เป็นคดีที่เพิ่งมาเคยเห็น เจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ตร.ตามจับผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชนถึงต่างประเทศ เอาตัวคนผิดมาลงโทษจนได้ หากเป็นแต่ก่อนประชาชนคงเคยชิน แจ้งความฉ้อโกงเสร็จแล้วตำรวจออกหมายจับ ไม่ค่อยได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี คนโกงถึงยังมีอยู่จนปัจจุบัน
โกงแล้วโกงอีก ปรับเปลี่ยนรูปแบบการโกงไปเรื่อย เพราะแต่ก่อนตำรวจไม่เคยคิดที่จะเข้ามาเอาจริงเอาจังกับคดีแบบนี้ ทั้งๆที่เป็นความเดือดร้อนโดยตรงของพี่น้องประชาชน
แต่ไม่ใช่ยุคนี้ หลังคดีที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. รับร้องเรียนจากประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ เครือข่ายแชร์ลูกโซ่บริษัท กาแฟ แคชแบ็ค จำกัด หลอกลวงประชาชนให้มาร่วมลงทุนอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า 105 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน
คนหลงเชื่อร่วมลงทุนนับพัน
ต่อมาบริษัทได้ปิดตัวลงกลุ่มผู้บริหารได้นำทรัพย์สินหลบหนี มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 3,000 ล้านบาท ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ และตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีได้ 8 ราย ข้อหา “หลอกลวงฉ้อโกงประชาชน”
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ให้ขยายผลเพิ่มเติม ใครเกี่ยวข้องหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนให้ดำเนินคดีทุกราย จนขยายผลออกหมายจับเพิ่มเติม 2 ราย นายกิตติกร หรือกร วรรณวสุธร และ น.ส.สิรวัญพร หรือภู่ ไชยวัชรคุปต์ ผู้ต้องหาไหวตัวทัน หลบหนีออกไปประเทศเวียดนาม
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ประสานความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามติดตามจับกุมตัวนายกิตติกร วรรณวสุธร และขอให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย
...
ส่วน น.ส. สิรวัญพร ไชยวัชรคุปต์ อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว
ถ้าเป็นแต่ก่อน คดีฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนลักษณะแบบนี้ ตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังในการวางแผนหลอกลวง คิดว่าได้เงินมาแล้วหลายร้อยล้านบาท หอบเงินหนีไปหลบอยู่ต่างประเทศ
รอเรื่องเงียบๆค่อยกลับมา
แล้วค่อยปรับเปลี่ยนรูปแบบการโกง หลอกคนอื่นต่อไปอีก แต่ปัจจุบันไม่ยอมให้คนทำผิดลอยนวล ใครทำผิดไม่ว่าอยู่ไหนตามไปจับหลายราย ทำมาต่อเนื่อง อาศัยความสัมพันธ์การช่วยเหลือการทำงานร่วมกันกับตำรวจในอีกหลายประเทศ
ในยุคนี้ ไม่รอด ตำรวจเอาจริง คนที่กระทำผิดหลอกลวงคนอื่นถูกจับมาชดใช้ความผิด
ไม่ปล่อยคนโกงประชาชนลอยนวล หนีไปใช้เงินใช้ชีวิตสบายอีก.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th