ตำรวจบุกจับวัยรุ่นอายุ 17 ตั้งตัวเป็นแม่เล้า แชตเฟซบุ๊กหลอกเด็กสาววัย 14 จาก จ.อุบลราชธานีชักชวนให้ไปเที่ยว แต่ถูกบังคับเร่ขายบริการทางเพศกับชาวต่างชาติคาโรงแรมที่พัทยา จ.ชลบุรี พร้อมตามรวบแขกอินเดียที่มาใช้บริการ แจ้งข้อหาหนัก พรากผู้เยาว์-กระทำชำเราเด็ก ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” เผยสั่งปิดแล้วกว่า 700 เว็บไซต์ลามก เร่งขยายผลเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

รวบแม่เล้าวัย 17 ปี หลอกเหยื่อวัย 14 ปี ค้ากามชาวต่างชาติ เปิดเผยขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. ร่วมแถลงจับกุมนายปราโมทย์ กุมาร อายุ 47 ปี ชาวอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1166/2561 ลงวันที่ 1 มิ.ย.61 ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม จับกุมได้ที่จอมเทียนพลาซ่า เรสซิเด้นซ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

พล.ต.ต.กรไชยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. มีผู้แจ้งเบาะแสผ่านศูนย์ฯ 1191 บก.ปคม. แจ้งว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ถูก น.ส.บี (นามสมมติ) หลอกให้ไปพัทยา จ.ชลบุรี แต่เมื่อไปถึงได้ให้ ด.ญ.เอขายบริการและให้ออกหาแขกตามบาร์และตามร้านอาหาร อยากให้เจ้าหน้าที่ บก.ปคม.ช่วยตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิด ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ลงพื้นที่เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำความผิดและพา ด.ญ.เอ พร้อมผู้ปกครองมาพบพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ บก.ปคม. เพื่อสอบสวนเบื้องต้น สำหรับคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

ได้ความว่า ด.ญ.เอ อายุ 14 ปี รู้จักกับ น.ส.บี อายุ 17 ปี ผ่านเฟซบุ๊กและชักชวนกันไปเที่ยวที่พัทยา น.ส.บีให้ ด.ญ.เอพักอาศัยร่วมกับเด็กและผู้ใหญ่อีกหลายคนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา เพื่อพาไปทำงานหาเงินให้ออกหารับแขกชาวต่างชาติตามบาร์หรือตามร้านอาหาร ต่อมา ด.ญ.เอต้องการกลับบ้าน จ.อุบลราชธานี แต่ น.ส.บีไม่ยอมพากลับพาไปรับแขกที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่พัทยา น.ส.บีรับเงิน 1,000 บาท ด.ญ.เอรับเงิน 4,000 บาท ขณะที่ น.ส.บีนอนหลับอยู่ ด.ญ.เอหลบหนีออกจากห้องพัก ต่อมา น.ส.บีตาม ด.ญ.เอไปที่บ้านและกล่าวหาว่า ด.ญ.เอขโมยเงิน 1,500 บาท ให้นำมาคืน หากไม่คืนให้ ด.ญ.เอกลับไปที่พัทยากับตน ญาติ ด.ญ.เอไม่ยินยอม ผลการคัดแยกปรากฏว่า ด.ญ.เอเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ แจ้งผู้ปกครองส่งตัวเข้าคุ้มครองต่อไป

...

พล.ต.ต.กรไชยกล่าวต่อว่า ชุดสืบสวน กก.3 ร่วมกับ กก.2 บก.ปคม.สืบสวนทราบว่า น.ส.บี พาเด็กหญิงที่มาจาก จ.อุบลราชธานี ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชลบุรี และหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบและช่วยเหลือพบเด็กผู้หญิงที่อาจจะตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ 2 ราย และที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่งอีก 2 ราย นำตัวสอบสวนคัดแยกว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ ปรากฏว่า 2 ราย ไม่เข้าข่ายส่งตัวกลับไปที่พัก อีก 1 รายเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์และจำเป็นที่จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ส่งตัวเข้าคุ้มครองบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชลบุรี และอีก 1 ราย คือ น.ส.บี เป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ ถูกแจ้งข้อหากระทำการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี เป็นธุระจัดหาเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร นำตัวส่งศาล เยาวชนและครอบครัว จ.ชลบุรี ดำเนินการต่อไป ต่อมาชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลเกี่ยวกับแขกชาวต่างชาติที่ร่วมประเวณีกับ ด.ญ.เอทราบว่าคือ นาย ปราโมทย์ กุมาร นำภาพถ่ายให้ ด.ญ.เอดู พร้อมให้การยืนยันเป็นคนที่พาไปร่วมประเวณีที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ต่อมาวันที่ 2 มิ.ย. เวลา 00.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 บก.ปคม. สภ.เมืองพัทยา และ ตม.จ.ชลบุรี ร่วมกันจับกุม ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม.ดำเนินคดี

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เผยว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการทำงานร่วมกันทุกหน่วย การปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระงานสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นคดีนี้ต้องนำมาไล่ต่อว่ามีผู้ใช้บริการมากกว่านี้อีกหรือไม่ เพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง รวมถึงการปิดเว็บไซต์ลามก ขณะนี้ปิดไปแล้วมากกว่า 700 เว็บไซต์ จากนี้จะสืบสวนต่อว่าเจ้าของเว็บไซต์เหล่านั้นเป็นใคร เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี รวมถึงแบนเนอร์ที่ให้การสนับสนุนเว็บไซต์จะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ดังนั้น เว็บไซต์ที่เกี่ยวพันกับการลามกอนาจารขอให้ปิดเว็บไซต์ เพราะถ้ายังไม่ปิดเราจะตามจับถึงบ้าน