คุ้นชื่อและใช้เนื้อหาหนังสือ เจินกวนเจิ้งเย่า (ยอดกุศโลบายจีน) อู๋จิง เขียน อธิคม สวัสดิญาณ แปล สำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2552 กันมานาน
ย้อนอ่านคำนำ ผมจึงเพิ่งรู้ อู๋จิง คนเขียน เป็นขุนนางผู้บันทึกจดหมายเหตุประวัติศาสตร์สองรัชกาลในสมัยราชวงศ์ถาง เชื่อกันว่า อู๋จิงปรารถนาจะเห็นการเมืองสะอาดยุติธรรมในสมัยถางไท่จงฮ่องเต้ ย้อนมาอีกครั้ง
โดยหวังว่า ถางจงจงฮ่องเต้ จะทรงศึกษาและเอาเยี่ยงอย่าง แต่เขาผิดหวัง
คัมภีร์เจินกวนเจิ้งเย่า ไม่เป็นที่สนใจนักในจีนยุคใกล้ แต่ในญี่ปุ่นแพร่หลายในยุคจักรพรรดิเคนทาเคชิง (ราว ค.ศ.800) โชกุนสองท่าน นักปกครองหัวก้าวหน้าศึกษาจริงจัง
นักประวัติศาสตร์สรุปว่า ญี่ปุ่นเป็นปึกแผ่นในยุครณรัฐ ลูกหลานโชกุนกุมอำนาจไว้ได้นาน 265 ปี ต่อเนื่องกัน 15 รุ่น จึงคืนอำนาจให้จักรพรรดิเมจินั้น เป็นผลสะเทือนจากคัมภีร์ที่ถูกเรียกราชันวิทยาเล่มนี้
ตัวอย่างจากหนึ่งข้อของราชันวิทยา เจินกวนศก 10 (ค.ศ.636) เฉวียนวันจี้ ผู้ช่วยเสนาบดีมหาดไทย กราบทูลถางไท่จงฮ่องเต้ว่า ในหุบเขาแถบเซวียนโจว และหยาโจว ถ้าทำเหมืองเงิน จะได้เงินหลายร้อยหมื่นพวง มีกำไรมหาศาล
รายงานทำนองเดียวกันในโลกยุคใหม่ บางประเทศไม่ใกล้ไม่ไกล ผู้นำประกาศว่า บ้านเมืองจะโชติช่วงชัชวาล แต่กับฮ่องเต้ถางไท่จง ผลตรงกันข้าม
ตรัสต่อหน้าที่ประชุมขุนนาง “ข้ามีศักดิ์เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ ของเหล่านี้ข้าไม่เคยขาดแคลน
สิ่งที่ข้าขาดแคลน และต้องการนักหนาขณะนี้คือ คนเสนอความคิดเห็น และเรื่องที่ดีเป็นประโยชน์กับราษฎร บ้านเมืองมีเงินเพิ่มอีกไม่กี่หมื่นร้อยพวง เทียบกับคนดีมีฝีมืออีกหนึ่งคนไม่ได้?”
ประโยคนี้ ไม่แค่ทำให้ที่ประชุมเสนาบดี เงียบกริบ อึ้งทึ่งกันพักใหญ่
...
หัวใจขุนนางทุกคน นึกไปถึงผู้ช่วยเสนาบดีมหาดไทย...ผู้รายงานเสนอนโยบายทำเหมืองเงิน
“ข้าไม่เคยเห็นท่านแนะนำคนดีมีฝีมือมาให้แม้แต่คนเดียว ไม่เคยเห็นท่านตรวจสอบเอาผิดกับคนทำผิดกฎหมาย เพื่อให้พวกคนเลวเกรงกลัวอาญาแผ่นดิน
เท่าที่ข้ารู้ ท่านรู้จักแต่เสนอเรื่องซื้อขาย เรื่องให้เช่า แสวงหาผลประโยชน์”
ถางไท่จง ฮ่องเต้ ยกตัวอย่าง บ้านเมืองยุคโบราณ “ก่อนนี้ เมธีกษัตริย์เหยา และซุ่น ทรงโยนป้ายหยกทิ้งในป่าเขา เขวี้ยงมุกมณีลงเหวลึก เกียรตินามสองพระองค์ จึงได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญนับพันปี
จักรพรรดิหวนตี้และหลิงตี้ (พระเจ้าเหี้ยนเต้ และเลนเต้ ปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น) ทรงรักผลประโยชน์ เหยียดคุณธรรม จึงกลายเป็นจักรพรรดิที่โฉดเขลา”
ตรัสถึงตรงนี้ ถางไท่จง ฮ่องเต้ ก็ทรงจ้องเซวียนวันจี้ ผู้ช่วยเสนาบดีมหาดไทย
“ท่านต้องการให้คนทั้งหลายเทียบข้า ดังจักรพรรดิหวนตี้ และหลิงตี้หรือ?”
ตรัสแล้ว ทรงมีพระบรมราชโองการ ปลดผู้ช่วยเสนาบดีมหาดไทย แล้วให้ส่งตัวกลับบ้าน
นี่คือหนึ่งในราชันวิทยา...ที่มีผลให้ราชวงศ์ถาง ถูกยกย่องว่าเป็นยุคทอง สืบทอดอำนาจมาได้กว่าสามร้อยปี
ผมไม่รู้ว่า ราชันวิทยาข้อนี้ ผู้นำบ้านเมืองแถวๆนี้จะเคยใช้หรือไม่...แต่ละวันๆ ชาวบ้านได้ยินแต่เรื่องจะทำโครงการโน่นโครงการนี่ ...โครงการล่า กำลังฮือกันมาก
ตำรวจใหญ่ๆฟาดฟันกันเอาเป็นเอาตาย เรื่องส่วยบ่อนการพนัน ก็แก้ปัญหาด้วยการตั้งบ่อนกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนผลด้านลบจากบ่อนกาสิโนจะมากจะน้อยแค่ไหนอย่างไร ค่อยมาว่ากันทีหลัง.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม