“ฟิล์ม-รัฐภูมิ” ควง “ทนายประมาณ” แจ้งความดำเนินคดี “หนุ่ม-กรรชัย”และ “อี้-แทนคุณ” ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา แยกคดีละเอียดยิบต่างกรรมต่างวาระ กรณีคลิปลับ 20 ล้านบาท ระหว่าง “เจ๊พัช” กับ “บอสปัน” ปูดอี้พยายามไปขอโทษฟิล์มลับหลังสื่อหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ทนายประมาณยันเรื่องนี้ทำให้ฟิล์มเสียหายมาก ด้าน “หนุ่ม-กรรชัย” โต้เดือดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ยันตัวเองถูกเอาชื่อไปแอบอ้าง ตั้งป้อมได้รับหมายเรียกเมื่อไหร่ จะแจ้งความกลับทันที
ฟิล์ม-รัฐภูมิ พร้อมทนายความ เข้าแจ้งความดำเนินคดี 2 คนคู่กรณีข้อหาหมิ่นประมาทครั้งนี้เปิดเผยขึ้นที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 31 ม.ค. นายรัฐภูมิ หรือฟิล์ม โตคงทรัพย์ อดีตดารา-นักร้องชื่อดัง พร้อมด้วยนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช หรือทนายประมาณ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประพิณวิทย์ เสนาแปง สว. (สอบสวน) สน.ห้วยขวาง แจ้งความเอาผิดนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้-แทนคุณ ที่นำชื่อ ฟิล์ม-รัฐภูมิ ไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนทำให้เกิดความเสียหาย
ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช เผยว่า พาฟิล์มมาใช้สิทธิตามกฎหมาย แจ้งความเอาผิด 2 บุคคล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากรณีนำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาสร้างกระแส นำไปออกรายการข่าวช่องดัง หรือนำไปแถลงต่อสื่อให้คนเกลียดชังฟิล์ม บุคคลที่ 1 คือ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้-แทนคุณ แจ้งดำเนินคดี 8 กรรม ที่กล่าวอ้างว่า มีหลักฐานซึ่งไม่เป็นความจริงในหลายกรณี อาทิ กรณีคดีที่ จ.ตรัง เป็นคดีเกี่ยวกับการลงทุนเทรดหุ้นดูไบ 60 ล้านบาท ที่ตัดสินคดีจบลงไปเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาฟิล์ม แต่คู่กรณีกลับมากล่าวอ้างว่า มีหลักฐานต่างๆออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เพื่อหากระแสให้แก่ตัวเอง
...
“บุคคลที่สองจะดำเนินการเอาผิดนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย 3-4 กรรมจาก 6 กรรม ที่นำคลิปเสียงระหว่าง น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน กับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช เชื่อมโยงมาถึงฟิล์ม อ้างว่าฟิล์มตบทรัพย์เหล่าบอสดิ ไอคอน กรุ๊ป จำนวน 20 ล้านบาท เรื่องนี้ทำให้ฟิล์มเสียหายเป็นอย่างมาก กล่าวหาอย่างรุนแรง ส่วนคนอื่นที่กระทำในลักษณะเดียวกันเตรียมตัวโดนเป็นรายต่อไป แต่วันนี้มาแจ้งความเอาผิดเพียง 2 คนก่อน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็แล้วแต่ ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ว่า ฟิล์ม-รัฐภูมิไม่มีความเกี่ยวข้อง และมั่นใจในพยานหลักฐานที่ฝั่งผมมี” ทนายประมาณกล่าว
ด้านฟิล์ม-รัฐภูมิ กล่าวว่า ไม่ได้อยากมาทำอะไรแบบนี้ เพราะชอบความสงบ แต่มองว่าขณะนี้มันเกินควรไปแล้ว เนื่องจากมีบางคนมาโจมตีด่าถึงบุพการีว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน รวมถึงบอกว่าไม่มีครูบาอาจารย์ เป็นคนไม่ดีของสังคม อีกทั้งยังกล่าวหาว่า ตนไปพรากผู้เยาว์ ทำให้แฟนคลับเกลียดชังตนกว่าเดิม ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยเป็นผู้มีอำนาจตัดสินความผิดตน ทำให้สังคมคล้อยตาม
“ผมมองว่าจะให้สังคมดำเนินไปแบบนี้ไม่ได้ เราอยากอยู่ในสังคมที่น่าอยู่ ทุกคนเคารพกฎหมายเดียวกัน ผมเคารพกฎหมายเป็นที่ตั้ง และเชื่อมั่นว่ากฎหมายบ้านเราศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แต่มันมีการสร้างวาทกรรมแปลกๆว่า ผมไม่เคารพกฎหมายเพื่อดิสเครดิต ส่วนของอี้-แทนคุณ ผมมองว่า การที่มาขอโทษลับหลังสื่อนั้น ไม่แมน เพราะหาแสงทำลายชื่อเสียงผมต่อหน้าสื่อ แล้วค่อยส่งคนมาขอโทษส่วนตัว ที่ผ่านมาอี้-แทนคุณส่งคนมาพูดคุยเจรจาขอโทษหลายครั้ง ทุกครั้งที่ส่งคนมาขอโทษผมเก็บหลักฐานไว้ทุกอย่าง ยืนยันว่าจะไม่เจรจาใดๆทั้งสิ้น” ฟิล์ม-รัฐภูมิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานะระหว่างฟิล์ม-รัฐภูมิ กับหนุ่ม-กรรชัย ยังสามารถกลับมาเป็นพี่น้องกันได้หรือไม่ ฟิล์มรัฐภูมิไม่ตอบ พร้อมส่ายหน้าพ.ต.ท.ประพิณวิทย์ เสนาแปง สว. (สอบสวน) สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า เบื้องต้นรับแจ้งความไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายนำหลักฐานเป็นข้อมูลใส่ทัมบ์ไดรฟ์จำนวน 12 ไฟล์มาให้พนักงานสอบสวนจะเปิดเพื่อตรวจสอบ หากพาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับใครจะได้เรียกมาสอบสวนต่อไป
วันเดียวกัน หนุ่ม-กรรชัยกล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า “ที่ฟิล์ม-รัฐภูมิไปแจ้งความแล้วมีชื่อผม ผมขอฝากผ่านรายการนี้ไปถึงคุณฟิล์มและ อ.ประมาณ เมื่อไหร่ที่ผมรับหมายเรียกจากตำรวจ ผมจะแจ้งความกลับทันทีข้อหาแจ้งความเท็จ และกลั่นแกล้งให้คนอื่นนั้นได้รับโทษทางอาญา”
หนุ่ม-กรรชัย กล่าวในรายการอีกว่า เมื่อไหร่ที่ได้รับปุ๊บ ตนสวนตับแตกเหมือนกัน โลกนี้ต้องมีความยุติธรรม กรณีบุคคลหนึ่ง ฟิล์มจะรับหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ถ้าจะบอกว่าฟิล์มเสียหาย แล้วการที่คนหนึ่งเอาชื่ออีกบุคคลหนึ่งไปแอบอ้างไปเรียกเงิน 20 ล้าน คนคนนั้นเขาไม่เสียหายหรือ คงต้องตอบคำถามนี้กับสังคม เพราะสังคมรับรู้ประมาณนี้ เปลืองเวลา เอาจริงๆตนมองว่าก็เป็นสิทธิของฟิล์ม ถ้าเขาคิดว่าสิ่งที่ตนพูดทำเขาเสียหาย แต่ขณะเดียวกันถ้ามันไม่ตรงข้อเท็จจริงแล้ว อาจมีโทษอื่นๆตามมาเหมือนกัน
“ผมพูดในฐานะตัวผมเองมีส่วนเกี่ยวกันมาถึงผม หลายคนอาจไม่เข้าใจ กลับไปคิดเอง ถ้าวันหนึ่งคุณถูกเอาชื่อไปแอบอ้าง ไปเรียกเงินคนอื่นเขา แล้วการที่คุณออกมาพูดเพื่อปกป้องสิทธิตัวเองว่า ผมไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วคนคนนั้นกลับมาฟ้องมาแจ้งความคุณ คุณคิดว่าเป็นธรรมกับคุณไหม บ้านเมืองจะอยู่ด้วยวิธีการใครเอาชื่อไปแอบอ้างอะไรก็ได้ พอเขามาต่อสู้ว่า ไม่ใช่ผม ไปพูดแบบนั้นได้อย่างไร กลับกลายเป็นบุคคลนั้นไปแจ้งความเราซ้ำ จะอยู่กันแบบนี้เหรอ มันถูกต้องหรือ ไม่ได้ชี้นำสังคม เชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ได้กินหญ้า เชื่อว่ากฎหมายไม่ได้มีไว้ให้ใครเอาไปเป็นเครื่องมืออะไรได้ ผมก็มีสิทธิปกป้องสิทธิและแจ้งความกลับได้เหมือนกัน” หนุ่ม-กรรชัยกล่าว
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
...