อ.เทพา จ.สงขลา แม้จะตั้งอยู่ตอนล่างของภาคใต้ ที่ได้ชื่อว่ามีฝนตกชุกตลอดปี สถิติปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่จ.สงขลา มีมากเฉลี่ยปีละ 1,994.9 มม. แต่ อ.เทพากลับมีฝนตกเฉลี่ยทั้งปีแค่ 1,461 มม. และสถิติ 30 ปี มีฝนตกเฉลี่ยแค่ปีละ 75 วันเท่านั้นเอง แถมบางปีมีฝนตกแค่ 5 วันก็ยังมีฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจพื้นที่นี้ถึงได้แห้งแล้ง และเป็นที่มาให้เกิด โครงการเทพาโมเดล โดย ศูนย์ประสานการปฏิบัติการที่ 4 (ศปป.4 กอ.รมน.) ทดลองนำระบบ หลุมพิทักษ์รักษ์โลก (คล้ายธนาคารน้ำใต้ดิน) มาใช้ในพื้นที่สวนทุเรียน 200 ไร่ ที่บ้านป่ากอ ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา ของ นายยีหมาน บูเอียด เกษตรกรวัย 63 ปี โดยมี พ.ต.โสมนัส ลพล้ำเลิศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายติดตามสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนเสริมสร้างความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และอาหาร ศปป.4 กอ.รมน. เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการ และมี อ.โกวิท ดอกไม้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องธนาคารน้ำใต้ดินเป็นที่ปรึกษา“เดิมพื้นที่นี้เป็นสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน ช่วงหลังทุเรียนราคาดีติดต่อกันมาหลายปี เลยคิดปรับเปลี่ยนมาปลูกทุเรียนเมื่อปี 2562 แต่ด้วยที่ดินของเราค่อนข้างแห้งแล้ง ฝนไม่ค่อยตก ไม่มีทั้งฝาย ไม่มีอ่างเก็บน้ำ เลยต้องลงทุนทำระบบน้ำไปร่วม 2 ล้านบาท สูบน้ำจากลำห้วยที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 400 เมตร สูบน้ำขึ้นมาเก็บในแท็งก์ขนาด 16,000 ลิตร แล้วต่อท่อลงมายังสวนทุเรียน จ่ายน้ำแบบสปริงเกอร์ ปรากฏว่าน้ำในลำห้วยมีไม่พอ ต้นทุเรียนที่ปลูกตายไปร่วมครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเหี่ยวเฉาใกล้ตาย เพราะขาดน้ำ บังเอิญสนิทกับผู้พันหยอย (พ.ต.โสมนัส) ที่มาเป็นวิทยากรศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของผมเองเป็นประจำ จึงปรึกษาหารือกัน ผู้พันแนะให้ทำหลุมพิทักษ์โลก นอกจากจะเพื่อตัวเราเอง หากได้ผลดีจะได้เป็นแบบอย่างให้ชาวบ้านคนอื่นเอาไปทำบ้าง”นายยีหมานเล่าถึงที่มาของโครงการเทพาโมเดล...ตอนแรกก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่คิดว่ายังไง พ.ต.โสมนัส ที่สนิทกันคงไม่หลอกตัวเอง เลยตัดสินใจทดลองทำดู ควักเงินส่วนตัวจ้างคนงานและรถแบ็กโฮ มาทำหลุมพิทักษ์โลก ในพื้นที่มีการขุดบ่อแบบเปิด 4 บ่อ ขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ลึกประมาณ 7-8 เมตร แต่ละหลุมจะลึกไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าต้องขุดให้ทะลุชั้นดินเหนียวไปจนถึงชั้นหินอุ้มน้ำ เพื่อคอยดักน้ำที่ไหลหลากลงมา ให้ซึมลงไปเติมน้ำใต้ดินแต่ละบ่อจะขุดห่างกันขนาดไหน ไม่มีข้อกำหนดขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและทางน้ำไหล แต่ต้องขุดให้กระจายในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อจะสะดวกในการสูบขึ้นมารดต้นไม้ในยามขาดแคลนน้ำพร้อมกันนั้นมีการขุดหลุมเล็ก หรือหลุมพิทักษ์โลก กระจายไประหว่างแถวปลูกต้นทุเรียน อีก 30 หลุม เป็นหลุมขนาดกว้าง 1 เมตร ลึก 1 เมตร ภายในหลุมใส่ก้อนหินก้อนกรวดลงไป และติดตั้งท่อระบายอากาศ เพื่อดักน้ำฝนที่ตกลงมา ให้ไหลลงหลุม ซึมกระจายน้ำไปทั่วแปลง และซึมไปเติมน้ำให้กับบ่อเปิดที่ขุดไว้ 4 บ่อ“เราลงมือทำเมื่อกลางปี 2563 ใช้เวลาแค่เดือนเดียวเสร็จ ตอนนั้นที่นี่ยังไม่เข้าหน้าฝน แต่ยังจะพอมีฝนตกประปรายอยู่บ้าง ไม่น่าเชื่อ ทั้งหมดที่ทำลงไปคุ้มค่ามาก ดีกว่าเสียเงิน 2 ล้านบาทไปกับทำระบบน้ำแบบเก่า ทำหลุมพิทักษ์โลก หมดไปแค่ 8-9 หมื่นบาทเท่านั้นเอง แต่กลับมีน้ำ ที่ดินมีความชุ่มชื้นมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญทำให้ต้นทุเรียนโตเร็ว แตกยอดออกมามากมาย จากเดิมในช่วงแรกใช้ระบบน้ำสปริงเกอร์แบบเก่า ปลูก 8 เดือนต้นทุเรียนโตสูงแค่เมตรครึ่ง แต่หลังจากมีหลุมพิทักษ์โลก 3 เดือน ต้นทุเรียนสูงขึ้นเท่าตัวเป็น 2 เมตร โดยไม่ต้องเสียเงินค่าน้ำมันมาสูบน้ำรดต้นไม้แต่อย่างใด”ยีหมานยังบอกถึงความมหัศจรรย์ของหลุมพิทักษ์โลกอีกว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวภัยแล้งอีกแล้ว เพราะบ่อเปิดที่ทำไว้ 4 บ่อ แม้น้ำจะไม่เต็มบ่อ แต่ได้ทดลองสูบน้ำติดต่อกันนาน 5 ชั่วโมง...น้ำไม่แห้งเลย มีซึมออกมาให้สูบได้ตลอดเวลาเกษตรกรสนใจที่จะเรียนรู้วิธีการทำหลุมพิทักษ์โลก หรือธนาคารน้ำใต้ดินในแบบ กอ.รมน. สอบถาม พ.ต.โสมนัส ได้ที่ 08-2830-5813.ชาติชาย ศิริพัฒน์