นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ข้อมูลสายพันธุ์โควิด-19 วันที่ 1 ต.ค.-2 ธ.ค.2566 จากการถอดรหัสพันธุกรรมจำนวน 253 คน พบสายพันธุ์ XBB.1.9.2* มีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 24.5% ถัดมาคือ EG.5* สัดส่วน 23.3% ซึ่งทั้ง 2 สายพันธุ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่สายพันธุ์ XBB.1.16* กับ XBB.2.3* มีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนก่อนหน้า ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16* “อาร์คตูรุส” ตรวจเดือน ก.ย.-พ.ย.2566 พบเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16* จำนวน 83 คนหรือคิดเป็น 16.4% ส่วนใหญ่ผู้ป่วย 90% มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก เสมหะ ปวดเมื่อย บางรายประมาณร้อยละ 10 มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย/หอบร่วมด้วย ไม่พบลักษณะอาการตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหล ตามที่มีการส่งต่อข้อมูลกันทางสื่อสังคมออนไลน์
ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกเกณฑ์การรับวัคซีนโควิด-19 ปี 2024 โดยกลุ่ม 608 รับปีละ 1 เข็ม กลุ่มที่ผู้ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น คนปลูกถ่ายอวัยวะ หรือฟอกไต ต้องได้รับวัคซีน 2 เข็ม ทุก 6 เดือน ส่วนคนทั่วไปไม่จำเป็นต้องรับวัคซีน แต่ฉีดได้ตามความสมัครใจและต้องเสียค่าบริการเอง ทั้งนี้จากการสำรวจกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรับวัคซีนโควิด-19 มีจำนวน 15 ล้านคน ขณะที่จำนวนวัคซีนโควิดคงเหลือ 6 แสนโดส การสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มหรือไม่นั้น ต้องรอกรมควบคุมโรคพิจารณา เบื้องต้นเท่าที่สำรวจความต้องการวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงพบว่ามีแค่ 10% เท่านั้น สำหรับวัคซีนทั่วโลก ขณะนี้เหลือแค่ชนิด m-RNA ของไฟเซอร์เท่านั้นที่ยังผลิตอยู่ ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยคาดว่าภายใน 3-4 สัปดาห์นี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะค่อยๆสูงขึ้นแซงหน้าไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานเชื่อว่าอาการไม่รุนแรง แต่อย่าใกล้ชิดผู้สูงอายุเท่านั้น.
...