เรื่องบรรดาศักดิ์ขุนนาง ถ้าเอ่ยเจ้าพระยาจักรี...ไม่วงเล็บบอกชื่อจริง “ด้วง” ก็คงนึกไปไม่ถึงรัชกาลที่ 1 เพราะอาจเป็นเจ้าพระยาจักรี (แขก) ลำดับก่อนท่าน

เรื่องเจ้าพระยาจักรีที่จะเล่าวันนี้ วงเล็บชื่อท่าน “ขุนเณร” ครับ ท่านรับราชการอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ กษัตริย์องค์ท้ายๆสมัยกรุงศรีอยุธยา ร่างต่ำเตี้ยถูกเรียกจักรีนกกระจอก แต่ตำแหน่งใหญ่มหึมา เป็นถึงสมุหนายก

ที่มาของเรื่อง ...จ.ศ.1087 ปีมะเส็งสัปตศก เจ้าอาวาสวัดป่าโมก เข้าแจ้งพระยาราชสงคราม (ปาน) ว่า น้ำเหนือหลากไหลแรงเซาะตลิ่งรุกที่วัดเข้าไป จนน่าวิตกว่าพระพุทธไสยาสน์ยาว 18 วา ในพระวิหาร จะพังไปกับสายน้ำ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงลังเลคำกราบทูล ของพระยาราชสงคราม ขออาสารื้อพระวิหารแล้วชะลอพระพุทธไสยาสน์เข้าไปใกล้ตลิ่ง เพราะพระมหาอุปราช (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศต่อมา) ทูลทัดทาน

การชะลอองค์พระปูนปั้น อาจทำให้องค์พระพังทลาย ทรงเห็นว่า ควรรื้อองค์พระสร้างใหม่

โปรดให้นิมนต์พระสังฆราช และพระเถระผู้ใหญ่มาถาม ได้ความว่า การรื้อองค์พระ...ไม่สมควร

สุดท้ายทรงตัดสินพระทัยให้ชะลอองค์พระพุทธไสยาสน์ เมื่อพระยาราชสงครามยืนยันหากองค์พระพังทลายขอถวายชีวิต แล้วอภิมหาโครงการชะลอองค์พระพุทธไสยาสน์ก็เริ่มขึ้น

พระยาราชสงครามรับพระบรมราชานุญาตให้บัญชาการแม่กองช่างทั้งปวง กำกับนายงานด้านการชะลอองค์พระตามสติปัญญา เจ้าพระยาจักรีเป็นกงสีผู้จัดจ่ายสรรพสิ่งของเงินทองและเครื่องอุปกรณ์ต่างๆ

ทั้งพระยาราชสงครามกับเจ้าพระยาจักรี ต่างตั้งทำเนียบทำงานตามพระราชโองการอยู่ในบริเวณพระอุโบสถของวัดป่าโมก

ครั้งนั้นโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาจักรีปลูกสร้างพระตำหนักพลับพลาไชย ตั้งค่ายหลวงใกล้วัดชีปะขาวดงพิกุลเป็นที่พระทับแรมพระเจ้าแผ่นดิน และพระอนุชาธิราชเสด็จมาพักแรมผลัดเปลี่ยนกัน 6 วัน 7 วัน

...

ระหว่างงานชะลอองค์เดินหน้า เริ่มมีความนัย แม้พระเจ้าอยู่หัวจะโปรดเจ้าพระยาจักรีทั้งความสามารถและความสัตย์ซื่อ แต่องค์พระอนุชาธิราชไม่ทรงโปรด ทั้งเพิ่มความหวาดระแวง เจ้าพระยาจักรีจะสนับสนุนเจ้าฟ้าปรเมศร์และเจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสของพระเชษฐา ขึ้นนั่งบัลลังก์ที่พระองค์ก็ทรงหมายมั่น

แล้วก็ถึงวันนั้น วันเคราะห์ร้ายของเจ้าพระยาจักรีในขบวนเสด็จของวังหน้า

เจ้าพระยาจักรียังนั่งห้อยเท้าอยู่ในทำเนียบลานวัด จนเรือพระที่นั่งวังหน้าถึงฉนวนพระฉนวนน้ำหน้าวัดแล้วจึงเดินออกมารับเสด็จ

วังหน้าทรงเห็นว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีพระราชบัณฑูรให้จับตัวเจ้าพระยาจักรี จิกผมลากตัวเอาหัวเข้าคา ผูกเท้าผูกมือโยงเข้ากับหลัก โปรดเกล้าฯให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนหลังสองหวายร้อยทีแล้วปล่อยตัว

เจ้าพระยาจักรีกลับมาป่วยอยู่ที่จวนไม่นานก็ถึงอสัญกรรม แต่ศพนั้นพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานโกศไม้สิบสองเยี่ยงศพอัครมหาเสนาบดี

ราษฎรวิจารณ์กันต่างๆ บ้างก็ว่าวังหน้าถือความอาฆาตพยาบาทเป็นที่ตั้ง บ้างก็ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงนิ่ง เพราะทรงมีคติ ข้านั้นหาง่าย แต่น้องนั้นหายาก

แม้เจ้าพระยาจักรีตาย...แต่พระยาราชสงคราม (ปาน) ก็ชะลอพระพุทธไสยาสน์เข้าไปได้ โดยองค์พระไม่บุบสลาย...พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ ต่อมาในรัชกาลที่ 6 ท่านยิ่งขลัง มีข่าวว่าพูดได้

จริงเท็จแค่ไหน มีเวลาก็ควรหาโอกาสไปถามท่าน อยู่แค่อำเภอป่าโมก อ่างทองนี่เอง.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม