“รองโจ๊ก หวานเจี๊ยบ” สนธิกำลังค้นผับริปเปอร์ เฮ้าส์ สุขุมวิท 23 เปิดเกินเวลา พบนักท่องเที่ยว ร่วมร้อย ตรวจเจอฉี่ม่วง 45 คน รวบหนุ่มนักเที่ยวซุกเคตามีน 2 ซอง เผยแอบเปิดมา 2 เดือน ด้าน น.1 สงสัย สั่ง ผกก.ทองหล่อชี้แจง ทำไมมีหลายหน่วยเข้าตรวจร่วม แฉที่แท้เป็นผับนาซีซัส ที่เคยเจอคำสั่ง คสช.สั่งปิดไปเมื่อช่วงต้นปีกลับมาเปิดอีกในชื่อใหม่
รองโจ๊กจับผับทองหล่อเปิดเกินเวลาเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 5 พ.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.ขจรพงษ์ จิตรภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ ร่วมกันนำกำลังตำรวจ สน.ทองหล่อ ตำรวจ บช.ทท. ตำรวจ บช.ปส. และตำรวจ บก.สปพ. เข้าตรวจสอบสถานบันเทิง ริปเปอร์เฮ้าส์ เลขที่ 112 ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. หลังชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการเปิดสถานบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
ตรวจพบเป็นอาคารสูง 3 ชั้น แบ่งให้เช่า บริเวณชั้น 3 ภายในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา มีนักเที่ยวชาวไทยและต่างชาติชายหญิงกว่า 80 คนกำลังดื่ม เต้นรำกับเสียงเพลงกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหน้าที่สั่งเปิดไฟและให้หยุดกิจกรรมทั้งหมด จากนั้นนำนักเที่ยวและพนักงานมาคัดแยกตรวจปัสสาวะ พบปัสสาวะสีม่วงทั้งหมด 45 ราย เป็นชาย 29 คน หญิง 16 คน มีนายศุภชัย กิตติภูมิอนันต์ อายุ 50 ปี รับเป็นผู้จัดการร้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายศุภชัยเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา เปิดสถานบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดและขัดคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดี
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สถานบริการนี้ลักลอบเปิดมาประมาณ 2 เดือน ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ในร้านไม่พบอาวุธที่ผิดกฎหมาย พบนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าใช้บริการ มีผู้มีปัสสาวะเป็นสีม่วง 45 คน ทั้งหมดมีอายุเกิน 20 ปี ส่วนสารเสพติดที่ใช้พบว่าเป็นยาอี ในจำนวนนี้พบยาเคตามีนชนิดผง บรรจุในซองพลาสติก ขนาดเล็ก 2 ซอง ซุกซ่อนอยู่ในตัวนายพิสิทธิ์ อนามนาถ อายุ 23 ปี แจ้งข้อหามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝากถึงสถานบริการให้ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย หากชาวบ้านเห็นว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น ขอให้ร้องเรียนตำรวจท้องที่เข้ามาตรวจสอบเช่นเดียวกับในกรณีนี้
...
ด้าน พ.ต.อ.ขจรพงษ์กล่าวว่า ได้รับเบาะแสว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ลักลอบเปิดให้บริการ ตำรวจ บช.ทท. ตำรวจ บช.ปส. ตำรวจ บก.สปพ. และตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้ร่วมกันวางแผนก่อนนำกำลังเข้าจับกุม พร้อมทั้งเตรียมส่งเรื่องให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาการปิดสถานบันเทิงอีกครั้ง
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าผับแห่งนี้ มีชื่อเก่าว่า “นาซีซัส” เคยถูกสั่งปิด และแจ้งข้อหาผิดคำสั่ง คสช.ไป เมื่อต้นปี 2561 หลังพบว่าเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา หนำซ้ำเปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ และพบว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติด ตามคำสั่งต้องปิดสถานบริการเป็นเวลา 5 ปี แต่กลับมาลักลอบเปิดประกอบการอีกในชื่อใหม่ กรณีนี้จะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า สน.ทองหล่อ เจ้าของพื้นที่ รู้เห็นการกระทำดังกล่าวหรือปล่อยปละละเลยหรือไม่ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ ทำหนังสือชี้แจงรวมถึงต้องชี้แจงว่าเหตุใดจึงมีหลายหน่วยงานเข้าร่วมจับจำนวนมากด้วย ยืนยันยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่มีคำสั่งย้ายตำรวจนายใดออกนอกพื้นที่
มีรายงานด้วยว่าสถานบันเทิงดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. จับกุมไปเมื่อ 11 ธ.ค. และถูกสั่งปิดสถานบันเทิงเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากกระทำผิดขัดคำสั่ง คสช.ที่ 22/2557 ภายหลังถูกสั่งปิดเจ้าของร้านได้ร้องศาลปกครองว่าการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความมิชอบ คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด