“ดีเอสไอ” แถลงคดีวัดพระธรรมกาย จ่อเสนออัยการสูงสุดร้องศาลเลิกมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูงฐานเอี่ยวฟอกเงิน ส่วน ปปง.อายัดอาคารลูกโลก วิหารคต และอาคารบุญรักษา จ.ปทุมธานี รวมถึงอาคารเวิลด์พีซวัลเลย์ จ.นครราชสีมา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล โยงคดี “ศุภชัย ศรีศุภอักษร” กับพวก ทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ดำเนินคดีรวม 23 คดี เสร็จ ไปแล้ว 12 คดี ติดตามเงินสดและทรัพย์สินคืน 5,300 ล้านบาท นำเฉลี่ยคืนสมาชิกสหกรณ์ฯ 5 หมื่นราย ส่วน “ธัมมชโย” ยังไม่พบความเคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่กรรมการมูลนิธิ 2 คน ถูกกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินเข้าชี้แจงแล้ว 1 ราย ส่งให้อัยการพิจารณา ส่วนอีกรายรับการยืนยันเสียชีวิตแล้ว

แถลงการดำเนินคดีวัดพระธรรมกายเอี่ยวทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เปิดเผยขึ้นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 29 พ.ย. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผอ.กองการเงินการธนาคาร และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ รองอธิบดีอัยการ สำนักการสอบสวน 3 แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีฟอกเงินกับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ในพระอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (พระธัมมชโย) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และกรรมการมูลนิธิฯ ที่รับเงิน 125 ล้านบาท จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับพวก กระทำทุจริตเซ็นเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ดีเอสไอดำเนินคดีจนสามารถติดตามเงินสด 1,500 ล้านบาท และติดตามทรัพย์อีก 299 รายการ มูลค่า 3,800 ล้านบาท รวมทรัพย์ที่สามารถติดตามคืนได้ทั้งสิ้น 5,300 ล้านบาท ส่งคืนให้กับสหกรณ์ฯ เพื่อนำไปเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิก 50,000 ราย อย่างไรก็ตาม ทรัพย์ที่นายศุภชัยยักยอกมาจากสหกรณ์ฯ ระหว่างปี 52-56 มีมากกว่า 12,000 ล้านบาท มีทั้งนำไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อที่ดินทั้งในต่างจังหวัด รวม 23 คดี เสร็จไปแล้ว 12 คดี มั่นใจได้ว่าจะสามารถติดตามทรัพย์คืนให้กับสมาชิกได้อีก

...

“ส่วนของอาคารลูกโลก วิหารคต และอาคารบุญรักษา จ.ปทุมธานี รวมถึงอาคารเวิลด์พีซวัลเลย์ จ.นครราชสีมา ปปง.อายัดไว้แล้ว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล หากศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน อาจขายทอดตลาดหรือให้ส่วนราชการเข้าใช้ประโยชน์ ขณะที่ด้านคดีของนายอนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานคณะกรรมการธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ที่เกี่ยวข้องกับอาคารบุญรักษา ดีเอสไอยังสอบสวนอยู่ต้องให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงด้วย” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

อธิบดีดีเอสไอเผยอีกว่า เรื่องการติดตามตัวอดีตพระธัมมชโยมาดำเนินคดีข้อหาสมคบฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามและตรวจสอบเส้นทางการเงิน การสื่อสาร บุคคลใกล้ชิด และประวัติการรักษาตัว แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ ยืนยันว่ามีเบาะแสเข้ามาตลอด ดีเอสไอตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งมาทั้งหมด

ด้านนายขจรศักดิ์กล่าวว่า การกระทำความผิดในคดีฟอกเงินของมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ เนื่องจากหลักฐานพบว่าเงินในสหกรณ์ฯเข้ามาในมูลนิธิฯ และกระจายออกไป อัยการสำนักสอบสวนเสนอให้ดีเอสไอส่งคำร้องถึงอัยการสูงสุดขอให้ดำเนินการในทางแพ่ง และร้องต่อศาลให้มีคำสั่งยกเลิกมูลนิธิฯ และให้ทรัพย์สินของมูลนิธิฯตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 134 เนื่องจากเงินที่ออกจากสหกรณ์ฯไม่ได้มีเพียงรูปแบบเช็ค 27 ใบ แต่ยังออกมาในรูปแบบเงินสดและทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก เพื่อกวาดล้างคดีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯให้จบในคราวเดียว เนื่องจากวัดพระธรรมกายยังมีมูลนิธิฯที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่ง จากหลักฐานที่ปรากฏเป็นผลให้ต้องขยายผลการสอบสวนไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก

ขณะที่ พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวว่า นางวรรณา จิรกิติ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ และ น.ส.อารีพันธุ์ ตรีอนุสรณ์ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ ผู้ถูกกล่าวหาข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 นางวรรณาผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงต่อสู้ข้อกล่าวหาและยื่นพยานหลักฐานกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้ว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษสรุปสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นคดี เพื่อจะส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ถูกกล่าวหาไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วน น.ส.อารีพันธุ์เสียชีวิต การสอบสวนรับการยืนยันจากนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์แล้วว่าเสียชีวิตจริง

“ผลการสอบสวนพบว่า แผนประทุษกรรมเข้าลักษณะความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน เป็นการบริจาคเงินให้กับพระธัมมชโยแล้วส่งต่อเงินไปให้มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ ใช้สร้างอาคารลูกโลก 7-8 ร้อยล้านบาท และสร้างวิหารคตอีก 7-8 ร้อยล้านบาท และมีเงินบริจาคตรงเข้ามูลนิธิ 325 ล้านบาท รวมถึงเงินอยู่ในพระสงฆ์เครือข่าย 30 รูปนำไปซื้อที่ดินและเล่นหุ้นมีการตรวจสอบพบ” พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าว