ศาลภาค 6 เร่งตรวจสอบคดีที่ทนายปลอมเคยขึ้นว่าความในศาลพบแล้ว 3 คดี ทั้งหมิ่น ประมาท ยักยอก และฉ้อโกง เร่งตรวจสอบที่เหลือมีเพิ่มหรือไม่ อาจต้องเพิกถอนกระบวนการพิจารณา ด้านสภาทนายความส่งนายทะเบียนเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นหากมีเหยื่อสามารถร้องเรียนได้ที่สภาทนายความจังหวัดทั่วประเทศ “วิชา มหาคุณ” ชี้ทนายความปลอมทำกระบวนการยุติธรรมเสื่อมต้องรีบแก้ หากเคยว่าความชนะจริงถือว่าไม่ชอบ ศาลต้องยอมรับการผิดหลง เพิกถอนกระบวนพิจารณาทั้งหมด
กรณีนายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ อายุ 34 ปี ปลอมตั๋วทนาย ถึงขนาดรับว่าความให้ลูกความหน้าบัลลังก์ศาล ความมาแตกเพราะไปหลอกลูกความว่าคดีแพ่งที่รับว่าความที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชรชนะคดีแล้ว ขอเรียกรับเงินค่าจ้าง แต่เมื่อผู้เสียหายนำเลขคดีไปตรวจสอบพบว่าเป็นคดียาเสพติด เป็นที่มาให้สภาทนายความเข้ามาตรวจสอบพบว่าเป็นทนายปลอมถูกดำเนินคดีส่งฝากขังเข้าเรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชรไปแล้ว แต่ความเสียหายจากพฤติกรรมดังกล่าวยังไม่จบ ศาลต้องตรวจสอบคดีความที่ทนายปลอมรายนี้เข้าไปว่าความในศาลใหม่ทั้งหมด
ความคืบหน้าจากสำนักงานศาลยุติธรรมเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ต.ค. นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบขณะนี้พบคดีเพิ่มขึ้นในศาลจังหวัดพิษณุโลก มีการตั้งสำนวนไต่สวนละเมิดอำนาจศาล ส่วนข้อหาอื่นเช่น ความผิดเกี่ยวกับปลอมและใช้เอกสารปลอมยังไม่ได้ส่งตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีศาลจังหวัดกำแพงเพชรตั้งสำนวนละเมิดอำนาจศาลและส่งตัวแทนไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกำแพงเพชรแล้ว ขณะนี้ตรวจพบว่าผู้ก่อเหตุปลอมเป็นทนายว่าความในศาลจังหวัดกำแพงเพชร 3 คดี ประกอบด้วยคดีหมิ่นประมาท ยักยอก และฉ้อโกง สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 กำลังรวบรวมคดีที่ผู้ก่อเหตุเกี่ยวข้องแล้วส่งข้อมูลมาให้ ส่วนเรื่องกระบวนการพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นไปแล้ว ศาลภาค 6 อยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ว่าคดีไหนบ้างที่อาจต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณา เพราะคดีบางส่วนไม่จำเป็นต้องเพิกถอน เช่น คดีที่ไม่มีมูลค่าความเสียหาย ไกล่เกลี่ยกันได้ ส่วนคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วจากที่ศึกษาน่าจะเพิกถอนกระบวนพิจารณาได้
...
ที่สภาทนายความ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช รองโฆษกสภาทนายความ กล่าวว่า วันนี้นายชัยวัฒน์ บุญเกื้อ นายทะเบียนสภาทนายความ มีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมใบอนุญาตสภาทนายความ กำลังออกเดินทางไปแจ้งความสถานีตำรวจซึ่งเป็นที่เกิดเหตุในจังหวัดกำแพงเพชร แต่ทราบมาว่าผู้ก่อเหตุรายนี้ก่อเหตุหลายพื้นที่ อย่างในจังหวัดชลบุรีทราบว่ามีทนายความโดนแอบอ้างชื่อ แต่เบื้องต้นสภาทนายความจะไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกำแพงเพชรก่อน เพราะผู้ก่อเหตุมีสำนักงานอยู่ที่นั่น ข้อหาเบื้องต้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ กรณีไม่มีใบอนุญาตทนายความแต่ยังไปทำหน้าที่ ตัวผู้ก่อเหตุไปว่าความในศาลด้วย และความผิดอื่นที่อยู่ในอำนาจของสภาทนายความ ส่วนในพื้นที่อื่นสภาทนายความเตรียมดำเนินการ หลังจากนี้ผู้ใดได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ ไม่ว่าอยู่ในจังหวัดใดทั่วประเทศสามารถร้องมายังสภาทนายความผ่านสภาทนายความประจำจังหวัดได้ เราจะจัดส่งทนายเข้าไปช่วยเหลือทางกฎหมายในการดำเนินคดี แต่เบื้องต้นวันนี้เราดำเนินคดีที่จังหวัดกำแพงเพชรก่อน
ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร เวลา 16.30 น. นายชัยวัฒน์ บุญเกื้อ นายทะเบียนสภาทนายความ นายอดุลย์ หาญกำจัดภัย ประธานสภาทนายความจังหวัดกำแพงเพชร และนายเดชา ยามา ประธานชมรมทนายความจังหวัดกำแพงเพชร เข้าพบ พ.ต.ท.สุวิทย์ พิศอ่อน สว. (สอบสวน) สภ.เมืองกำแพงเพชร แจ้งความดำเนินคดีนายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ ตามพระราชบัญญัติทนายความ 2528 มาตรา 33 และมาตรา 82 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 33 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายชัยวัฒน์เผยว่า หลังตรวจสอบพบว่านายพรเทพแสดงตนขึ้นเป็นทนายในคดีต่างๆหลายคดี ในจังหวัดกำแพงเพชรมี 2 รายเข้าร้องเรียน คดีนี้สร้างความเสียหายกับวงการทนายความอย่างมาก อยากให้ผู้ถูกหลอกออกมาแสดงตนเพื่อเอาผิด หากคดีไหนที่ทนายปลอมว่าความ เป็นเรื่องขอพิจารณาคดีต่อศาลใหม่ ในส่วนของสภาทนายความจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตามบทบาทหน้าที่
ด้าน ศ. (พิเศษ) วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต ให้ความเห็นคดีทนายปลอมว่า ยุคนี้เป็นยุคเฟก (fake) คือสังคมของปลอม เฟกทั้งกิริยา พฤติกรรม คำพูด สังคมถูกคนหลอก ตั้งแต่การพูดคุยกับคนแปลกหน้าของหนุ่มสาวในโลกโซเชียล ต่างเอาโปรไฟล์สวยหรูมาอวดกัน สุดท้าย “ตัวไม่ตรงปก” เราเรียกว่าสังคมของปลอมหรือโลกเสมือนจริง เวลานี้มีคนหลอกลวงต้มตุ๋นแม้กระทั่งในกระบวนการยุติธรรม มีพ่อค้าไก่หมุนอ้างตัวเป็นทนายไปว่าความในศาลขนาดนี้ ถือว่าเกิดความเสื่อมถึงที่สุดจนติดลบแล้ว ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นอีกคนรุ่นใหม่จะมองว่ามันเป็นฮีโร่ มันทำได้ อยากทำบ้าง อะไรที่ทำแล้วแปลกคนไปยอมรับ ฉะนั้นต้องรีบแก้ไข
“ผมเคยอยู่ศาลฎีกา ถ้าพบว่ามีกระบวน พิจารณาขั้นตอนใดผิด แม้ตั้งแต่แรกเริ่มมาจนถึงศาลสูงต้องสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่แล้วมาทั้งหมด อย่าไปคิดว่าบางส่วนถูก ผิดแค่บางส่วน ปล่อยผ่านไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งที่ผมออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีเลือกตั้ง มีประเด็นว่า ต้องนับบัตรลงคะแนนใหม่หรือไม่ คู่ความทั้งหมดต้องมีคนค้านหรือไม่ค้าน แต่คดีนั้นมีตัวความเป็นร้อยคนเรานับไม่ครบ มีรายงานกระบวนพิจารณาไปว่า คู่ความทุกฝ่ายตกลงให้ไปนับคะแนนใหม่ ที่จริงคู่ความมาไม่ครบ เกิดการผิดพลาดในการ พิจารณา เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ เราต้องยกเลิกเพิกถอนทันที ศาลต้องยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ หากพบว่ามีกระบวนพิจารณาที่ผิดหลง
ศ. (พิเศษ) วิชา กล่าวต่อว่า คดีพ่อค้าไก่หมุนเป็นตัวอย่างว่า ถ้ามีคนใช้ใบอนุญาตว่าความปลอม ไปว่าความ หรือบางคนจบนิติศาสตร์มาแต่ไม่ผ่านการอบรมวิชาว่าความจากสภาทนายความ หรือเคยเป็นทนาย แต่ถูกลงโทษถูกพักใบอนุญาต ถ้าคนแบบนี้มาลงชื่อเป็นทนายในใบแต่งทนายหรือใบรับมอบอำนาจ จะทำให้กระบวนพิจารณาในชั้นรับฟ้อง ตรวจฟ้อง ไต่สวน สืบพยาน พิพากษามันเสียไปทั้งหมด ดังนั้น ศาลต้องร่วมมือกับสภาทนายความตรวจสอบคุณสมบัติทนายความมาแต่แรก ต้องประสานงานกัน จะได้รู้ว่าเป็นทนายจริงหรือไม่ ชาวบ้านไม่รู้เรื่องหรอก ศาลต้องรักษาสิทธิ์ของประชาชนด้วย และต้องร่วมมือกับทุกฝ่าย อัยการก็ต้องตรวจสอบด้วย ที่มีข่าวว่าพ่อค้าไก่หมุนอ้างว่า เคยชนะคดีอัยการมาแล้ว ขนาดอัยการยังแพ้ได้ ทั้งที่เป็นทนายปลอม ถ้าเป็นเรื่องจริงความเสื่อมเกิดขึ้นทันที
...
“กระบวนพิจารณาคดีที่ผิดหลงต้องถูกเพิกถอนตั้งแต่ต้น คำพิพากษาของศาลต้องไม่มีมลทิน เมื่อพบเห็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ต้องทำให้ชอบ อย่าให้กลายเป็นผลไม้ที่เป็นพิษ เราต้องไม่ยอมรับสิ่งที่ทำผิดหลง อย่าให้มันลุกลามเหมือนสนิมเนื้อในที่ทำลายเหล็กไปโดยไม่รู้ตัว เคยมีคดีในอดีต แค่เป็นเรื่องการส่งคำคู่ความไม่ชอบ ศาลฎีกาตรวจพบในภายหลังก็สั่งเพิกถอนการพิจารณาที่แล้วมาทั้งหมดแล้วเริ่มต้นใหม่” ศ. (พิเศษ) วิชากล่าว