ในช่วงเมษายนของทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความปวดเศียรเวียนเกล้าของผู้ปกครอง เพราะเหล่าบรรดาลูกหลาน “ปิดเทอม” หลายครอบครัว หาวิธีแก้ปัญหาด้วยการส่งเข้าค่ายกิจกรรมต่างๆ แต่บางรายก็เลือกวิธีพื้นบ้านที่สุด คือ ส่งเข้า “บรรพชาภาคฤดูร้อน” เนื่องจากเห็นว่า “ได้บุญ” และ ถือเป็น “การเรียนรู้” ธรรมมะ ไปด้วย

ในแต่ละปี มีเด็กเข้าบวชภาคฤดูร้อนนับแสนคนทั่วประเทศ แต่บางรายที่เข้าบวช กลับต้องเจอประสบการณ์เลวร้ายเหนือคำบรรยาย ซึ่งในอดีตเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แล้วปัจจุบันล่ะ!... ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีคำตอบ

ย้อนเหตุการณ์ “พระตุ๋ยเณร” ตะลึงถึงขั้นจัดปาร์ตี้สวิงกิ้ง

หากจะพูดถึงคดี ที่อื้อฉาวสุดในวงการสงฆ์ ที่มี “เณร” เป็นเหยื่อ คดีนี้ ขึ้นหน้าหนึ่ง "อาสาม ไทม์แมชชีน" แห่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอย้อนกลับไปวันที่ 28 เม.ย.54 หลังจาก นางแดง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ชาวบ้าน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้เข้าพบ พนักงานสอบสวน สภ.ภูเรือ เพื่อสอบถามความคืบหน้า เนื่องจากก่อนหน้านั้น ได้พา ลูกชาย ด.ช.โต้ง หรือ “สามเณรโต้ง” (นามสมมติ) ได้เข้าแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัด แห่งหนึ่ง ใน ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ พร้อมกล่าวหาว่า พระครู รายนี้ร่วมกับพวก ร่วมกันชำเราสามเณรโต้ง...

...

แม่ผู้เสียหายเล่าว่า ได้ให้ลูกชายไปบวชเรียนที่วัดดังกล่าว หวังว่าจะได้มีอนาคตที่ดี ไม่ต้องลำบากเหมือนกับแม่ แต่หลังจากไปเยี่ยมแล้ว ปรากฏว่าลูกชายมีอาการซึมเศร้า ทั้งที่ปกติเป็นคนร่าเริง ด้วยความสงสัยจึงคาดคั้นความจริง จึงยอมเล่าว่า...ขณะบวชเรียนอยู่ที่วัดกับเพื่อนสามเณรอีกหลายรูป เจ้าอาวาสก็เรียกไปพบที่กุฏิ พร้อมกับบังคับร่วมเพศทางทวารหนักจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งหลังจากนั้นก็ถูกเรียกไปกระทำลักษณะนี้อีกหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีข้าราชการคนหนึ่งในพื้นที่ร่วมอยู่ด้วย

“ที่น่าเจ็บปวดคือ มีอยู่คืนหนึ่ง เจ้าอาวาสจัดปาร์ตี้ในกุฏิ โดยเรียกพรรคพวกที่เป็นพระระดับ “ด็อกเตอร์” และก็เรียกกลุ่มสามเณรไปที่กุฏิ 5-6 รูป ก่อนที่จะร่วมรัก ในลักษณะเซ็กซ์หมู่ หลังทราบเรื่อง จึงนำลูกชายกลับบ้านและเข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุล” มารดาผู้ปกครองเด็ก กล่าว

นอกจาก สามเณรโต้งแล้ว ยังมีคดีในลักษณะคล้ายกันเกิดกับ บุตรชายนายสม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ที่ให้ลูกชายฝาแฝด อายุ 16 ปี ไปบวชโครงการบรรพชาสามเณรฤดูร้อน ระหว่างวันที่ 15-30 เม.ย.53

“ระหว่างที่หลับอยู่ ก็ถูกเจ้าอาวาสและข้าราชการอีกคนหนึ่ง เข้ามาหาที่กุฏิ จากนั้นก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทางทวารหนักจนรู้สึกเจ็บปวดมาก จึงได้หลบหนีไปอยู่ที่กระท่อม หลังทุ่งนา นานถึง 5 วัน โดยไม่ได้ฉันข้าว แต่ปีนต้นมะพร้าว เจาะทุบน้ำและเนื้อมะพร้าวมากินประทังชีวิต กระทั่ง มีชาวบ้านมาพบจึงพาส่งผู้ปกครอง”

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียก พระฉาวคนดังกล่าว ซึ่งเป็นถึงเจ้าอาวาส มาให้ปากคำพร้อมกับทนาย โดยได้แจ้งข้อหา กระทำชำเราผู้อื่น 2 คดี ทำอนาจารเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี 2 คดี และ กระทำการชำเราเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี อีก 1 คดี รวม 5 คดี ต่างกรรมต่างวาระ นอกจากนี้ ยังพระครู ที่มีดีกรี เป็นถึงด็อกเตอร์ และ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอีกแห่ง และ ชาวบ้านอีก 1 ราย โดนข้อหาด้วย

อย่างไรก็ดี หลังจากมหาเถรสมาคม ทราบเรื่อง จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เจ้าอาวาสวัดคนดัง โดยมีเจ้าคณะจังหวัดเลย ฝ่ายมหานิกาย เป็นผู้สอบ ก็พบว่าเจ้าอาวาสฉาวคนดังกล่าว ละเมิดกฎ มหาเถรสมาคม ข้อ 17 เรื่องที่ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ แต่กลับไปบวชให้สามเณร ทำให้สามเณรไม่มีใบสุทธิรองรับว่าเป็นเณร จึงทำให้เสียสิทธิต่างๆ

พระครูปริยัติวรการ เจ้าคณะอำเมืองเลย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ ระบุว่า แค่ละเมิดข้อ 17 ก็มีโทษถึงขั้นให้ปาราชิก อยู่แล้ว ส่วนกรณีการละเมิดทางเพศเณร ก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการ!

คดีความได้ดำเนินอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง วันที่ 21 ก.ค.54 อัยการจังหวัดเลย นัด 2 จำเลย มารับทราบข้อหาเพื่อสั่งฟ้อง ปรากฏว่า อดีตเจ้าอาวาสวัด ได้หลบหนีไปประเทศลาว และ ถูกจับในข้อหาหนีเข้าเมือง ขณะที่ ขณะที่ พระด็อกเตอร์ ไม่ยอมสึก แต่แล้วศาลชั้นต้น ได้ตัดสินจำคุก 12 ปี

...

ภาค 5 รวบพระฉาว 5 คดีค้ามนุษย์ ตะลึง ส่วนใหญ่เป็นสมภาร

เพื่อหาคำตอบว่าปัจจุบันยังมีเหตุลักษณะนี้ หรือไม่ อาสาม ไทม์แมชชีน ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ซึ่งได้มอบหมาย ให้ พ.ต.ท.(หญิง)จรีย์วรรณ พุทธานุรักษ์ พงส.ผนพ.กลุ่มงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งติดตามเรื่องในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา มีคดีในลักษณะการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเป็นพระ รวม 5 คดี ซึ่งมีผู้ต้องหา 7 รูป โดย 5 คดี อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อีก 1 คดี อยู่ในพื้นที่ ภาค 5 จังหวัดลำพูน ซึ่งบางครั้งตนก็ได้รับมอบหมายให้ไปทำคดีในพื้นที่ภาค 5 ด้วย

“สำหรับคดีที่เกิดขึ้น ไม่ใช่คดีที่พระล่วงละเมิดทางเพศเณร แต่เข้าข่ายในลักษณะเป็นธุระจัดหา พาไปให้พระ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าอาวาสแต่ละวัดกระทำล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย ซึ่งเด็กที่ถูกทำอนาจารนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเร่ร่อน เด็กที่เขาไม่ได้เรียนหนังสือ จะมาในรูปแบบพามาเป็นเด็กวัด แต่ไม่ได้บวชเณร”

บางส่วนเป็นพระแต๋ว รับไม่เคยเช็กประวัติว่าเคยถูกกระทำในวัยเด็ก หรือไม่  

อายุเฉลี่ยของเด็กทั้ง 5 คดี จะอยู่ที่ 14-18 ปี ซึ่งเด็กทุกคนทราบดีว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ และเต็มใจ เพื่อแลกกับเงิน หรือสิ่งของที่พระจะมอบให้ ซึ่งพระทุกรูปถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีได้ทั้งหมด โดยมีหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่หาจากโซเชียลมีเดีย และ คำสารภาพของเด็ก ซึ่งเราได้หลักฐานจากการพูดคุยในลักษณะการจัดหา และจากการสังเกตพบว่า พระที่เราดำเนินการจับกุม ก็มีลักษณะเป็นผู้ชาย แต่ก็มีบ้างที่เห็นเป็นลักษณะเพศที่ 3

...

