มีทั้งสว.-ดต. ผบก.รับเรื่องสอบทันควัน

พ่อค้าส้มตำโร่ร้อง “ผบก.น.1” ถูก “สารวัตรชา-ดาบวรพล” สังกัด กก.สส.บก.น.1 และนายต่อ นำกำลังนอกเครื่องแบบ รวมกว่า 10 นาย ค้นบ้านยัดไอซ์ลูกสาว ขอดูหมายค้นและยาที่พบก็ไม่ให้ดู สอบถามแจ้งข้อหาอะไรก็ไม่ตอบไปรับตัวลูกสาวกลับมากล่าวหาว่าพาผู้ต้องหาหนี แต่ตำรวจกลับแจ้งมีหมายจับติดตัวข้อหากรรโชกทรัพย์ ต้องใช้เงินประกันตัว 50,000 บาท ลูกสาวเอาเงินมาให้ ต่อมารู้ตัวว่าถูกตำรวจรีดไถเงินเข้าแจ้งความ สารวัตรชานำเงินมาคืนบอกให้เลิกแล้วต่อกันแต่ได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ “ไม่กลัวตายหรือ” ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ด้าน “ผู้การ 1” ตั้ง “วิชัย แดงประดับ” ผกก. (สอบสวน) บก.น.1 เป็นหัวหน้าคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง

ฉาววงการสีกากี เหยื่อร้องถูกตำรวจยัดยารีดไถเงิน เปิดเผยขึ้นที่ สน.พญาไท เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ก.ย. นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี พ่อค้าขายส้มตำ ชาว จ.ร้อยเอ็ด เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ ผกก. (สอบสวน) บก.น.1 และ พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังเคยเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ยัดยาเสพติดและเรียกเงิน 50,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว

...

นายศักดิ์ชัยเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 10 ส.ค. ขณะกำลังขายของอยู่ที่ร้านส้มตำ บริเวณถนนพระราม 6 ซอย 22 น.ส.สโรชา แน่นอุดร อายุ 30 ปี ลูกสาว เดินร้องไห้มาบอกว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 165/12 ถนนพระราม 6 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. เป็นบ้านเช่า 2 ชั้นของตน รีบเดินทางไปที่บ้านพักพบเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 นายค้นบ้าน ถามหาหมายค้นแต่เจ้าหน้าที่กลับไม่มีการแสดงให้ดู ตนถามว่าค้นแล้วเจออะไรไหม เจ้าหน้าที่บอกว่าพบไอซ์จำนวนไม่เยอะ ขอดูแต่ไม่ยอมให้ดู ก่อนจะควบคุมตัวลูกสาวไปที่ กก.สส.บก.น.1 ใกล้สี่แยกศรีอยุธยา ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.

นายศักดิ์ชัยกล่าวอีกว่า ตนรีบเดินทางตามไปที่ กก.สส.บก.น.1 พบว่าลูกสาวถูกจับนั่งอยู่บริเวณใต้อาคารที่ทำการในมุมมืดโดยไม่ใส่กุญแจมือ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบควบคุมอยู่ 1 คน ถามว่าลูกสาวมีความผิดอะไรก็ไม่ตอบนำตัวลูกสาวกลับบ้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามมาที่ร้านส้มตำ ก่อนจะจับตนไปแทนโดยให้เหตุผลว่าพาผู้ต้องหาหลบหนี หลังจากนั้นถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องภายในอาคาร กก.สส.บก.น.1 ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบอกว่าตนมีหมายจับข้อหากรรโชกทรัพย์ ยืนยันว่าไม่เคยทำผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าจะมีก็มีเพียงแต่ความผิดจำหน่ายสุราเกินเวลาเท่านั้น ก่อนเจ้าหน้าที่จะบอกว่าต้องนำเงิน 50,000 บาท มาเป็นค่าประกันตัวออกไป โทรศัพท์ให้ลูกสาวนำเงินจำนวนดังกล่าวมาให้ เนื่องจากกลัวโดนจับติดคุกและความไม่รู้กฎหมาย หลังจากให้เงินแล้วเดินทางกลับบ้านทันที

“ผมรู้สึกว่าโดนเจ้าหน้าที่ยัดยาเสพติดและรีดไถเงินจึงเดินทางเข้าแจ้งความ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังเป็นเจ้าหน้าที่ที่ผมรู้จัก คือสารวัตรชา ดาบวรพล และนายต่อ ทั้ง 3 คน ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ดาบวรพลเป็นคนรับเงิน 50,000 บาท และเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับลูกชายผมเมื่อหลายปีก่อน แต่หลังจากแจ้งความสารวัตรชานำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนพร้อมให้เลิกแล้วต่อกัน ขณะนั้นผมคิดว่าจะไม่เอาเรื่อง แต่ผมได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ว่าไม่กลัวตายหรือ คิดว่าไม่ถูกต้องยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จดจำใบหน้าทุกคนที่เข้าไปจับกุมในวันนั้นได้” นายศักดิ์ชัยเผย

ด้าน พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 กล่าวว่า ขณะนี้รับเรื่องไว้แล้วและสั่งการให้ พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ ผกก. (สอบสวน) บก.น.1 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน จะต้องแยกคดีเป็น 2 ส่วน คือในส่วนของคดีของผู้เสียหายและส่วนความผิดทางวินัย หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนและลงโทษตามกฎหมาย คือไล่ออก ขอยืนยันว่าไม่ช่วยผู้กระทำความผิดอย่างแน่นอน