ทีมกู้ภัยพบศพร่างเหยื่อเพศหญิงใต้ซาก อาคาร สตง.ที่ถล่มเพิ่มอีก 2 รวมเป็น 13 ศพ ยังสูญหายอีก 73 ราย ส่งตรวจอัตลักษณ์ที่ นิติเวช รพ.ตำรวจ “ชัชชาติ”ยันยังไม่หมดหวังพบผู้รอดชีวิตถึงแม้ว่าครบ 72 ชม.แล้ว ทีมกู้ภัยทั้งไทย-เทศยังลุยค้นหาต่อเนื่อง “นายกฯอิ๊งค์” ลงพื้นที่เกิดเหตุหลังจากนั้นรีบเดินทางกลับ รองผู้ว่าฯ กทม.แจง เพราะทีมกู้ภัยพบสัญญาณชีพ ใต้อาคารเลยต้องการความเงียบ นายกฯเปิดทางให้เร่ง ทำงานขอเดินทางกลับ กระทรวงอุตสาหกรรมเชิญหลาย หน่วยงานตรวจสอบคุณภาพเหล็กที่ใช้ก่อสร้างตึก สตง. พบผลิตมาจาก 3 บริษัท เร่งผลการตรวจสอบว่าเป็นบวกหรือลบ ถ้าไม่ผ่านมาตรฐาน มอก.ฟันไม่เลี้ยงแน่ กระทรวงพาณิชย์ส่งทีมไปบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ที่ได้สัมปทานร่วมสร้างตึกที่ถล่ม ตะลึงไม่มีคนทำงาน เร่งตรวจสอบทั้งผู้ถือหุ้นและกรรมการทุกคน ละเอียดยิบ ขุดประเด็นมีนอมินีหรือไม่ ด้านอิตาเลียนไทย แจ้งตลาดหลักทรัพย์แสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียตึก สตง.ถล่ม พร้อมให้ความช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเต็มที่ ส่วนสถานการณ์ที่ประเทศเมียนมาพบผู้เสียชีวิตแล้ว 2,056 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 3,900 คน และสูญหายมากกว่า 270 คนกรณีเกิดแผ่นดินไหวบริเวณเมืองลอยกอ ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ลึกลงไปประมาณ 10 กม. วัดความรุนแรงขนาด 8.2 นอกจากจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้ตึกรามบ้านช่องและสาธารณูปโภคในประเทศเมียนมาแล้ว แรงสั่นสะเทือนยังแผ่ลงมาถึงพื้นที่ประเทศไทย ตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ ที่ห่างจากจุดแผ่นดินไหวในเมืองมัณฑะเลย์ประมาณ 800 กม.ลงมาถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร สร้างความแตกตื่นให้ผู้ที่อยู่บนอาคารสูง พากันหนีออกมาบนพื้นราบ เนื่องจากไม่เคยประสบภัยแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้แรงสั่นสะเทือนยังทำให้อาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่มลงมา มีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนับร้อยคน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างเร่งช่วยเหลือ ผู้ที่ยังมีสัญญาณชีพที่ติดค้างอยู่ใต้ซากปรักหักพังออกมาอย่างเร่งด่วนทีมกู้ภัย USAR ทำงานต่อเนื่องความคืบหน้าเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 30 มี.ค. บริเวณจุดเกิดเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย USAR Thailand นำอุปกรณ์ขึ้นกระเช้าเครนไปยังด้านบนซากอาคารถล่มเพื่อค้นหาผู้สูญหาย หลังมีรายงานว่าพบสัญญาณชีพผู้ติดค้าง แต่เจ้าหน้าที่ใช้ได้แค่เครื่องมือเบาขึ้นไปค้นหา ส่วนเครื่องจักรขนาดใหญ่ใช้รอบนอกเกรงกระทบโครงสร้าง นอกจากนี้ยังใช้โดรนตรวจสอบบนซากอาคารใช้เวลากว่า 2 ชม. หลังจากนั้นนำข้อมูล มาสรุปความคืบหน้าที่กองอำนวยการร่วมครบ 72 ชม.แต่ยังไม่หมดหวังที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แผ่นดินไหวกรุงเทพ มหานคร เวลา 10.00 น. วันที่ 31 มี.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามผลกระทบสถานการณ์แผ่นดินไหวในส่วนที่อาคาร สตง.ถล่มว่า วันที่ 31 มี.ค. จะครบ 72 ชม. ถือเป็นช่วงวิกฤติในการค้นหาผู้รอดชีวิต สั่งการให้เดินหน้าต่อ ประชุมกับผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเข้ามาช่วย คิดว่ายังมีโอกาสพบผู้รอดชีวิต ปรับยุทธวิธีตลอด จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาในโลก แม้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ยังมีผู้รอดชีวิต เรายังไม่หมดหวัง จะกี่ชีวิตหรือชีวิตเดียวก็มีค่า เราต้องพยายามต่อ จะเน้นตรวจสอบ โซนบีและโซนซี ซึ่งเป็นปล่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ จากการสอบถามที่รอดมาเป็นคนที่วิ่งออกทางบันไดหนีไฟผู้เชี่ยวชาญระดับโลกร่วมวางแผน“ขณะนี้มีหลายชาติเข้ามาร่วม มีผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ส่วนที่มีคนบ่นว่าการทำงานล่าช้า ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ต้องทำอย่างระมัดระวังและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตอนนี้หน้างานมีคนพร้อมอุปกรณ์พร้อม ส่วนเรื่องปัญหาที่อาจเป็นไปได้คือ ปัญหาเศษปูนที่ตกลงมาเป็นผง ถ้าฝนตกแรงอาจสะสมแข็งตัวเป็นก้อนหนักขึ้น แต่ไม่ใช่ปัญหาหลักของทีมกู้ภัย สำหรับการขอระดมอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างมีเต็มหน้างาน ขณะนี้มีครบถ้วนทั้งเครน 600 ตัน 500 ตัน รอสแตนด์บาย ส่วนการบริจาคไม่ได้มีอะไรที่ต้องการ น้ำอาหาร ของบริจาคเต็มพื้นที่อยู่แล้ว” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวให้ทหารคุมพื้นที่คนเข้าออกนายชัชชาติกล่าวด้วยว่า สำหรับข้อจำกัดแรกคือ การกำหนดจุดผู้รอดชีวิต ไม่ใช่กำหนดง่ายๆเพราะมองไม่เห็น ต้องใช้ตัวสแกนมีจุดที่เห็น 3-4 คน แต่ไม่แน่ใจว่าจะรอดชีวิตหรือไม่ ส่วนพื้นราบ 2-3 วันแรกใช้ K9 เข้าไปคอนเฟิร์มบนซากปรักหักพังได้เลย และต้องใช้คนขึ้นกระเช้าเครนไปหย่อนทีมทำงานครั้งละ 20 นาที เพราะเหนื่อย ต้องระวังเรื่องการสไลด์ อุปสรรคการรื้อโครงสร้างต่างๆที่ยุบตัวลงมาแบบแผ่นแพนเค้กฝังทับกัน มีผู้อยู่ด้านล่างต้องเจาะเข้าไป ทีมจากนานาชาติต้องทำเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขอเน้นย้ำว่าพื้นที่นี้ห้ามเข้าไปตามกฎหมาย ห้ามบุคคลเข้าออก คนที่นำเอกสารออกมาถือว่าผิดกฎหมายแจ้งความแล้ว มีหน่วยงานทหารควบคุมการเข้าออก ส่วนการนำวัสดุออกมาเพื่อตรวจสอบคงต้องเป็นหน้าที่ของภาครัฐ ขอให้ลงทะเบียนชัดเจนว่า เอาอะไรออกไปเพราะเป็นทรัพย์สินของ สตง. ส่วนซากปรักหักพังประมาณ 20,000 - 50,000 ลูกบาศก์เมตร จัดเตรียมสถานที่รองรับไว้แล้วอาคาร 11,517 แห่งไม่มีปัญหาเวลา 19.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ กทม. นางทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. แถลงว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองตลอดจนวิศวกรของ กทม.ยังดำเนินการตรวจอาคารที่ได้รับแจ้งจากประชาชนอยู่ ขอให้มั่นใจ รับแจ้งเหตุอาคารมีรอยร้าว 14,430 แห่ง ในจำนวนนี้ กทม. ตรวจสอบจนเหลือเพียง 2,426 แห่งเท่ากับ 81 เปอร์เซ็นต์ เป็นอาคารสีเขียว 11,517 แห่ง แจ้งระงับการใช้อาคารความเสี่ยงสูงเพียง 2 อาคาร จัดหาที่พักให้ทั้งหมด ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องของเจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคารดำเนินการประสานผู้ตรวจสอบอาคารดำเนินการ กทม.แจ้งเจ้าของอาคารให้ตรวจสอบกว่า 5,000 โครงการแล้วศูนย์พักพิงของ กทม.ยังว่างเพียบ“ส่วนการดูแลช่วยเหลือประชาชนและการเยียวยา ขณะนี้ กทม.เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวได้แก่ ศูนย์พักพิง กทม. 3 แห่งคือ ศูนย์บริการผู้สูงอายุดินแดงรองรับได้ประมาณ 70 คน มีเข้าพักอยู่ 21 คนยังว่างอยู่ 49 ที่ หรือศูนย์พักพิง โรงเรียนวัดเสมียนนารีเขตจตุจักร รองรับได้ 150 คน ยังว่างอีก 150 ที่ และศูนย์พักพิงคอยญาติผู้ประสบภัยเขตจตุจักร เข้าพักอยู่ขณะนี้ 39 คน อยากให้ภาคประชาชนมั่นใจว่ากรุงเทพมหานครยังคงตรวจสอบทุกพื้นที่อยู่อย่างเคร่งครัด เรายังไม่ได้หยุดรับความกังวลและแจ้งเหตุมา” นางทวิดากล่าวดูแลญาติแรงงานเต็มที่ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวต่อว่า อุปสรรคที่พบคือ ญาติผู้สูญหายต้องดูแล เป็นบุคคลพิเศษเพราะเขาสูญเสีย จึงจัดสถานที่ให้พักนำล่ามภาษาเมียนมามาช่วย รวมถึง พี่น้องชาวลาวต้องดูแลเต็มที่ มีอาหารเตียงนอน มีภาคเอกชนเข้ามาดูแลด้วย ตอนนี้สั่งการให้ทำบัตรแจกเพื่อตรวจสอบคนเข้าออกพื้นที่อย่างรัดกุม สำหรับอาคาร 2 แห่งที่อยู่เกณฑ์สีแดง ยังไม่สามารถให้เข้าไปพักอาศัย เท่าที่ได้รับรายงานเสียหายจากตัวเสาและกำแพง เจ้าของอาคารต้องเสนอวิธีซ่อมเข้ามาให้สำนักการโยธาฯไปตรวจสอบ ขณะนี้มีอาคารที่ออกคำสั่งให้เข้าไปตรวจสอบประมาณ 12,000 อาคาร หน้าที่ในการประเมินความปลอดภัยต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าของอาคารก่อน ต้องแบ่งเบาภาระกันมั่นใจอาคารใน กทม.แข็งแรง“เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องขอบคุณวิศวกรอาสามากกว่า 158 คน ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้จะไม่เพียงพอ ขอให้ความมั่นใจว่าอาคารในกรุงเทพมหานคร กฎหมาย กำหนดให้ออกแบบให้มีความแข็งแรงต่อแผ่นดินไหว อาคารเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์กำลังก่อสร้าง ยกเว้นที่ถล่มลงมามีมาตรฐาน เราต้องมั่นใจในมาตรฐานและสร้างความมั่นใจให้ทั่วโลกรู้ สำหรับการกอบกู้เราไม่มีเงื่อนเวลาขอให้ทำให้เต็มที่ ทีมงานทุกคนมีขวัญกำลังใจจะเดินหน้าต่อไป” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวนายกฯชี้ 2-3 วันได้คำตอบตึกถล่มเวลา 11.31 น. ที่ศูนย์ Thailand Investment and Expat Services Center (TIESC) ชั้น 7 อาคาร One Bangkok น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจตึก สตง.ถล่มว่า ตนและรัฐมนตรีทุกคนพร้อมตรวจสอบทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์การออกแบบ การตรวจแบบ โรงงานวัสดุก่อสร้าง และวัสดุ รวมถึง รมว.มหาดไทย และ รมว.อุตสาหกรรม ไปดูรายละเอียดวัสดุในไซต์งานก่อสร้างเก็บตัวอย่างออกมาแล้ว ดำเนินการอย่างเต็มที่คิดว่าน่าจะได้คำตอบบ้างใน 2-3 วัน ถามว่าจะแบนบริษัทเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า สอบถาม รมว.อุตสาหกรรมอยู่ว่า เป็นอย่างไร เพราะมีบางบริษัทยังถูกปิดชั่วคราว ต้องดูว่าใช่หรือไม่ ขอให้มีข้อมูลชัดกว่านี้ก่อนจะดำเนินการอย่างเต็มที่แน่นอนตามกฎหมาย ไม่มีละเว้น“นายกฯอิ๊งค์” ดูที่เกิดเหตุต่อมาเวลา 12.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมายังจุดเกิดเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม เพื่อติดตามภารกิจการช่วยเหลือผู้ติดค้างใต้ซากอาคาร พูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและอาสากู้ภัย ขณะกำลังเดินเข้าประตูมีตัวแทนกลุ่มพันธมิตรแรงงานต่างประเทศเข้าพูดคุยและก้มกราบเท้า น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่า จะให้ความช่วยเหลือแรงงานทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นนายกฯเข้าไปสอบถามสถานการณ์ด้านในประมาณ 20 นาทีจึงเดินทางกลับ สตง.นำแปลนตึกมาให้แล้วขณะเดียวกัน มีตัวแทนเจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน นำเอกสารจำนวนหนึ่งเข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม.เผยว่า เอกสารที่เจ้าหน้าที่ สตง.นำมาวันนี้คือแบบแปลนอาคาร สตง.ที่กำลังก่อสร้าง จะระบุตำแหน่งและจุดสำคัญต่างๆในอาคาร เช่น บันไดหนีไฟและลิฟต์ ข้อมูลชุดนี้จะนำมาใช้ในการหารือและวิเคราะห์ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย สำหรับใช้เป็นแนวทางค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายให้รวดเร็ว จะพิจารณาว่าพื้นที่ บริเวณชั้นใดหรือจุดใดของอาคารใช้งานอย่างไรนายกฯกลับเร็วเปิดทางหาคนรอด“ส่วนภารกิจการค้นหาผู้ติดค้างภายใต้ซากอาคาร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งปฏิบัติการช่วยเหลือผู้สูญหายอย่างเต็มที่ สาเหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากพื้นที่หลังเข้ามาติดตามความคืบหน้าภารกิจเพียง 20 นาที เนื่องจากคณะทำงานตรวจจับสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้ 1 คน ต้องอาศัยความเงียบตรวจสอบสัญญาณชีพที่ยังอ่อน ทำให้ต้องเดินทางกลับเพื่อไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติงานที่ต้องการความเงียบ ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศและทีมกู้ภัยกำลังปรึกษาหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมที่สุด” รศ.