อุกอาจบุกเดี่ยวชิงทองรูปพรรณ น้ำหนักกว่า 150 บาท กลางห้างดัง ย่านลำลูกกาหลบหนีลอยนวล พนักงานสาวเล่านาทีระทึก คนร้ายเดินปรี่เข้ามาในร้านสั่งเสียงกร้าวให้ทุกคนหมอบลงกับพื้น กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดไล่ล่า พร้อมประสานกองพิสูจน์หลักฐานตรวจที่เกิดเหตุมัดตัวคนร้ายดำเนินคดี

คนร้ายบุกเดี่ยววิ่งราวทองห้างดังย่านลำลูกกา กลางวันแสกๆได้ทองรูปพรรณไปกว่า 150 บาท ก่อนหนีรอดลอยนวล เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 3 ก.พ. พ.ต.ท.ทัศนะ อุดมพร สว. (สอบสวน) สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีคนร้ายบุกเดี่ยววิ่งราวทองในห้างเพชรทองออโรร่า ภายในห้างบิ๊กซีเพลส ลำลูกกา คลอง 5 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งประสานห้องวิทยุให้แจ้งสกัดจับกุม คนร้ายเป็นชาย สูงประมาณ 165 ซม. สวมเสื้อเชิ้ตยีนส์แขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าผ้าใบสีดำขาว สวมหมวกมีปีกสีดำ ใส่แมสก์ดำ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พล.ต.ท.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบก.ภ.1 พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา ชุดสืบสวน สภ.ลำลูกกา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 1

บริเวณหน้าร้านทองที่เกิดเหตุพบพนักงานหญิง 2 คน ชื่อ น.ส.ลาวัลย์ ออนา อายุ 35 ปี และ น.ส.นิภาพร ประทีปเมือง อายุ 29 ปี ยังอยู่ในอาการตื่นตกใจยืนรอให้การเบื้องต้น ก่อนพาไปดูจุดที่คนร้ายเดินเข้าไปในร้านและหยิบสร้อยคอทองคำจากถาดใส่ทองในตู้โชว์ไปจนเกือบหมดถาด พยานระบุว่า ชายคนดังกล่าวปรี่เข้ามาในร้าน สั่งให้พวกตน 2 คนหมอบลงกับพื้น ก่อนจะกวาดสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักเส้นละ 2-4 บาท จำนวนมากใส่กระเป๋าสะพายที่เตรียมมา รวมน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไปราว 150 บาท มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท ก่อนวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

...

น.ส.ลาวัลย์เผยว่า ขณะเกิดเหตุตนและพนักงานอีกคนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตอนนั้นไม่มีลูกค้า กระทั่งมีชายคนร้ายรูปร่างผอม สูงประมาณ 160 ซม. สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีขาวดำยี่ห้อไนกี้ สวมหมวกปีกสีดำ เดินเข้ามาที่หน้าเคาน์เตอร์สั่งให้ตนนั่งลง ด้วยความตกใจเลยนั่งลง คนร้ายเดินเข้าไปที่หน้าตู้ทองเลื่อนบานกระจกหยิบสร้อยคอทองคำน้ำหนักรวมกว่า 150 บาท ใส่ในเสื้อแล้ววิ่งลงไปที่ลานจอดรถชั้นที่ 1 หลังเกิดเหตุตนรีบโทร.แจ้งตำรวจ ขณะนี้กำลังประสานผู้จัดการร้านทองร่วมตรวจสอบน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไปให้แน่ชัด

พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 ได้รุดมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงและตรวจสอบตามเส้นทาง พร้อมทั้งประสานพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการประกอบคดี คนร้ายใช้เวลาก่อเหตุแค่ 45 วินาที มีกล้องวงจรปิดจับภาพชัดเจน น่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่