สลดอาม่าวัย 58 ประตูรีโมตหนีบหัวดับคาหน้าบ้านหลังกลับจากไปกินข้าว ภาพกล้องวงจรปิดจับชัดกดรีโมตเปิดประตูเลื่อนแค่ 1 ฟุตก่อนปิดเอง ผู้ตายหนีไม่ทันหนีบหัวทรุดคาประตูกู้ภัยตะโกนเรียกคนในบ้านกดรีโมตกลับเสียเปิดไม่ออก ต้องใช้เครื่องตัดถ่างกว่า 10 นาทีช่วยปั๊มหัวใจแต่ยื้อชีวิตอาม่าไว้ไม่ทัน

อุบัติเหตุไม่คาดฝันรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 ก.พ. พ.ต.ท.ณภัทร แสนธรรม สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกประตูบ้านหนีบได้รับบาดเจ็บหน้าบ้านเลขที่ 18 ถนนราชมนตรี แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม.รุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ที่ประตูรั้วเหล็กบานเลื่อนทางเข้าบ้านสูง 2 เมตร พบร่างของ น.ส.จรัสศรี แซ่ลิ้ม อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/5 หมู่ 3 ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ นนทบุรี สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายทาง กางเกงขายาวสีดำ อยู่ในสภาพประตูหนีบหัวกึ่งนั่งกึ่งยืนหมดสติคาอยู่กับประตู เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างง้างประตู ใช้เวลาราว 10 นาทีถึงสามารถนำออกมาปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิต น.ส.จรัสศรีไว้ได้ ตรวจสอบที่บริเวณขมับทั้ง 2 ข้างและไหล่ขวามีรอยถูกประตูหนีบจนยุบ

ขณะเกิดเหตุนายสุนทร เพียววิลัย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุด สน.หลักสอง ผู้มาพบศพให้การว่า ได้รับการประสานจากตำรวจ สน.หลักสองให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงก็พบว่าประตูรั้วหนีบศีรษะ น.ส.จรัสศรีอยู่น่าจะหนีบอยู่นานแล้วแต่คนในบ้านไม่รู้ตนจึงกดกริ่งเพื่อเรียกเจ้าของบ้านให้มาเปิดประตูเล็กให้ เมื่อคนในบ้านออกมาเห็นภาพดังกล่าวถึงกับเข่าอ่อนและลองใช้รีโมตเปิดประตู แต่ก็ใช้การไม่ได้จึงใช้เครื่องตัดถ่างงัดประตูให้เปิด แล้วนำร่างคนเจ็บออกมาแล้วปั๊มหัวใจแต่ก็สายเกินไป สอบถามญาติทราบว่าผู้ตายเป็นพี่สาวเจ้าของบ้าน ประกอบอาชีพเจียระไนเพชรมักจะออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งไม่ห่างจากบ้านมากนัก จะเอารีโมตประตูติดตัวไปด้วย

...

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าบ้าน พบว่าเมื่อผู้ตายเดินมาถึงหน้าบ้านใช้รีโมตกดปุ่มให้ประตูเปิดแต่ประตูก็เปิดออกแค่ประมาณ 1 ฟุต แล้วประตูก็ปิดเองทันทีไม่แน่ใจว่ามือของ น.ส.จรัสศรีไปถูกปุ่มปิดหรือเปล่า เจ้าของบ้านก็บอกว่าประตูเคยขัดข้องเปิดไม่ออกมาแล้ว เบื้องต้นญาติไม่มีใครติดใจสาเหตุการตายเพราะภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพช่วงเกิดเหตุไว้ได้ทั้งหมด จึงมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำส่งนิติเวชโรงพยาบาลศิริราชเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง