สองโรงน้ำแข็งใหญ่เมืองกรุงเก่า “โรงน้ำแข็งอโยธยา” และ “โรงน้ำแข็งพันล้าน” เปิดศึกดวลเดือดบนถนนกลางย่านชุมชนราวกับเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน คนขับรถโรงน้ำแข็งอโยธยา เร่งเครื่องรถพุ่งชนรถฮัมเมอร์ของผู้จัดการโรงน้ำแข็งฝ่ายตรงข้าม ก่อนเกิดดวลปืนเสียงรัวสนั่น กำนันในพื้นที่ขับรถตู้ขนเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือเข้าระงับเหตุ รถฮัมเมอร์ถึงเผ่นหนี ส่วนลูกน้อง 4 คน ขับรถกระบะอีกคันมาจอดริมถนนที่เกิดเหตุ ถูกตำรวจตรวจค้นจับกุมพร้อมปืน 3 กระบอก นำกลับโรงพักสอบสวนขยายผล
สองโรงน้ำแข็งเจ้าใหญ่เมืองกรุงเก่า วิ่งทับเส้นทาง และขายตัดราคาจนกลายเป็นคู่บาดหมาง เปิดศึกดวล เดือดกลางเมืองราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ส.ค. พ.ต.ต.กำพล อินทีวงศ์ สว. (สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุยิงถล่มกันบนถนนเส้นเจดีย์-วัดพนัญเชิง ใกล้ที่กั้นทางรถไฟวัดพนัญเชิง หมู่ 3 ต.คลองสวนพลู พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก. นำกำลังรุดไประงับเหตุ
พบรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีขาว ตอนเดียว ทะเบียน บว 8200 พระนครศรีอยุธยา เป็นรถส่งน้ำแข็งของโรงน้ำแข็งอโยธยา จอดริมถนนในสภาพหน้ารถถูกชนเสียหายมีรอยกระสุนปืนเจาะฝากระโปรง รถหน้า 4 รู คนขับชื่อนายวินัย สนธิสุวรรณ อายุ 33 ปี ถูกยิงถากข้อมือขวาบาดเจ็บเล็กน้อย เด็กยก น้ำแข็งนั่งอยู่ท้ายรถ ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนคู่กรณีเป็นรถกระบะโตโยต้ารีโว่ ทะเบียนป้ายแดง ก 9037 นครราชสีมา จอดริมถนนฝั่งตรงข้าม คนบนรถมีปืน 9 มม. อีก 1 กระบอก ตกอยู่ข้างรถ เก็บไว้เป็นหลักฐาน นำตัวทั้ง 4 คน ไปสอบสวนที่โรงพัก
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการโรงน้ำแข็งพันล้านขับรถฮัมเมอร์ สีแดง ทะเบียน กจ 9 สิงห์บุรี ไปจอดอยู่ ที่บริเวณหน้า สภ.พระนครศรีอยุธยา สภาพกระจกหน้ารถ ถูกยิงพรุน 5-6 รู ยางล้อรถด้านซ้ายแตกกันชนหน้าและไฟหน้าแตกเสียหาย ตกอยู่บนพื้นหลังเบาะคนขับ นอกจากนี้ยังทราบผู้โดยสารบนรถชื่อนายสหชาติ หรืออาร์ม มานะเปรม อายุ 34 ปี ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาด เข้าน่อง 1 นัด ถูกนำส่ง รพ.พระนคร ศรีอยุธยา ไปก่อนแล้ว
...
ต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้ว มือแฝง วิถีกระสุน และตรวจค้นรถฮัมเมอร์ พบปลอก กระสุนขนาด 9 มม. 2 ปลอก ตกอยู่บนพื้นหลังเบาะ คนขับ ส่วนรถโตโยต้าวีโก้พบถูกยิงเข้าฝากระโปรงหน้า 4 นัด และคานรถ 1 นัด บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ประกอบสำนวน
ด้านนายไชยณรงณ์ จันทร์สีดา หรือกำนันปิง กำนันตำบลเกาะเรียน กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ได้รับ แจ้งว่า โรงน้ำแข็งทั้ง 2 แห่ง ที่มีเรื่องบาดหมางกัน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งพื้นที่หมู่ 6 ต.เกาะเรียน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไประงับเหตุ แต่พอไปถึงคู่กรณีได้แยกย้ายกันไปแล้ว ตนขับติดตามจนพบรถกระบะโตโยต้าวีโก้ ออกจากซอยอโยธยา 1/8 พุ่งชนกับรถฮัมเมอร์สีแดง คู่กรณี จนเปิดศึกดวลกันมีผู้บาดเจ็บ 2 คน ถูกส่งโรงพยาบาล อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ หรือเป็นชาวบ้านถูกลูกหลง
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดดวลเดือด พบว่า ขณะที่รถฮัมเมอร์สีแดงขับมาตามถนน มีรถตู้สีดำของนายไชยณรงค์ จันทร์สีดา ตามหลังมา รถกระบะโตโยต้าวีโก้ขับออกจากซอย อโยธา 1/8 พุ่งชนรถฮัมเมอร์เต็มๆแล้วเกิดการยิงกัน กลางถนนย่านชุมนุม ท่ามกลางรถขับผ่านไปมา จากนั้นรถตู้สีดำของนายไชยณรงค์ขับมาจอดห่างๆ แล้วเจ้าหน้าที่คาดเป็นฝ่ายปกครองพร้อมปืนครบมือกรูลงจากรถเพื่อเข้าไประงับเหตุ แต่รถฮัมเมอร์เร่งเครื่องหลบหนีทันที ส่วนรถกระบะโตโยต้ารีโว่ของกลุ่มโรงน้ำแข็งพันล้าน ขับตามหลังรถตู้จอดเข้าข้างทางฝั่งตรงข้าม นายไชยณรงค์แจ้งให้ตำรวจเข้าตรวจค้นเพราะสงสัยว่ามีอาวุธ กระทั่งจับกุมชายวัยรุ่น 4 คน พร้อมปืนรวม 3 กระบอก ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายสุริยา ซิง คนขับรถส่งน้ำแข็ง โรงน้ำแข็งพันล้าน กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับนายเทพชัย ชูวงษ์ อายุ 41 ปี ขับรถจะไปส่งน้ำแข็งหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เกาะเรียน มีพนักงานส่งน้ำแข็งของโรงน้ำแข็งอโยธยามาทำการปิดล้อมรถของตน รีบโทร.หาผู้จัดการของโรงน้ำแข็งเพื่อขอความช่วยเหลือ ผู้จัดการขับรถฮัมเมอร์ขับรถมาดูเหตุการณ์ ฝ่ายตรงข้ามแยกย้ายขับรถหนีไป กระทั่งมาทราบว่ามีเหตุยิงกัน
ส่วนนายเทพชัย ชูวงศ์ กล่าวเสริมว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ตนกับเพื่อนร่วมงานก็ถูกล้อมรถและถูกทำร้ายร่างกายเช่นเดียวกัน และได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว โดยระบุว่า ถูกนายไชยณรงค์ จันทร์สีดา กับพวกรุมทำร้าย คดียังอยู่ระหว่าง การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด หากการสอบสวนมีพยานหลักฐาน มีพยานบุคคล มีพยานวัตถุ ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำความผิดอะไรได้บ้าง เช่น การครอบครองอาวุธปืน การใช้อาวุธปืน จะดำเนินคดีทันที ไม่มีการละเว้นหรือช่วยเหลือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งในทางธุรกิจส่งน้ำแข็งอาจจะทับเส้นทางกัน ส่วนอาวุธปืนที่มีการนำมาก่อเหตุอาจจะเป็นอาวุธปืนที่มีการขออนุญาตไว้ใช้สำหรับในการป้องกันตัวป้องกันทรัพย์สิน และนำมาใช้ในการก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน
สองทุ่มวันเดียวกัน ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา แถลงถึงเหตุที่เกิดขึ้นอีกครั้ง จากเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้ามีการใช้ปืนยิงกันทั้งสองฝ่าย ตำรวจจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 คน เป็นฝ่ายโรงน้ำแข็งอโยธยา จำนวน 5 คน และฝ่ายโรงน้ำแข็งพันล้าน จำนวน 8 คน แจ้งข้อหาชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาปืนและเครื่องกระสุนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยึดปืนได้ทั้งหมด 7 กระบอก รถยนต์ 4 คัน ประกอบด้วยรถตู้โฟล์ค รถฮัมเมอร์ และรถกระบะ 2 คัน ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องความขัดแย้งธุรกิจโรงน้ำแข็ง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกคน หากพบมีการกระทำผิดอื่นจะแจ้งข้อหาเพิ่มภายหลัง