ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และโฆษก สปสช. นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการ สปสช.ชี้แจงกรณีโรงพยาบาลรัฐ 403 แห่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ไม่ได้รับงบบัตรทองผู้ป่วยในจาก สปสช. ว่า ในส่วนของเงินค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว มีเงินค่าบริการผู้ป่วยนอกทั่วไป ผู้ป่วยในทั่วไป ค่าบริการกรณีเฉพาะค่าบริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ ค่าบริการทางการแพทย์แผนไทย ส่วนของเงินผู้ป่วยใน สปสช.มีการจ่ายเงินเป็นรายเดือนและมีการตัดเงินในส่วนเงินเดือนหรือค่าแรงหน่วยบริการของรัฐด้วย เพราะสำนักงบประมาณได้จ่ายเงินเดือนให้กับข้าราชการโดยตรงอยู่แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากงบประมาณปี 2567 พ.ร.บ.งบฯผ่านช้ามาก การจ่ายเงินของ สปสช.จึงใช้ตัวเลขงบฯ ปีก่อนหน้า ช่วงต้นปีหักเงินเดือนออกจำนวนไม่มากนักและเมื่อมีการอนุมัติใช้งบฯ ปี 2567 แล้ว ก็ได้หักเงินเดือนออกมากขึ้น แต่เมื่อคำนวณเงินที่ได้รับก็ได้ครบทั้งหมด ปีหน้าคงไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก เพราะงบฯปี 68 ผ่านการอนุมัติจากสภาแล้ว การหักเงินเดือนก็จะเกลี่ยให้เท่าๆกันทุกเดือน โดยเริ่มต้นที่ 8,350 บาทก่อน
ทพ.อรรถพรกล่าวว่า ส่วนเงินที่จัดสรรในเดือน ก.ย.นี้ มีจ่ายแน่นอน ที่ประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 3 ก.ย.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ให้ สปสช.จ่ายในอัตรา 7,000 บาทต่อหัว ในอนาคตทางออกของเรื่องนี้ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทั้งนี้ สปสช.มีการตั้งของบฯเพิ่มทุกปี ส่วนจะได้รับเพิ่มมากน้อยเท่าไรขึ้นอยู่กับสำนักงบฯ นอกจากนี้ในส่วนของโรงพยาบาลเองก็มีรายรับจากส่วนอื่นได้แก่ เงินบำรุงโรงพยาบาลรวมทั้งเงินสนับสนุนค่าบริการ OP Anywhere หรือ 30 บาทรักษาทุกที่อีก 5,910 ล้านบาท
นพ.ดุสิตกล่าวว่า สธ.ได้กำหนดค่าถ่วงน้ำหนักบริการผู้ป่วยในหรือค่า K เป็นแต้มต่อเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลขนาดเล็ก เพื่อจัดสรรงบเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ส่วนโรงพยาบาลใหญ่หรือโรงพยาบาลศูนย์จะไม่มีในลักษณะพี่ช่วยน้อง ดังนั้นเงินค่าผู้ป่วยในที่กำหนดไว้ 7,000 บาทต่อหัว บางโรงพยาบาลอาจจะได้รับมากขึ้นหรือน้อยลงได้ ซึ่งบางโรงแม้ว่าจะได้ส่วนเพิ่มจากค่า K รวมทั้งเงินอุดหนุนสำหรับพื้นที่กันดาร ห่างไกล เสี่ยงภัย ชายแดน ก็ยังไม่เพียงพอ สธ.ก็ต้อง หาทางช่วยเหลือต่อไป.
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่