พนักงานสอบสวนดีเด่นหญิงประจำปี 2558 เปิดเผยต่อว่า ในส่วนของความผิดของทั้ง 5 คดี แบ่งเป็นสองส่วน ถ้าเป็นคดีค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินคดีต่อคนที่เป็นธุระจัดหาในข้อหาเป็นธุระจัดหาการค้าประเวณีตามกฎหมายอาญา และผู้ต้องหาที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ ก็จะมี 3 กฎหมาย คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี การค้ามนุษย์ และคดีอาญา

เมื่อทีมข่าวฯ ถามว่า ทางเจ้าหน้าที่เคยสืบประวัติผู้ต้องหา ว่าเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็กมาก่อน หรือไม่ พ.ต.ท.(หญิง)จรีย์วรรณ ยอมรับว่า ไม่ได้เก็บข้อมูลในส่วนนี้ เพราะเราไม่ได้ซักรายละเอียดขนาดนั้น แต่จากประสบการณ์การเป็นพนักงานสอบสวนในคดีอื่นที่ไม่ใช่พระ ก็มีผู้ต้องหาบางรายยอมรับสารภาพว่าในวัยเด็กเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศมาก่อน จากนั้นจึงได้มาล่วงละเมิดทางเพศคนอื่น

“ส่วนตัวแล้วยอมรับว่าการดำเนินคดีกับพระก็รู้สึกหนักใจเหมือนกัน หากจะจับพระขังทั้งผ้าเหลืองก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเราก็เป็นชาวพุทธ ดังนั้น เวลาทำคดี จึงต้องพยายามหาพยานหลักฐานให้มากที่สุด ที่สำคัญ เมื่อมีหมายจับแล้วเราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายและให้เขาสึกต่อหน้าเจ้าคณะตำบล หลังจากนั้นก็ดำเนินการตามกฎหมายเหมือนผู้ต้องหาปกติ เขาก็มีสิทธิประกันตัว แต่ถ้าเป็นคดีล่วงละเมิดทางเพศก็ไม่มีปัญหา ยื่นประกันตัวที่ตำรวจได้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะอนุมัติหรือไม่ แต่ถ้าเป็นคดีค้ามนุษย์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่มีการอนุมัติให้ประกันตัวในการสอบสวน ต้องให้เขาไปขอประกันในชั้นศาล”

...

โฆษกสำนักพุทธศาสนา มั่นใจ ปีนี้ไม่มี “พระนอกรีต” ทำอนาจารเณร 

นอกจากนี้ ยังได้ติดต่อไปยัง นายสมชาย สุรชาตี โฆษกสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึง มาตรการการดูแลเณรบวชช่วงฤดูร้อน ว่า วัดแต่ละแห่ง มีอาจารย์ดูแลกันอยู่แล้ว สำนักพุทธฯ ก็ไม่ได้ดูแลอะไร ส่วนที่จัดการบวชเรียนในภาคฤดูร้อนใหญ่ๆ ได่แก่ พุทธมณฑล นอกจากนี้ ก็ยังมีการจัดบวชตามโครงการต่างๆ เยอะมาก โดยตัวเลขการบวชเณรหลักแสนคน เนื่องจากเรามีเงินให้การสนับสนุนอยู่ บางวัดก็บวชเป็นพันรูปแล้ว

“ที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีปัญหา พระบางรูป กระทำมิดีกับเณร ซึ่งมันก็เป็นเรื่อง 2-3 ปีมาแล้ว แต่ในปัจจุบันไม่มีปัญหาเรื่องนี้แน่ ทางเจ้าคณะเองเขาให้คำรับรองอยู่แล้ว นอกจากนี้ เจ้าอาวาสยังให้คำรับรองให้ผู้ปกครองของเด็ก ขอให้สบายใจได้ เขาจะมีการกำกับอย่างใกล้ชิด เช็กประวัติหมด ไม่ต้องห่วง”

โฆษกสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวต่อว่า หากมีผู้กระทำผิด เบื้องต้นก็จับสึก หากผู้ปกครองหรือเจ้าทุกข์ไปแจ้งความก็มีโทษทางอาญา อยู่ที่ผู้เสียหาย แต่คิดว่าปีนี้ไม่มีแน่ เพราะมีการสั่งกำชับไว้แล้ว หรือมีการอบรม เวลาประชุมเจ้าคณะวัดทั้งหลายก็แจ้งอย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทางสำนักพุทธก็กำชับในเรื่องนี้ทุกจังหวัดซึ่งจะมีการประชุมสงฆ์อยู่แล้ว โดยมีเจ้าอาวาสควบคุมกำกับดูแล พระพี่เลี้ยง มั่นใจได้ว่าปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา

สำหรับในตอนหน้าเราจะได้รับทราบถึงผลกระทบ หากเด็กชายหรือเด็กหญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศ จะมีผลลัพธ์ที่ผู้ปกครองทุกท่านควรรับทราบต่อไป...

อาสาม ไทม์แมชชีน ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

• สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์
สามารถส่งเรื่องราวหรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่ reporter.thairath@gmail.com 
หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