เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงผู้สูงอายุที่ได้รับรางวัล “ผู้สูงอายุแห่งชาติ 2568” และรางวัลเกียรติคุณ “ครอบครัวร่มเย็น” ด้วยความปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่ก็ทิ้งท้ายคอลัมน์ว่า ในท่ามกลางความยินดีนั้นก็มีความอาลัยรวมอยู่ด้วย

เพราะมีผู้สูงอายุที่สังคมไทยรู้จักและยกย่องเป็นอย่างมากในฐานะบุคคล “ระดับชาติ” ต้องอำลาจากไปในช่วงก่อนเล็กน้อยและในวันผู้สูงอายุแห่งชาติพอดี ถึง 2 ท่านด้วยกัน

ท่านที่อำลาไปก่อนวันผู้สูงอายุสัปดาห์เดียวเท่านั้นก็คือ คุณแม่ ผ่องศรี วรนุช ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยลูกทุ่ง) ประจำปี 2535 ที่แฟนๆลูกทุ่งรู้จักอย่างดียิ่งนั่นเอง

ท่านจากไปเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ก่อนวันผู้สูงอายุ 2568 หนึ่งสัปดาห์ด้วยโรคมะเร็งในปอด สิริอายุ 85 ปี กับ 10 เดือน หลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายครั้ง

คุณแม่ผ่องศรีได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชินีลูกทุ่ง” คนแรกของประเทศไทย ด้วยผลงานเพลงที่ท็อปฮิตติดอยู่ในความทรงจำของแฟนๆหลายสิบเพลง ซึ่งยังคงความไพเราะอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้

ได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากพระหัตถ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึง 2 ครั้ง จากเพลง “กลับบ้านเถิดพี่” เมื่อ พ.ศ.2509 และเพลง “โธ่ผู้ชาย” เมื่อ พ.ศ.2522

ได้รับพระราชทานรางวัลเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง “กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย” ครั้งที่ 1 ด้วยเพลง “ไหนว่าไม่ลืม” และเพลง “ฝากดิน” เมื่อ พ.ศ.2532 และครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2534 ในเพลง “ด่วนพิศวาท” จากพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้ง 2 ครั้ง

โดยส่วนตัวผมเองชอบเพลง “ฝากดิน” มากที่สุด เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักจากใจ” ของ รังสี ทัศนพยัคฆ์ ซึ่งตั้งใจจะสร้างให้เป็น “มนต์รักลูกทุ่ง” ภาค 2 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก ทั้งๆที่มีเพลงไพเราะมากๆหลายเพลงรวมทั้ง “ฝากดิน” ที่ผ่องศรีร้องแทนนางเอกในเรื่องดังกล่าว

...

ขอขอบพระคุณคุณแม่ผ่องศรีไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง สำหรับเสียงเพลงที่แม่ได้ขับร้องกล่อมประชาชนชาวไทยมากว่า 60 ปี ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ที่ประเทศไทยของเราต้องเผชิญในอดีตที่ผ่านมา

ผู้สูงอายุอีกท่านที่ได้จากไป เมื่อวันที่ 12 เมษายน แต่มีการรายงานข่าวในวันที่ 13 เมษายน วันผู้สูงอายุพอดีนั้น ได้แก่ คุณหมอ เฉก ธนะสิริ ผู้รณรงค์ และเป็นตัวอย่างแก่ผู้สูงอายุทั้งหลายในการเดินหน้าไปสู่อายุ 120 ปี ซึ่งท่านเชื่อว่ามนุษย์เราสามารถไปถึงได้ในทางวิทยาศาสตร์

คุณหมอเฉกจากไปด้วยวัย 99 ปีเศษ ขาดอีกเพียง 6 เดือนกับไม่กี่วันเท่านั้นก็จะมีอายุครบ 100 ปี

ในรายงานข่าวมิได้ระบุสาเหตุแห่งการถึงแก่กรรมของท่านไว้ ผมขอฝากให้นายแพทย์รุ่นหลังกรุณาสอบถามทางญาติเพื่อบันทึกสาเหตุเอาไว้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาถึงวิธีการยืดอายุผู้สูงอายุที่ยืนยาวออกไปอีกตามเจตนารมณ์ของท่าน

หลักการที่ท่านเคยสรุปไว้และกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพม. เคยจัดพิมพ์เผยแพร่ มีข้อสำคัญๆดังนี้ครับ

1.ดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี 2.ทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บไม่นอนป่วย 3.กินแบบช้าง ม้า วัว ควาย กินเนื้อสัตว์ให้น้อยที่สุด 4.ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ 5.รักษาสัดส่วนน้ำหนักให้คงที่แบบเป๊ะๆ 6.วิ่งวันละ 5 กม. เพื่อหัวใจและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง

7.ยิ่งแก่ยิ่งอย่าหมดไฟในการใช้ชีวิต ทดลองใช้ชีวิตกับสิ่งใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ 8.สร้างความสุขด้วยการไม่เครียดไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ ไม่คิดชั่ว 9.ไม่มีเรื่องต้องเสียดายในชีวิต 10.เฝ้ามองความก้าวหน้าของลูกๆหลานๆ และ 11.ตัวเราเป็นต้นแบบของเราเอง ไม่ต้องไปหาจากใคร

นี่คือบัญญัติ 11 ประการที่คุณหมอเฉก ธนะสิริ เคยแนะนำไว้และปฏิบัติด้วยตัวท่านเอง...แม้จะไปไม่ถึงอายุ 120 ปี ตามที่ท่านคาดหวัง แต่การมีอายุถึง 99 ปีเศษก็ถือว่าชีวิตนี้มีกำไรมากแล้ว และเป็นเป้าหมายที่หลายๆคนอยากไปให้ถึงเช่นกัน

ด้วยความขอบคุณ ด้วยความเคารพและอาลัยยิ่งแด่เจ้าของฉายา “คุณปู่ 5 แผ่นดิน” จากลูกหลานและพวกเราชาวสื่อมวลชน.

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม