กองปราบฯขยายผลทลายเครือข่ายบ่อนพนันออนไลน์ “สารวัตรซัว” ซุ่มรวบรวมหลักฐานออก หมายจับเครือข่ายเพิ่มอีก 9 หมายจับระดมกำลังลุยตรวจค้น 16 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ลากคอเครือข่ายคนสำคัญได้ 3 คน มีหลักฐานเงินผ่านบัญชีรวมกันถึง 125 ล้านบาท พร้อมอายัดทรัพย์สินเครือข่าย ทั้งบ้าน โฉนดที่ดิน เงินสด รถหรู รวมมูลค่าถึง 480 ล้านบาท แจ้งข้อหาสารวัตรซัวเพิ่มเติมจากข้อหาโกงประชาชนอีก 2 ข้อหา ทั้ง พ.ร.บ.การพนัน และฟอกเงิน
กองปราบฯลุยขยายผลยึดทรัพย์แก๊งสารวัตรซัว เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 11 เม.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ 8) ปฏิบัติราชการสอบสวนกลาง สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย “อาณาจักรซัวมาเฟียกาสิโนออนไลน์” กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 16 จุดทั่วประเทศ ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ 9 หมายจับ
เป้าหมายสำคัญอยู่ที่บ้านเลขที่ 111/278 และ 111/284 ซอยลาซาล 32 แขวงและเขตบางนา กทม. บ้านของนายธนณัฐ หรือเบนซ์ มรกฏ อายุ 32 ปี หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญระดับแถว 2 ของเครือข่ายสารวัตรซัว ทำหน้าที่บริหารจัดการเงินที่ได้จากเว็บพนันออนไลน์ แต่ไม่พบตัว ส่งกำลังอีกชุดตามไปจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ นำตัวกลับมาที่บ้านในซอยลาซาล 32 เพื่อนำตรวจค้นหาหลักฐาน ยึดรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในบ้าน 2 คันตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครองและเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดหรือไม่ นอกจากนี้กำลังอีกชุดเข้าตรวจค้นสถานที่ตั้งสำนักงานบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ปในซอยรามอินทรา 5 เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
...
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.กล่าวว่า วันนี้ตำรวจกองปราบฯเปิดปฏิบัติการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 16 จุดเพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการที่ออกหมายจับไว้แล้ว 9 คน ในจำนวนนี้มีบุคคลที่อยู่ในเครือเป็นต่อกรุ๊ป 4 คน สามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 คน นายธนณัฐ 1 ใน 3 ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ จากแนวทางสืบสวนพบเป็น 1 ในคีย์แมนคนสำคัญระดับ 2 ดูแลเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ และเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากลูกค้า ก่อนรวบรวมส่งต่อให้กลุ่มขบวนการระดับบน จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีธนาคารของนายธนณัฐพบเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท นอกจากนี้จากการตรวจค้นห้องพักคอนโดมิเนียมย่านศรีนครินทร์ที่นายธนณัฐหลบซ่อนตัว พบเงินสด 1 ล้านบาท คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และเอกสารหลักฐานสำคัญต่างๆหลายรายการ
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.ฐานะโฆษก บช.ก. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป.แถลงผลปฏิบัติการ “บุกรัง ยึดทรัพย์ อาณาจักรซัว มาเฟียกาสิโนออนไลน์” หลังกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 16 จุด 6 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. จ.นนทบุรี จ.ลำปาง จ.อ่างทอง จ.มหาสารคาม และ จ.มุกดาหาร ผลการปฏิบัติจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ประกอบด้วย นายธีรภัทร์ ธรรมบัณดิษฐ์ อายุ 28 ปี นายธนณัฐ หรือเบนซ์ มรกฏ อายุ 32 ปี และ น.ส.ธีรพรรณ รันขน์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญาข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันฯ ข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมตัวนายธีรภัทร์ ธรรมบัณดิษฐ์ ได้ในพื้นที่ จ.อ่างทอง จับกุมนายธนณัฐ มรกฏ ได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ กทม. ส่วน น.ส.ธีรพรรณ รันขน์ จับกุมได้ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม พร้อมตรวจยึดรถยนต์หรู 12 คัน รถยนต์ทั่วไป 2 คัน โฉนดที่ดินรวมกว่า 56 ไร่ เงินสด 1,052,000 บาท ตุ๊กตาแบร์บริค 3 ตัว โมเดลการ์ตูนกว่า 100 ตัว สมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง และหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) 2 เครื่อง รวมมูลค่าของกลางกว่า 480 ล้านบาท
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายเว็บพนันของสารวัตรซัวมาแล้ว 2 ครั้งจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีได้ 6 คน ยึดทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท แต่ยังคงเร่งขยายผลกวาดล้างจับกุมต่อเนื่องให้สิ้นซาก รวมทั้งขยายผลหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน เพราะเชื่อว่าขบวนการนี้ทำกันมานานจนก่อเกิดเป็นองค์กรอาชญากรรม ขยายตัวเป็นธุรกิจเกี่ยวกับพนันออนไลน์ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบัน มีสารวัตรซัวเป็นผู้ควบคุมสั่งการทุกขั้นตอน รวมถึงเปิดบัญชีและรับโอนเงินจากเว็บไซต์ต่างๆ ก่อนถ่ายเทโอนเงินที่ได้จากผู้เล่นไปยังบัญชีของกลุ่มพนักงานในเครือข่าย จากนั้นถ่ายโอนเงินกำไรไปยังบัญชีรับโอนเงินของกลุ่มกรรมการหรือผู้ถือหุ้นในเครือบริษัทสารวัตรซัว เชื่อว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ ตัวการ หรือผู้ได้รับผลประโยชน์จากการจัดให้เล่นพนันออนไลน์ มี 4 คีย์แมนหลักอยู่เบื้องหลัง ถือหุ้นในบริษัทเป็นต่อกรุ๊ป
“นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่า สารวัตรซัวขายแฟรนไชส์ระบบพนันออนไลน์ให้ลูกค้าจำนวนมาก ลักษณะจัดตั้งในรูปแบบบริษัทสนับสนุนทำธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ เชื่อว่าน่าจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ 9 หมาย ขออนุมัติหมายค้นอีก 16 หมาย เพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญและตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด สามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ 3 คน และอายัดตัวนายธีรพงศ์ หรือจิ๋ว ทองสุวรรณ อายุ 34 ปี หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่ม ทำให้เหลือผู้ต้องหาที่หลบหนี 5 คนรวมถึงสารวัตรซัวด้วย คาดว่าน่าจะกบดานอยู่ต่างประเทศ” ผบก.ป.กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่หนักใจเพราะมีพยานหลักฐานเพียงพอ อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวในลักษณะของการใช้บัญชีรับโอนเงินจากเว็บพนันและจัดการเรื่องการเงิน ส่วน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ กล่าวว่า เครือข่ายสารวัตรซัวจัดอยู่ในระดับมาสเตอร์แฟรนไชส์ เพราะฉะนั้นข้อมูลพยานหลักฐานพยานบุคคลมีจำนวนมาก อาจต้องใช้เวลาตรวจสอบ แต่ตำรวจสอบสวนกลางยืนยันว่า เราจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ ยังคงดำเนินการขยายผลต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 31 คน ยึดทรัพย์กว่า 2,000 ล้านบาท
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลไกบริหารจัดการเงินรายได้เว็บพนันเครือข่ายสารวัตรซัวมีด้วยกัน 3 แถว หรือ 3 ลำดับขั้น บัญชีแถวที่ 3 เป็นบัญชีรับเงินจากหน้าเว็บพนันหรือลูกค้า ก่อนโอนส่งต่อให้บัญชีแถว 2 จากนั้นบัญชีแถว 2 จะโอนต่อให้กลุ่มคีย์แมน ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่เพิ่งถูกจับวันนี้ ถือเป็นกลุ่มผู้ต้องหาสำคัญมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินรายได้จากเว็บพนันโดยตรง นายธีรภัทร์และนายธนณัฐทำหน้าที่เป็นบัญชีแถวที่ 2 ส่วน น.ส.ธีรพรรณจัดอยู่ในบัญชีแถวที่ 3 ตรวจสอบ เส้นทางการเงินผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพบมีเงินผ่านเข้าบัญชีมากถึง 125 ล้านบาท
ปฏิบัติการดังกล่าวยังถือเป็นความคืบหน้าการเอาผิดเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์สารวัตรซัวเพิ่มขึ้นอีกขั้น เดิมทีหมายจับที่ใช้เอาผิด พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว มีเพียงหมายจับข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่องเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ทำให้พนักงานสอบสวน บก.ป. สามารถรวบรวมพยานหลักฐานแตกแขนงออกเป็นคดีต่างๆ นำไปสู่การออกหมายจับสารวัตรซัว ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน และความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน เพิ่มเติมได้สำเร็จ