“ศรีวราห์” รอง ผบ.ตร.เผย “ร.ท.ฐิติทัตน์” จ่อเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนกองปราบฯ วันจันทร์ ที่ 21 พ.ค.นี้ ปมเอี่ยวเงินทอนวัด ผลตรวจอาวุธปืนจะทราบภายใน 7 วัน “บิ๊กป้อม” ลั่นเบื้องต้นพบเกี่ยวข้อง ระบุทุกอย่างว่าตามหลักฐานผิดว่าไปตามผิด “ป.ป.ช.” โว “โกงเงินทอนวัด” 13 สำนวนทำได้เร็วมากเหตุมีข้อมูลหมดแล้วสามารถนำพยานหลักฐานมาใช้ร่วมกันในแต่ละสำนวนได้ และอาจพิจารณากรณีร่ำรวยผิดปกติได้อีกด้วย ชี้ “อดีต ผอ.พศ.-รอง ผอ.พศ.” โทษรวมกันอาจถึง 200 ปี

กรณี พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. นำหมายศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านสีวลี รามคำแหง ถนนราษฎร์พัฒนา แขวงและเขตสะพานสูง กทม. ของ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย หลังสืบทราบว่าบุคคลที่พักอาศัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัด ตรวจยึดอาวุธปืนยาว 4 กระบอก ปืนสั้น 18 กระบอก พร้อมกระสุน 1,005 นัด รวมทั้งทองรูปพรรณ แหวนเพชร ทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ เอกสารเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องในตู้เซฟ 3 ใบ คุมตัว น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี แม่บ้าน ที่รับเงินโอนจากพระชั้นผู้ใหญ่ 25 ล้านบาทเข้าบัญชีไปสอบสวนขยายผล เมื่อเย็นวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 18 พ.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า เบื้องต้นตรวจสอบไปยังต้นสังกัดแล้วของ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย มีการทำหนังสือขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ภายในวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคมนี้ ส่วนอาวุธปืนที่ยึดได้ขณะนี้ได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ทราบแล้วน่าจะประมาณ 7 วันถึงจะทราบผล อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้มาในส่วนของเรื่องเงินทอนวัด ตนมาเพียงเรื่องของอาวุธกระสุนเท่านั้น

...

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกองปราบปรามตรวจสอบพบว่า ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย พัวพันคดีทุจริตเงินทอนวัดว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบว่ามีความเกี่ยวข้อง แต่ไม่เป็นไรทุกอย่างว่าไปตามพยานหลักฐานไม่ต้องห่วงใครทำผิดว่าไปตามผิด

ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการทุจริตเงินทอนวัดว่า ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน 13 สำนวน จำนวน 13 วัด เชื่อว่า ป.ป.ช.จะทำงานได้รวดเร็วเพราะกระบวนการในเชิงบริหารจัดการนั้น ป.ป.ช.มีข้อมูลหมดแล้ว และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสำนวนยืนยันว่าสามารถวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วใน 13 สำนวน มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาซ้ำกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะตำแหน่งข้าราชการระดับสูง เช่น อดีต ผอ.และรอง ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แต่การพิจารณาจะพิจารณาต่างกรรมต่างวาระตามแต่ละสำนวน หากนำแต่ละสำนวนมารวมกันโทษอาจสูงสุดถึง 200 ปี

ประธาน ป.ป.ช.เผยอีกว่า อย่างไรก็ตามแม้จะมีหลายคดีพิจารณาไปพร้อมกัน แต่เมื่อพิจารณาคดีหลักได้ก่อนแล้ว คดีอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะง่ายระยะเวลาการพิจารณาจะลดลงไม่เสียเวลาการสอบพยานหาข้อมูลหลักฐานและบางสำนวน ป.ป.ช.อาจพิจารณากรณีร่ำรวยผิดปกติได้อีกด้วย เพื่อให้รู้ว่าโกงเงินวัดไปก็ไม่ได้เงินและจะยึดทรัพย์ ถ้าโกงไป 10 ล้านบาท ในคำพิพากษาจะให้ติดตามทรัพย์สินอื่นในมูลค่าเดียวกันกลับมาชดใช้ต่อรัฐ ผู้ถูกกล่าวหาหนีไปต่างประเทศ ตามกฎหมายใหม่ของ ป.ป.ช.ต้องหนีตลอดชีวิต