ทวิดากล่าวยันทีมกู้ภัยไม่ได้ทำงานช้ารศ.ทวิดายืนยันด้วยว่า การช่วยเหลือไม่ได้ล่าช้า เนื่องจากเพิ่งตรวจพบสัญญาณชีพผู้สูญหาย ส่วนกรอบเวลา 72 ชม.ขอให้เข้าใจว่าเป็นหลักทางการแพทย์สากลที่บ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่มีโอกาสช่วยเหลือผู้สูญหายและมีอัตราการรอดชีวิตสูงสุด แม้จะเลยกรอบเวลาแล้วทีมค้นหายังคงไม่หยุดปฏิบัติงาน แต่โอกาสที่ผู้สูญหายจะอ่อนแอลงมากขึ้นเรื่อยๆ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา หากมีเหตุเร่งด่วนจะแถลงข่าวอีกครั้งพบร่างผู้หญิงเพิ่มเป็นคนที่ 12เวลา 14.00 น. หน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คนบริเวณโซนบี นับเป็นศพที่ 12 เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ ด้านนายสมบูรณ์ พาพันธ์ อายุ 40 ปี กล่าวว่า ตนมาเฝ้าการปฏิบัติงานของกู้ชีพกู้ภัยตั้งแต่วันเกิดเหตุ เนื่องจากว่าน้องสาว นางวิภาคำ พรมภักดี อายุ 40 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ พนักงานกดลิฟต์บริษัทอิตาเลียนไทยฯทำงานอยู่ชั้น 29 หายตัวไป ตนยังโทรศัพท์คุยกับน้องสาวอยู่เลย แต่หลังเกิดเหตุโทร.ไปไม่มีคนรับสาย ช่วงเย็นวานเจ้าหน้าที่พบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์น้องสาวในโซนซีใกล้กับช่องลิฟต์ ตนยังคงหวังพึ่งปาฏิหาริย์ เพราะได้คุยกับพี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์แล้ว บอกว่าพบสัญญาณชีพใกล้ช่องลิฟต์เจอร่างหญิงในซากเป็นรายที่ 13เวลา 17.00 น. รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม เพียงแต่ตอนแรกที่ได้ให้ข้อมูลว่าเจอสัญญาณชีพนำออกมาแล้ว แต่คือร่างของผู้เสียชีวิตรายที่ 12 ส่วนการทำงานร่วมกับทีมกู้ภัยนานาชาติที่เข้ามาช่วยค่อนข้างเยอะ ทั้งสหรัฐอเมริกา อิสราเอล จีน ไต้หวัน และจากฝรั่งเศส มีการแบ่งโซนตามความชำนาญ เพราะบางทีมชำนาญสแกนหาระบุตำแหน่ง บางทีมมีความสามารถเคลียร์พื้นที่ มีรายงานเมื่อเวลา 17.50 น. ด้วยว่า หน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงอีก 1 ศพ บริเวณโซนดีนำออกมาได้แล้ว นับเป็นศพที่ 13 ส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป ทำให้มียอดสูญหายอีก 73 รายหลายหน่วยงานตรวจคุณภาพเหล็กผู้สื่อข่าวรายงานจาก สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เวลา 14.00 น. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผอ.สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย นายกิจพัฒน์ ภู่วรวรรณ กรรมการวิศวกรรมโยธาและประธานคณะอนุกรรมการโครงสร้างเหล็ก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นายเติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) นายเอกรัตน์ ไวยนิตย์ นักวิจัยอาวุโส ผอ.กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ และนายณัฐพล สุทธิธรรม อนุกรรมการสาขาโครงสร้างเหล็กวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย นำตัวอย่างเหล็กเส้นที่เก็บจากตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ดำเนินการตรวจสอบว่า เป็นไปตามคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่ตรวจเหล็ก 7 ประเภทจาก 3 บริษัทน.ส.ฐิติภัสร์เผยว่า เหล็กเส้นที่เก็บมาจากที่เกิดเหตุมาตรวจสอบคุณภาพมีจำนวน 28 เส้น 7 ประเภท ประกอบด้วย เหล็กข้ออ้อยขนาด 12 มิลลิเมตร (มม. 3 เส้น เหล็กข้ออ้อยขนาด 16 มม. 3 เส้น เหล็กข้ออ้อยขนาด 20 มม. 6 เส้น เหล็กข้ออ้อยขนาด 25 มม. 2 เส้น เหล็กข้ออ้อยขนาด 32 มม. 7 เส้น เหล็กเส้นกลมขนาด 9 มม. 2 เส้น ลวดสลิงขนาด 15.2 มม. 5 เส้น จาก 3 บริษัทคือ SKY (บริษัทซินเคอหยวนเป็นผู้ผลิตจากจีน) TATA (บริษัททาทา สตีล ผู้ผลิตจากอินเดีย) และ TYS (เครือบริษัทไทยคูณ ผู้ผลิตจากจีนร่วมทุนกับไทย)ถ้าเหล็กไม่ได้มาตรฐานเอาผิดแน่“เวลานี้เรายังไม่สามารถปรักปรำทั้ง 3 บริษัทได้จนกว่าผลการตรวจออกมาอย่างเป็นทางการ และให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ยืนยันอีกครั้งว่าผลของเหล็กเป็นบวกหรือลบ ขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพเหล็กแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกนำเหล็กทุกท่อนที่เก็บมาจากจุดเกิดเหตุมาตัดเป็นท่อนขนาด 1 ซม. แล้วนำไปตีแบนก่อนนำไปวิเคราะห์หาค่าองค์ประกอบทางเคมีในเหล็ก ส่วนที่สองจะนำเหล็กเส้นมาวัดขนาดความยาว และชั่งน้ำหนักก่อนนำมาคำนวณค่ามวลต่อเมตรว่าเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.หรือไม่ ผลการตรวจสอบเหล็กเส้นคาดว่าใช้เวลาตรวจให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 มี.ค. หลังจากนั้นจะแจ้งให้สาธารณชนทราบต่อไป หากตรวจพบว่าเหล็กไม่ได้มาตรฐานตาม มอก.จะตรวจสอบไปถึงผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าและดำเนินการให้ถึงที่สุด แต่ถ้าผลการตรวจสอบออกมาพบว่าถูกต้องตามมาตรฐาน มอก.ต้องแจ้งให้ทุกคนทราบ เพื่อความเป็นธรรมของผู้ประกอบการ” น.ส.ฐิติภัสร์กล่าว“สุริยะ” เลี่ยงตอบสั่งแบล็กลิสต์ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ตอบข้อถามกรณีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือไอทีดี ซึ่งได้งานตึกสำนักงาน สตง.ที่ถล่มต้องถูกแบล็กลิสต์หรือไม่ เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันซ้ำซาก นายสุริยะกล่าวว่า เรื่องแบล็กลิสต์กระทรวงคมนาคมก็ห่วงใย ส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมมีการจัดลำดับชั้นผู้รับเหมา ที่ผ่านมาเมื่อถูกปรับชั้นขึ้นไปแล้วไม่เคยถูกปรับลงผลงานไม่ดียังอยู่ในชั้นพิเศษ ควรจะมีเรื่องสมุดพก สัญญาในปัจจุบันกรณีผู้รับเหมาทำผิดสัญญา เช่น งานล่าช้าจะถูกปรับเท่าไหร่ แต่ไม่มีเรื่องของความปลอดภัยไว้เลย ฉะนั้นสัญญาจากนี้ต่อไปได้คุยกับกรมบัญชีกลางแล้ว ถ้างานในสัญญามีการบาดเจ็บหรือทำให้มีผู้เสียชีวิตจะถูกหักกี่คะแนน ถ้าถูกหักจนถึงเกณฑ์ที่ว่าจะถูกแบล็กลิสต์ จะเริ่มใช้กับสัญญาใหม่ๆประชุมบริษัทรับเหมาเรื่องเยียวยาด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.00 น. ประชุมวอร์รูมคณะทำงานศูนย์ประสานงานและช่วยเหลือแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว หารือกับผู้แทนบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศ ไทย) จำกัด เป็นบริษัทร่วมดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง.แห่งใหม่ เพื่อขอทราบจำนวนคนงานที่เป็นผู้ประกันตน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา กระทรวงแรงงานฐานะหน่วยงานที่ดูแลนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนจะร่วมดูแลสิทธิประโยชน์ทดแทน ขณะนี้ต้องรอเอกสารยืนยันสิทธิของแต่ละคนเพราะยังติดใต้ซากตึกอีกมาก คนงานวันเกิดเหตุเข้าพื้นที่ประมาณ 100 คนแรงงานตายรับคนละ 1.7 ล้านบาทนายบุญสงค์กล่าวอีกว่า ช่วงบ่ายวันนี้จะประชุมบอร์ดประกันสังคมเพื่อพิจารณามาตรการเยียวยาลูกจ้างว่างงาน บาดเจ็บ และเสียชีวิตจาก แผ่นดินไหวตึกถล่ม จากข้อมูลเบื้องต้นกระทรวงแรงงานจะดูแลจ่ายชดเชยเยียวยาให้ญาติผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ประกันตนรายละประมาณ 1,730,000 บาท กรณีบาดเจ็บจะรักษาจนสิ้นสุดการรักษา ส่วนที่ปลอดภัยแล้วแต่ต้องกลับไปอยู่บ้านไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากปิดบริษัท จะเยียวยาค่าวางงานให้อัตรา 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน หรือประมาณ 7,500 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 6 เดือนเจอเหล็กไม่ได้มาตรฐาน 13 ท่อนที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เวลา 19.00 น. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม เผยผลการนำตัวอย่างเหล็กเส้น 28 ท่อน จากตึก สตง.ถล่มมาตรวจสอบคุณภาพว่าเหล็กที่นำมาตรวจสอบ 28 ท่อน 7 ไซส์ได้มาตรฐาน 15 ท่อน 5 ไซส์ ไม่ได้มาตรฐาน 13 ท่อน 2 ไซส์ คือ ไซส์ 20 มม.และ 32 มม. ทั้ง 2 ไซส์มาจากบริษัทเดียวกัน เป็นบริษัทเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งปิดไปช่วงเดือน ธ.ค.67 เนื่องจากจำหน่ายเหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐาน หลังจากนี้จะกลับไปนำตัวอย่างเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อให้มีหลักฐานเพียงพอ เหล็กที่ไม่ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบครั้งนี้เราจะไปดูว่า เป็นเหล็กที่ผลิตระหว่างที่เราสั่งปิดหรือไม่ อย่างไร เพราะเราสั่งปิดไปประมาณ 4 เดือนแล้ว แต่ดูจากเหล็กน่าจะประมาณ 5 เดือนต้องตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง หากพบว่าลักลอบนำเหล็กไม่ได้มาตรฐานมาใช้จะถูกดำเนินคดี ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว แต่แม้ว่าเหล็กที่เรา ตรวจสอบจะพบว่า ไม่ได้มาตรฐานบางส่วน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุหลักทำให้อาคาร สตง.ถล่มรมว.แรงงานตรวจดูตึก สตง.ถล่มเวลา 16.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ตึก สตง.ถล่ม เผยว่า มาดูความเดือดร้อนของพี่น้องแรงงานที่ได้รับผลกระทบ หากผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 จะได้รับการดูแลตามสิทธิสูงสุดเต็มที่ เงินเยียวยาประมาณเกือบ 2 ล้านบาท ส่วนคนไม่ได้อยู่ในสิทธิ บริษัทรับเหมาต้องรับผิดชอบ แต่กระทรวงจะช่วยก่อน รวมถึงมีการประสานล่ามมายังจุดอำนวยการ ศูนย์ประสานงานตั้งอยู่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเจเจมอลล์ เปิดให้บริการตลอด 24 ชม. นอกจากที่จุดเกิดเหตุยังติดต่อที่สำนักงานเขตทั้ง 12 เขตทั่ว กทม. ส่วนต่างจังหวัดติดต่อได้ที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ประจำจังหวัดได้ทั้งหมด ในส่วนผู้รับเหมาตอนนี้ยังอยู่ระหว่างประสานข้อมูล โดยเฉพาะผู้รับเหมาที่รับช่วงต่อ ยังไม่แน่ใจว่ามีกี่รายต้องขอรายชื่อมาทั้งหมด เพราะการพิสูจน์อัตลักษณ์ตอนนี้อาจทำได้ยาก รายชื่อแรงงานทั้งหมดจึงสำคัญ ส่วนการจ้างงานหากพบผิดกฎหมาย เช่น การใช้แรงงานเด็กต่ำกว่า 18 ปีต้องดำเนินคดี แต่สำหรับบุคคลที่อายุเกิน 60 ปี หากสมัครใจทำงานไม่มีความผิดอิตาเลียนไทยเยียวยาเจ็บ-ตายบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ส่งเอกสารชี้แจงถึงกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงวันที่ 31 มี.ค.ว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. เป็นเหตุทำให้โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระหว่างก่อสร้างถล่มเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้บาดเจ็บ บริษัทเป็นหนึ่งในกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี บริษัทดำเนินการจัดทีมวิศวกร เครื่องจักรกลต่างๆ ร่วมสนับสนุนหน่วยงานราชการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง พร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วนดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยชดเชยเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไปตรวจบริษัทจีนพบปิดเงียบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เผยว่า บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นคู่สัญญาก่อสร้างอาคาร สตง.ที่ถล่ม มีข้อสงสัยว่า เป็นธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) หรือไม่ ตนสั่งการให้คณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศฝ่าฝืนกฎหมาย มี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็น ประธานคณะทำงานเร่งลงพื้นที่และตรวจสอบเรื่องธุรกิจนอมินีแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ลงพื้นที่สำนักงานใหญ่บริษัท แขวงบางมด เขตทุ่งครุ ปรากฏว่าสำนักงานปิดเงียบ ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียนนิติบุคคลได้ คณะทำงานนัดประชุมหารือวันที่ 1 เม.ย. เพื่อเร่งขยายผลโดยเร็วดูสถานะผู้ถือหุ้นนอมินีหรือไม่“นอกจากนี้ มอบให้คณะทำงานเร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เคร่งครัด และรัดกุม หากพบเป็นธุรกิจนอมินี หรือมีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวต้องดำเนินการตามกฎหมาย นำผู้กระทำผิด มาลงโทษขั้นสูงสุดคือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.61 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียนคือ ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย และวัตถุประสงค์ที่มาจากงบการเงินปีล่าสุด (ปี 67) คือ บริการด้านทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้างอาคาร อาคารพาณิชย์ ที่พักอาศัย สถานที่ทำการ ทางรถไฟรถสาธารณะ มีกรรมการ 2 คนคือ 1.นายชวนหลิง จาง (ถือหุ้น 49%) และ 2.นายโสภณ มีชัย (ถือหุ้น 51%) และขยายผลการตรวจสอบนิติบุคคลอื่นซึ่งมีที่ตั้งเดียวกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ รวมทั้งนิติบุคคลอื่นที่มีกรรมการและผู้ถือหุ้นชื่อเดียวกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯอีก 13 คนด้วย” รมว.พาณิชย์กล่าวผู้ว่าการ สตง.เครียดอาคารถล่มเวลา 16.25 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานเเก้ว รอง ผบช.ก. เผยหลังตรวจสอบอาคาร สตง.ถล่มว่า เบื้องต้นพูดคุยกับผู้ว่าการ สตง.มีอาการเครียดและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่อยากให้ข้อมูลใดๆตอนนี้ ประกอบกับเพิ่งมารับตำแหน่ง ถามว่าจะดำเนินคดีกับใคร พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ตอนนี้ขอมุ่งไปที่การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุติดใต้อาคารให้สำเร็จลุล่วงก่อน จากนั้นจะมาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและสาเหตุอาคารถล่ม หากพบความผิดก็จะดำเนินคดี ถามย้ำว่าจากประสบการณ์แล้วพบความผิดปกติของเหตุการณ์ครั้งนี้บ้างหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ยอมรับว่ามีบางอย่างค่อนข้างผิดปกติ แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด ขอช่วยเหลือผู้ประสบเหตุก่อนรวบลุงแสบอ้างชื่อรับบริจาคที่ สน.บางซื่อ เวลา 15.30 น. น.ส.กรวิภา สอนบุปผา อายุ 23 ปี เซลส์ขายเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งย่านประดิษฐ์มนูธรรม ถูกนายสมนิจ ดวงเนตร อายุ 50 ปี เดินทางไปบริเวณอาคาร สตง.ถล่ม แอบอ้างว่าภรรยากำลังท้องติดอยู่ในซากตึก แถมประกาศขอบริจาคเงิน เข้าพบ พ.ต.ท.สุภัทร เหมจินดา สว. (สอบสวน) สน.บางซื่อ แจ้งความเอาผิดกับนายสมนิจ ข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและความผิดอื่นที่ตรวจสอบพบ ยืนยันว่าไม่รู้เห็นและรู้จักนายสมนิจมาก่อน พอเห็นข่าวครอบครัวตกใจมาก ไม่รู้ว่านายสมนิจต้องการอะไร แต่มันทำให้ชื่อเสียงของตนและครอบครัวเสียหาย ล่าสุดตามตัวได้แล้วในหลวง-ราชินีพระราชทานของช่วยพม่าเมื่อวันที่ 31 มี.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลอากาศเอกจอม รุ่งสว่าง องคมนตรี เชิญสิ่งของบรรเทาทุกข์พระราชทานไปมอบแก่อู ซอ ซอ โซ (U Zaw Zaw Soe) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ ประกอบด้วยยาและเวชภัณฑ์ เต็นท์นอน เครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องปั่นไฟ ถุงพระราชทานสำหรับเด็ก และถุงพระราชทานสำหรับผู้ใหญ่ แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โอกาสนี้เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาฯ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้เมียนมาเสียชีวิตเพิ่มเป็น 2,056 ศพวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 จุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือนใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมา ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.7 เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เจ้าหน้าที่ปรับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 2,056 ศพ บาดเจ็บอย่างน้อย 3,900 ราย สูญหายมากกว่า 270 ราย ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศเมียนมายืนยันว่า มีพลเรือนจีนเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว 1 ศพ บาดเจ็บ 15 คน รัฐบาลเมียนมาประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ รวมถึงลดธงครึ่งเสาถึงวันที่ 6 เม.ย. สำหรับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากสุดส่วนใหญ่อยู่ในตอนกลางของประเทศ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากจีนและรัสเซียยังใช้เวลากว่า 5 ชม.เข้าช่วยเหลือหญิงสาวที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารของโรงแรมเกรท วอลล์ ในเมืองมัณฑะเลย์มานานกว่า 60 ชม.เอาไว้ได้ โดยอาการของเหยื่อยังคงทรงตัววัดถล่มช่วยพระแล้ว 70 ยังหาย 150สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯรายงานว่า เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือพระสงฆ์ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารของวัดแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์ หลังอาคารถล่มระหว่างการสอบวัดความรู้ทางศาสนา ขณะนั้นมีพระสงฆ์เข้าสอบ 270 รูป สามารถช่วยเหลือได้แล้ว 70 รูปยังไม่ทราบชะตากรรมอีก 150 รูป ขณะที่มีพระสงฆ์มรณภาพจากเหตุครั้งนี้ 50 รูป อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศระบุว่า ต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว ต้องมีน้ำสะอาดไว้ใช้อุปโภคบริโภคเพื่อป้องกันโรคต่างๆ และอากาศมีอุณหภูมิสูงเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน โดยมีอุณหภูมิราว 40 องศาเซลเซียส ยังส่งผลให้ปฏิบัติการช่วยเหลือเหยื่อที่ยังติดอยู่ใต้ซากอาคารเป็นไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางความหวังในการพบผู้รอดชีวิตในเมียนมาที่ลดลงเรื่อยๆ และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกมากต้องการเงินฟื้นฟู 4 พันล้านบาทด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า ต้องการเงินสนับสนุน 8 ล้านดอลลาร์หรือราว 271 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือชีวิตเหยื่อจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา ป้องกันการเกิดโรคระบาด และฟื้นฟูระบบให้บริการสุขภาพภายใน 30 วัน เช่นเดียวกับสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศเผยว่า จำเป็นต้องได้รับเงินสนับสนุนราว 115 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,900 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 100,000 คน หรือกว่า 20,000 ครัวเรือน เพื่อช่วยชีวิตและฟื้นฟูในด้านต่างๆ ในอีก 24 เดือนข้างหน้า ส่วนรัฐบาลสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานด้านมนุษยธรรมของเมียนมามูลค่า 2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 67 ล้านบาท พร้อมส่งทีมเจ้าหน้าที่ด้านสถานการณ์ฉุกเฉินของหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) ไปสนับสนุนเมียนมาขณะเดียวกัน สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) หนึ่งในกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหาร แถลงประณามรัฐบาลเมียนมาที่ยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศใส่ในบริเวณที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรง ระบุว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แทนการโจมตีประชาชนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่