ผ่านมาครึ่งทศวรรษสำหรับคดีอุกอาจกลางเมือง เมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามและเอ็ม 79 ยิงถล่มรถ “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” เจ้าของสื่อระดับประเทศ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในห้วงเวลานั้น กว่าร้อยนัด บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช ถนนสามเสน ในขณะที่รัฐบาลมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน จนทำให้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนอาการจะหายเป็นปกติ และยืนหยัดในตัวตนมาจนถึงทุกวันนี้

ปฐมบทของการลอบสังหาร!?

เช้าตรู่ ของวันที่ 17 เมษายน 2552 เกิดเสียงปืนดังกลบความเงียบ บริเวณปากซอยถนนสามเสน 7 พร้อมเสียงเครื่องยนต์ของรถ ที่เร่งเครื่องหนีกระหึ่มไปทั่วบริเวณ หลังจากเหตุการณ์สงบลง พบรถโตโยต้า เวลโฟร์ สีดำ ทะเบียน วล 89 กรุงเทพมหานคร ถูกกระสุนปืนพรุนไปทั้งคัน จากนั้นชายรูปร่างท้วม ที่เต็มไปด้วยเลือด ได้เปิดประตูลงมาจากรถ เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งใครที่เห็นก็จำได้ทันทีว่า เค้าคือ “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี

นอกจากนี้ภายในรถยังมี นายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ ถูกยิงอาการสาหัส คมกระสุนเจาะเข้าทรวงอกด้านขวาและต้นแขนขวาและศีรษะ ถูกหามส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลมิชชั่น และ นายวายุพักตร์ มัตทะสิน ผู้ติดตามได้รับบาดเจ็บกระสุนถากที่ไหล่ซ้าย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

รถพยาบาลถูกประสานให้มายังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เพื่อนำตัวทั้งหมดส่งวชิรพยาบาล ซึ่งแพทย์ ได้รีบนำตัวเข้านายสนธิ และนายอดุลย์ เข้าห้องผ่าตัดช่วยชีวิต จนอาการพ้นขีดอันตราย แต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ 

...

ตำรวจโร่ตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ!?!

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ระดมกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนอาก้าจำนวน 64 นัด กระสุนเอสเค 17 นัด เอ็ม 16 จำนวน 3 นัด ตกกระจัดกระจายเกลื่อนถนน นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนเอ็ม 79 ตกบนรถเมล์สาย 30 อีก 1 นัด โชคดีระเบิดไม่ทำงาน โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า รถของนายสนธิขับมาตามถนนสามเสน มุ่งหน้าไปทางบางลำพู เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถปิกอัพ โตโยต้าวีโก้ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ขับตามประกบ ก่อนมือปืนซึ่งอยู่ด้านหลังของรถกระบะได้ยิงใส่ล้อรถนายสนธิจนยางแตก ก่อนกราดยิงเข้าใส่รถของนายสนธิ กว่า 100 นัด จากนั้นจึงขับรถหลบหนีไป

ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ!!

การก่อเหตุอุกอาจเขย่าสังคมไทยครั้งนี้ กลายเป็นประเด็น "ทอล์กออฟเดอะทาวน์" ไปทั่วบาง  ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ไม่เว้นแม้แต่สื่อวิทยุ และโทรทัศน์ โดยสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวทั้งในจุดเกิดเหตุ และการรักษาตัวของนายสนธิ ที่วชิรพยาบาลอย่างต่อเนื่อง บางสำนักรายงานว่า เป็นฝีมือของอริทางการเมือง บ้างก็ว่า คนมีสีระดับบิ๊กของประเทศ สั่งเด็ดหัว หรือแม้กระทั่ง รายงานว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเพียง "การจัดฉาก"

พยานหลักฐานเริ่มปรากฏ!?!

เมื่อสื่อทุกแขนงต่างประโคมข่าวการลอบสังหารนายสนธิ คดีนี้จึงกลายเป็นเผือกร้อน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงส่ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ลงมาดูแลคดี จากนั้น พล.ต.อ.ธานี จึงสั่งการให้ชุดฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาหลักฐานเพื่อลากตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยด่วน กระทั่งพยานหลักฐานเริ่มผุดจากตอทีละนิด ประกอบด้วย

หลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณปั๊มบางจาก สาขาปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขาเข้า ที่สามารถบันทึกรถต้องสงสัยก่อเหตุ เป็นรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเปลือกมังคุด หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี จอดอยู่เวลา 04.45 น. ก่อนขับออกไป จากนั้นในเวลา 05.45 น. ตำรวจชุดสอบสวน พบภาพจากกล้องตรงปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่งบนถนนสายเดียวกัน แต่เป็นเส้นขาออก ซึ่งชุดสืบสวนได้จำลองเหตุการณ์ว่า รถยนต์กระบะวีโก้ได้มาจอดรถเวลาที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยมีรถที่ร่วมก่อเหตุอีกคัน เป็นรถกระบะมาสด้า ขับตามประกบรถของนายสนธิ จากบ้านพัก มาถึงยังที่จุดนัดหมาย ก่อนที่จะแท็กทีมรัวกระสุนใส่รถของนายสนธิ แบบไม่ยั้ง จากนั้นได้รีบซิ่งรถหนีไปอย่างรวดเร็ว

ซึ่งต่อมามีการยืนยันว่า กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ คันดังกล่าว เป็นรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุสังหารนายสนธิ 

นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มคนร้าย ที่พบว่ามีการติดต่อกันในช่วงก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมทั้งหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจสอบรถยนต์ของนายสนธิ และสภาพการจำลองวิถีกระสุน รวมทั้งการตรวจลายนิ้วมือแฝง และคราบเขม่าดินปืนจากรถคันที่ใช้ก่อเหตุ

...

หลักฐานจาก ปืน-กระสุน โยงทหารเอี่ยว!?!

เครื่องกระสุนทั้งหมดที่พบได้ในที่เกิดเหตุ ถูกผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ RTA = ROYAL THAI ARMY หลักฐานชิ้นนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ยอมรับว่า เป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา แต่อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น พล.ต.อ.ธานี เผยว่า ยังไม่พบแต่ก็ไม่มีผลต่อรูปคดี เนื่องจากมีพยานและหลักฐานค่อนข้างแน่นหนา

พยานปากสำคัญ ผู้ไขกุญแจ สู่การออกหมายจับ!?!

พยานบุคคล ซึ่งเป็นคนขับ และกระเป๋ารถเมล์ สาย 30 ยืนยันว่า ขณะขับรถตามหลังรถนายสนธิ มาถึงหน้าวัดเอี่ยมวรนุช เห็นรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับแซงรถคันเกิดเหตุไปจอดด้านหน้า จากนั้นคนร้ายที่นั่งกระบะท้าย 2 คน ลุกขึ้นแล้วใช้อาวุธสงครามยิงใส่รถนายสนธิ ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป

นอกจากนี้ คำให้การของเด็กปั๊มบริเวณที่เกิดเหตุอีก 2 คน ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกแอ็กชั่น ตั้งแต่คนร้ายเริ่มลงมือจนเสร็จภารกิจ ซ้ำยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด เนื่องจากคนร้ายพยายามปิดปากด้วยการป้อนกระสุนเข้าใส่ ยังกลายเป็นกุญแจดอกสำคัญ สู่การออกหมายจับ ผู้ต้องหา ประกอบด้วย ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส.ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี และ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารศูนย์สังกัดสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ซึ่งต่อมาผู้ต้องหารายท้ายสุด จ.ส.อ.ปัญญา ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ภายในบ้านพัก

จากวันนั้นจนวันนี้ เวลาได้ล่วงเลยครบ 5 ขวบปี ความคืบหน้าของคดีแทบจะไม่มีออกมาให้สังคมได้รับทราบ กระทั่งผู้ต้องที่เหลือทั้งสองรายก็ยังไม่มีการถูกผูกแขนสเตนเลส เข้าห้องสายบัว เพื่อรับโทษทัณฑ์ แม้คดียังไม่หมดอายุความ ท่ามกลางสารพัดปมที่ยังรอการคลี่คลายจากเจ้าหน้าที่

...

โดยเฉพาะที่สำคัญคือ "ตัวการใหญ่" ผู้บงการอยู่เบื้องหลังสั่งลอบสังหาร นายสนธิ ยังคงลอยนวลต่อไปในบ้านเมือง.