การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผลิตภัณฑ์หม่อนไหมขาดช่องทางขายสินค้า ลูกค้าต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวไม่ได้ สุดท้ายผ้าไหมที่อุตส่าห์ทอมือมานับแรมเดือน...ไม่ได้ออกจากตู้โชว์ที่ผ่านมากรมหม่อนไหมจัดกิจกรรมขึ้นหลายงาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการประชาสัมพันธ์ถึงผลิตภัณฑ์หม่อนไหมไทย เพิ่มช่องทางการตลาด พยุงเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้อยู่รอดได้ในช่วงวิกฤตินี้ปลายปีที่แล้วจัดงาน “ไหมไทยสู่เส้นทางไหมโลก” ร่วมกับมูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ จำนวน 72 แห่ง และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ 28 แห่งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนผ้าไหมไทย และทรงส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้า เป็นอาชีพจนทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ดีขึ้นแต่ติดปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ไม่สามารถเชิญดีไซเนอร์ระดับโลกเข้าร่วมออกแบบตัดเย็บชุดผ้าไหมให้กับคณะทูตานุทูต กงสุลใหญ่ และกงสุลกิตติมศักดิ์ เพื่อใช้เดินแบบในงานกาล่าแฟชั่นผ้าไหมได้กรมหม่อนไหมจึงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสให้นิสิต นักศึกษา สถาบันการศึกษาด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอทั่วประเทศจาก 70 แห่ง เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บชุดเสื้อผ้าแทนภายใต้ชื่องาน การประกวดการออกแบบชุดผ้าไหม The 2nd Next Big Silky Designer Contest มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 157 ทีม 193 ชิ้นงาน ผลงานจำนวนหนึ่งถูกใช้ในงานกาล่าแฟชั่นวันนี้ผลการประกวดออกมาแล้ว ผลปรากฏว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา คว้ารางวัล ชนะเลิศ ได้รับโล่จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พร้อมเงินรางวัล 200,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ได้รับโล่พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาทรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับโล่พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ได้รับโล่พร้อมเงินรางวัล 40,000 บาท รางวัล รองชนะเลิศอันดับ 4 ได้แก่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้รับโล่พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาทรางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัล...วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา และมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท.สะ–เล–เต