ตำรวจบุกยึดเซิร์ฟเวอร์บันทึกข้อมูลกล้องวงจรปิดในห้องเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี เป็นหลักฐานดำเนินคดีครูโหดทำร้ายเด็กพร้อมตรวจเอกสารครูต่างชาติที่ร่วมทำร้ายเด็กอีกคน เตรียมเรียกเด็กมาสอบปากคำร่วมทีมสหวิชาชีพก่อนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีครูผู้ก่อเหตุ ผู้ปกครองกว่า 100 คน บุกโรงเรียนขอดูภาพวงจรปิดย้อนหลัง เชื่อลูกหลานตัวเองเคยตกเป็นเหยื่อ หลายคนผวาหนักเตรียมย้ายโรงเรียนให้ลูก รมช.ศึกษาฯเรียกผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครอง ร่วมประชุมวางแนวทางแก้ปัญหา เลขาธิการ กช.แฉซ้ำโรงเรียนเปิดห้องเรียน EP รับนักเรียนเกินกว่าที่กำหนด แถมมีโรงเรียนในเครือสารสาสน์ 34 แห่งจาก 45 แห่งถูกร้องเรียนเด็กโดนบูลลี่และค่าเรียนแพงยิ่งขุดยิ่งเจอพฤติกรรมครูโหดทำร้ายเด็ก หลังจาก พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รวมตัวเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ให้ดำเนินคดีน.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือครูจุ๋ม พี่เลี้ยงประจำชั้นอนุบาล 1 ก่อเหตุทำร้ายเด็กนักเรียนอย่างรุนแรงหลายคน จนทางโรงเรียนมีคำสั่งไล่ออกครูจุ๋ม ขณะที่กลุ่มผู้ปกครองเรียกร้องขอดูภาพวงจรปิดในห้องเรียน อื่นๆด้วย เพราะเชื่อว่ายังมีเด็กอีกหลายคนถูกทำร้าย ล่าสุดพบว่ามีครูชายชาวต่างชาติร่วมทำร้ายเด็กและ มีเด็กบางคนถูกกักขังในห้องน้ำด้วยความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ มีกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนกว่า 100 คนรวมตัวกันเรียกร้องให้ทางโรงเรียน เปิดภาพวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในห้องเรียนต่างๆให้ดู เนื่องจากสงสัยว่าลูกหลานของตัวเองจะถูกทำร้ายด้วย ไม่ใช่เฉพาะห้องของครูจุ๋มเพียงห้องเดียว หลังมีภาพวงจรปิดของโรงเรียนล่าสุดพบว่าครูชายชาวต่างชาติก็ทำร้ายเด็กด้วยเช่นกัน แต่ทางโรงเรียนพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดู กระทั่งเวลา 11.00 น. ทางโรงเรียนส่งตัวแทนมาเจรจาให้กลุ่มผู้ปกครองส่งตัวแทนของแต่ละห้องเรียนรวม 9 คนเข้าไปพูดคุย เจรจากันในห้อง ขณะเดียวกัน มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.นนทบุรี มาตรวจสอบเอกสารครูชาวต่างชาติที่โรงเรียนด้วยนายวีรยุทธ ผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล 1 เผยว่า เป็นหนึ่งในตัวแทนกลุ่มผู้ปกครอง 9 คนที่เข้าร่วมประชุมกับทางตัวแทนของโรงเรียน เรียกร้องขอดูภาพวงจรปิดย้อนหลังไป 10 วันของเด็กอนุบาล 1 ทั้งหมดรวม 7 ห้อง เพื่อตรวจสอบดูพฤติกรรมครูและครูพี่เลี้ยง ตัวแทนโรงเรียนแจ้งว่าไม่สามารถให้ตรวจสอบได้ทั้งหมด ตัวแทนผู้ปกครองลงความเห็นสุ่มตรวจดูวงจรปิดของวันที่ 22 ก.ย. ตัวแทนโรงเรียนยังคงบ่ายเบี่ยงอ้างว่าต้องรอให้ผู้บริหารตัดสินใจก่อน กระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น.จึงยอมเปิดภาพวงจรปิดให้ผู้ปกครองได้ดู อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกลุ่มผู้ปกครองเด็กอนุบาลกว่า 70 เปอร์เซ็นต์มีความเห็นอยากย้ายบุตรหลานออกจากโรงเรียน เนื่องจากเริ่มไม่มั่นใจสถานศึกษาและบุคลากรที่มาสอน ผู้ปกครองหลายคนไปติดต่อสถานที่เรียนใหม่ให้ลูกหลานแล้ว แต่มีบางคนยังรอดูว่าทางผู้บริหารโรงเรียนจะออกมาแสดงความรับผิดชอบและมีมาตรการดูแลเด็กนักเรียนอย่างไรบ้างช่วงบ่ายวันเดียวกัน ร.ต.อ.พงษ์พันธ์ จันทร์ทอง รอง สวป.สภ.ชัยพฤกษ์ นำกำลังตำรวจมาที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เข้ายึดเซิร์ฟเวอร์บันทึกข้อมูลกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งตามห้องเรียนต่างๆ เพื่อไปตรวจสอบหาผู้กระทำผิดว่ามีใครอีกหรือไม่ที่ทำร้ายเด็ก ตามที่มีผู้ปกครองหลายคนเกิดความไม่สบายใจเกรงว่าบุตรหลานจะถูกครูทำร้ายและกลัวว่าทางโรงเรียน จะลบข้อมูลทิ้ง ด้าน พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ เผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของผู้เสียหายทั้งหมดมีหลายรายให้เสร็จสิ้นก่อน ว่ามีใครเป็นผู้กระทำผิดบ้าง โดยจะทยอยเรียกสอบปากคำเด็ก ผู้เสียหายพร้อมทีมสหวิชาชีพในวันที่ 29 ก.ย. จากนั้นจึงจะออกหมายเรียกผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหาที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 11.00 น. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะ กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) พร้อมผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์–วิเทศราชพฤกษ์ ผู้ปกครองนักเรียนอนุบาล ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิต ร่วมประชุมวางแนวทางแก้ไขปัญหาครูทำร้ายนักเรียน นางกนกวรรณกล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้รับฟังปัญหาที่เกิดจากโรงเรียนและผู้ปกครอง โรงเรียนยอมรับผิดทุกอย่างจนผู้ปกครองรู้สึกพอใจระดับหนึ่ง ส่วนจะมีเด็กเล็กในโรงเรียนถูกกระทำเกินกว่าเหตุจำนวนเท่าไหร่นั้น ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียน ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานของตนไปช่วยประสานการแก้ปัญหาแล้ว โรงเรียนพร้อมจะเยียวยาผู้ปกครองและเด็ก มีผู้ปกครองบางส่วนจะนำเด็กลาออกจากโรงเรียนเพื่อไปเรียนที่อื่นด้วยรมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงมาตรการป้องกันและการวางแนวทางการรับพี่เลี้ยงเด็กเล็กของโรงเรียน เอกชนว่า สช.มีมาตรการอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีพอ ศธ.พร้อมปรับปรุงแก้ไข ส่วนกรณีที่มีครูต่างชาติที่สอนภาษาต่างประเทศทำร้ายเด็กด้วยนั้น เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด้วยเช่นกันว่าเดินทางเข้าเมืองถูกต้องหรือไม่ และมีใบอนุญาตประกอบการสอนสำหรับครูต่างชาติหรือไม่ หากมีความผิดจะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้ดำเนินการต่อไปนายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า มอบหมายกรมสุขภาพจิตไปดูแลสภาพจิตใจนักเรียนและผู้ปกครองที่โดนพี่เลี้ยงเด็กทำร้าย และมีแนวทางจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อเยียวยาจิตใจเด็กกลุ่มอื่นๆ ส่วนกล้องวงจรปิดทราบว่าตำรวจเข้าไปขอให้โรงเรียนส่งข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดมาให้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี โรงเรียนต้องปรับการบริหารจัดการใหม่ทั้งงานวิชาการ อาหาร กลางวัน และการรับครู เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง วันที่ 29 ก.ย.ทางโรงเรียนจะประชุมร่วมกับผู้ปกครองเพื่อสรุปความรับผิดชอบ รวมถึงกำหนดมาตรการในการป้องกันปัญหาจนกว่าผู้ปกครองจะพอใจ โดยที่ สช.จะเข้าไปตรวจสอบการดำเนินการของโรงเรียนด้วยนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการ กช.กล่าวว่า สช.กำชับโรงเรียนว่าข้อมูลกล้องวงจรปิดที่ตำรวจขอไปถือเป็นพยานวัตถุที่สามารถนำสืบทางคดีได้ ดังนั้นโรงเรียนห้ามดัดแปลง ทำลาย หรือลบคลิปวิดีโอเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะมีความผิด ขอย้ำว่าครูเป็นวิชาชีพที่ถูกควบคุม ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หากตรวจพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ปล่อยให้ครูที่ไม่มีใบอนุญาตมาสอน ผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนจะมีความผิดทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปีและปรับเงินไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนี้ไป สช.จะออกแนวปฏิบัติ ให้โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศต้องแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู พร้อมเลขที่ และวันหมดอายุอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อให้ผู้ปกครองและคนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้เลขาธิการ กช.กล่าวอีกว่า สช.ยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองอีกว่าโรงเรียนดังกล่าวเปิดรับนักเรียนห้องเรียน English Program (EP) มากถึง 34 คนต่อห้อง ถือว่าเกินกว่าที่ สช.กำหนดไว้ที่ 25 คนต่อห้อง อีกทั้งยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นที่นอกเหนือจากค่าเล่าเรียนห้องเรียน EP อีก ถือว่าผิดกฎระเบียบที่ สช.กำหนด มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรีไปตรวจสอบประเด็นนี้ด้วย นอกจากนี้ที่ผ่านมา สช.ยังได้รับเรื่องร้องเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์ 34 แห่งจากทั้งหมด 45 แห่งว่ามีปัญหาการบูลลี่ ทำร้ายร่างกาย จัดการเรียนการสอนและเก็บค่าเล่าเรียนแพงเกินกว่ากำหนด ในจำนวนนี้มี 23 แห่งที่เปิดห้องเรียน EP สช.จะลงไปตรวจสอบด้วยว่าเปิดรับนักเรียนเกินกว่าที่กำหนดหรือไม่ ขณะเดียวกันจะใช้โอกาสนี้ตั้งคณะทำงานเอกซเรย์โรงเรียน เอกชนทั่วประเทศว่ามีการกระทำความผิดข้อกำหนดและระเบียบของ สช.หรือไม่ ทั้งด้านวิชาการ และการบริหารจัดการ เบื้องต้นต้องถือว่าโรงเรียนเข้าข่ายกระทำความผิด แต่ด้วยกฎระเบียบโรงเรียนเอกชนได้กำหนดระยะเวลาให้โรงเรียนสามารถปรับปรุงแก้ไขตั้งแต่ระยะเวลา 15 วัน 30 วัน หรือ 45 วัน หากแก้ไขไม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดจะมีบทลงโทษต่อไปด้านคดี พ.ต.ท.มหพล มีเสน รอง ผกก.สอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกาย 8 รายแล้ว หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยขอภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียนทั้งหมดมาตรวจสอบ รวมถึงจะมีการสอบปากคำเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย โดยมีทีมสหวิชาชีพและผู้ปกครองเข้าร่วมในการสอบสวนด้วย จากนั้นจะเรียกพี่เลี้ยงจุ๋มและผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ มาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไปนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า สั่งการไปยังนางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ให้ส่งนักจิตวิทยาเด็กของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนนทบุรีเข้าไปให้คำแนะนำปรึกษาทางจิตวิทยาแก่เด็กและผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เบื้องต้นจะตั้งไลน์กลุ่มผู้ปกครอง โดยมีนักจิตวิทยาและนักสุขภาพจิตเข้าร่วมเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาและความช่วยเหลือทุกด้าน นอกจากนี้ วันที่ 29 ก.ย. ได้นัดผู้ปกครอง นักจิตวิทยา เพื่อคัดแยกเด็กในการให้ความช่วยเหลือที่บ้านพักเด็กฯ จ.นนทบุรี และวันที่ 30 ก.ย. จะประชุมคณะอนุกรรมการทีมสหวิชาชีพ จ.นนทบุรี เพื่อหารือกำหนดแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาส่วนที่บ้านของครูจุ๋มใน ต.หลักแก้ว อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ผู้สื่อข่าวไปพบนางทวี นาคกุญชร อายุ 63 ปี แม่ของครูจุ๋มอยู่ที่บ้านในสภาพอิดโรย มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาดูแลอาการเครียดนอนไม่หลับ กินอาหารไม่ได้ เบาหวานและความดันสูง นางทวีเผยทั้งน้ำตาขอความเห็นใจให้อภัยลูกสาวและกราบขออภัยผู้ปกครองทุกคนที่ลูกสาวทำร้ายลูกศิษย์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว ที่ผ่านมาตนป่วยเข้าโรงพยาบาลก็มีลูกสาวที่เป็นเสาหลักช่วยดูแลและยังส่งเสียหลานๆเรียนหนังสืออีก 3 คน หลังเกิดเรื่องลูกสาวมาถามแม่ว่า “ถ้าไม่มีหนูแม่อยู่ได้ไหม” ตนบอกไปว่าถ้าไม่มีหนูแม่ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันเพราะครูจุ๋มเป็นเสาหลักของบ้าน ล่าสุดหลานชายวัย 16 ปีที่เรียนโรงเรียนช่างแห่งหนึ่ง ได้หยุดเรียนและเตรียมลาออกมาหางานทำเลี้ยงครอบครัวแล้ว