กลายเป็นคดีสยองสะท้านเมือง! กรณีตำรวจกองปราบฯบุกจับ นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ข้อหาฆ่า น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 33 ปี เพื่อนรุ่นน้องโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเหตุเกิดบริเวณท่าน้ำแม่น้ำแม่กลองพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังก้อยวูบเสียชีวิตแอมก็ขับรถหนีไปจากที่เกิดเหตุพร้อมทรัพย์สินของก้อย ทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม โทรศัพท์มือถือ และเงินสด 50,000 บาท?!เมื่อคดีมาถึงมือกองปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ผลตรวจพิสูจน์พบหลักฐานสำคัญในร่างกายเหยื่อคือ สารไซยาไนด์สารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ร่างกาย อาจเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์ อาจทำให้ระคายเคืองบริเวณที่สัมผัส ร่างกายอ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หายใจติดขัด หมดสติ และหัวใจหยุดเต้นเสียชีวิต!คดีของก้อยเป็นที่มาของการสืบเสาะพฤติกรรมผู้ต้องหา พบความเกี่ยวโยงการเสียชีวิตของคนรู้จักหรือใกล้ชิดอีกนับ 10 คน กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขนาดมีคนเอาไปโยงว่า เป็นฆาตกรต่อเนื่อง?แต่ถ้าดูจากพฤติกรรมทั้งหมดแล้ว เป้าหมายเดียวของผู้ต้องหาคือ ทรัพย์สิน แต่วิธีการได้มามันโหดเหี้ยมเกินคนธรรมดานึกถึง?!ถ้าดูเผินๆอาจมองว่า คดีนี้คลี่คลายได้ง่าย เพราะมีตัวตั้งคือ สารไซยาไนด์ มีเหยื่อที่ในร่างกายมีสารชนิดนี้ และทรัพย์สินของเหยื่อที่ผู้ต้องหาเอาไปแต่ปัญหาใหญ่คือ ประจักษ์พยาน?คำถามง่ายๆผู้ต้องหาวางยาเหยื่อยังไง ใช้วิธีการไหนให้กินหรือให้ดื่ม และใครรู้เห็นการกระทำผิด ในเมื่อเหยื่อก็ตายไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่กระต่ายขาเดียวปฏิเสธมาตลอดสรุปตอนนี้ในกระเป๋าตำรวจมีแต่พยานแวดล้อม!ถ้ายังต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างลุยถั่วไปเรื่อย มีคนร้องก็สอบไป ไม่ดูความหนาบางของพยานหลักฐานเกรงว่า เหยื่อทั้งหมดที่ตอนนี้ยังจะไม่รู้ว่า จริงๆแล้วมีกี่คน จะไม่ได้รับความเป็นธรรม?สหบาท