“วราวุธ” โต้ปมคนกังขาอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนให้สัมภาษณ์เข้าข้างครอบครัวเด็กเชื่อมจิต ระบุผู้บริหารไม่ใช่นักจิตวิทยาที่จะสามารถระบุใครปกติหรือไม่ปกติได้ ยันทำหน้าที่เต็มที่และจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบหรือใช้ประโยชน์จากเด็ก ตัวแทนทนายครอบครัวเด็กเชื่อมจิต ยื่นหนังสือถึงสำนักพุทธศาสนาข้องใจคำว่า “ลัทธิ” แปลว่าอะไร และคำว่า “ลัทธิเชื่อมจิต” หมายถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดหรือไม่
ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. นายสิทธิชัย ทองศรี หรือทนายเสือ เป็นตัวแทนนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความส่วนตัวของนายพิชญะ น.ส.นัฐพร พ่อแม่เด็ก 8 ขวบ มายื่นหนังสือถึงสำนักพุทธฯ สอบถามถึงคำว่า “ลัทธิ” ว่า แปลว่าอะไรและคำว่า “ลัทธิเชื่อมจิต” หมายถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดหรือไม่ ส่วนรายละเอียดว่าเป็นเพราะเหตุใดที่มายื่นถาม 2 คำถามตนไม่ทราบ ให้ถามนายธรรมราชและมารดาเด็ก 8 ขวบ เพราะเป็นเพียงตัวแทนนายธรรมราช ที่มีภารกิจที่ศาลจังหวัดเชียงราย ส่วนพ่อแม่และด.ช.ไนซ์กลับ จ.สุราษฎร์ธานี ไปแล้ว เมื่อถามว่าผู้ใดประสงค์ที่จะยื่นคำร้องนี้ นายสิทธิชัยปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เมื่อถามต่อว่าเป็นเอกสารเดียวกันกับที่แม่ของ ด.ช.ไนซ์โพสต์ในเฟซบุ๊กหรือไม่ นายสิทธิชัยตอบว่า ใช่ หลังจากยื่นหนังสือเสร็จยังไม่ทราบว่าสำนักพุทธฯจะชี้แจงให้คำตอบเมื่อไหร่ แต่คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ได้ไปยื่นหนังสือครบทุกหน่วยงานแล้ว
วันเดียวกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงเข้าข้างครอบครัวเด็กเชื่อมจิต หลังมายื่นข้อร้องเรียนถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พม. จังหวัดสุราษฎร์ธานีและเข้าพบนางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ว่า การที่ครอบครัวเด็กเชื่อมจิตมายื่นข้อร้องเรียนและอธิบดีให้สัมภาษณ์ไป ขอยืนยันว่าตนหรือปลัดหรืออธิบดีไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่ใช่นักสหวิชาชีพ การจะไปตัดสินคนใดคนหนึ่งหรือแม้แต่เด็กคนหนึ่งว่ามีความปกติหรือไม่ปกติ คงไม่สามารถ จะไปกล่าวหาหรือบอกได้ อธิบดีให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า ดูจากสายตาแล้วภายนอกตัวเด็กยังปกติดีหมายถึงว่ายังไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ ทางการปฏิบัติหรือทางพฤติกรรม แต่การที่เด็กได้รับการสั่งสอน โดนปลูกฝังพฤติกรรมมาอย่างไร ถูกผิดเป็นหน้าที่ของนักจิตวิทยาและทีมสหวิชาชีพที่จะวินิจฉัย ในทางกลับกันหากอธิบดีบอกไปว่าเด็กมีอาการผิดปกติก็ล่อแหลม เพราะผู้ปกครองอาจฟ้องร้องหมิ่นประมาทได้ มั่นใจว่าด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการ เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่และจะไม่ยอมให้ผู้ใดผู้หนึ่งมาเอาเปรียบหรือใช้ประโยชน์จากเด็กเด็ดขาด
...
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตถึงความล่าช้าของกระทรวงในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานการแก้ปัญหาอะไรก็แล้วแต่ หัวใจสำคัญไม่ได้เน้นที่ความเร็ว แต่เน้นความถูกต้อง เน้นผลสัมฤทธิ์ของการแก้ไขปัญหา หากตัดสินใจด้วยความรวดเร็วอาจมีปัญหาใหญ่ตามมาจนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ การทำงานของภาครัฐมีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะไปมีปฏิสัมพันธ์กับตัวเยาวชนหรือเด็กหรือแม้แต่ครอบครัว กฎหมายให้อำนาจทำหน้าที่เท่าไรต้องทำเท่านั้น ทั้งนี้ ได้กำชับผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้ทำความเข้าใจกับระเบียบกฎหมายทุกมาตราอย่างละเอียดถี่ถ้วน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่