และ8.ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนี้ หากมีความคืบหน้าเป็นประการใด กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะเรียนแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบเป็นระยะๆ

ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.เผยว่า หลังจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการด่วนให้จเรตำรวจตรวจสอบ เบื้องต้นพิสูจน์ทราบแล้วว่าบุคคลที่ปรากฏในคลิปเป็นตำรวจจริง 3 นาย เป็นตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย คือ ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รอง สว.กก.3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และตำรวจ บก.จร. 2 นาย คือ ส.ต.อ.ธนกร นุกูลธนกิจ และ ส.ต.อ.ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ ในส่วนตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 สั่งการให้ผู้กำกับการ 3 ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามสั่งการแล้วตามหนังสือ บก.ทท.1 เลขที่ 0038.201/255 ลง 21 ม.ค.2566 ส่วนตำรวจ บก.จร.ทั้ง 2 นาย กองบัญชาการตำรวจนครบาลออกคำสั่งตั้งสืบสวนข้อเท็จจริง พร้อมออกคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ศปก.บก.จร. และสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ผกก.รอง ผกก. และสว.ที่ควบคุมกำกับตำรวจ 2 นายนี้ด้วย

“ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก สั่งการให้ตรวจสอบทุกประเด็นทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นใครสั่งการ ประสานงาน มีอำนาจหน้าที่แค่ไหนอย่างไร พร้อมประเด็นรถที่ใช้ในการนำขบวน มีการนำรถหลวงรถทางราชการมาใช้ส่วนตัวหรือไม่ ตรวจสอบรถยนต์ที่ปรากฏในคลิปทุกคันที่เกี่ยวข้อง และให้ตรวจสอบย้อนหลังไปว่าเคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ทำเป็นขบวนการหรือไม่ ต้องตรวจสอบทุกข้อสงสัยของสังคมให้เกิดความกระจ่างโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ผบ.ตร.สั่งการให้จเรตำรวจดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด และสั่งกำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายทุกสังกัดห้ามปฏิบัติในลักษณะดังกล่าวอีก มิเช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดทุกราย” โฆษก ตร.กล่าว