ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดงานแถลงข่าว สปสช. แจงยกเลิกสัญญา 64 คลินิก-รพ.เอกชนด้วยเหตุทุจริต ย้ำสิทธิบัตรทองยังคงอยู่ มีมาตรการรองรับ-บรรเทาผลกระทบ โดย นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า จนถึงวันนี้ มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกที่ทำเอกสารเบิกจ่ายเท็จ รวม 1 ล้านคน มีคลินิกที่ สปสช.ยกเลิกสัญญาไปแล้ว โดยครั้งแรกจำนวน 18 คลินิก ครั้งที่สอง 64 คลินิก และตรวจพบอีก 106 คลินิก รวม 188 แห่ง
ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายนั้น บอร์ด สปสช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขเกินจริง โดยมีนายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการฯ ซึ่งจากการตรวจสอบคลินิกที่ทุจริต สปสช.จะดำเนินการดังนี้ คือ ฟ้องร้องดำเนินคดีกับคลินิกทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง ยกเลิกสัญญากับคลินิกที่ทุจริต แจ้งต่อสภาวิชาชีพที่บุคคลในคลินิก หรือแล็บเกี่ยวข้อง และแจ้งกรมสนับสนุนบริการ กระทรวงสาธารณสุข ให้ดำเนินการกับคลินิก
ด้านนายจิรวุสฐ์ กล่าวว่า อนุกรรมการฯ ประกอบด้วยบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับ สปสช. ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่าการตรวจสอบของอนุกรรมการฯ ไม่ถูกแทรกแซงหรือครอบงำจาก สปสช.แน่นอน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบรูปแบบการทุจริตดังนี้ 1.การสวมสิทธิโดยใช้ชื่อและเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ป่วยมาเบิกเงิน 2.แก้ไขข้อมูลส่วนตัวผู้ป่วยในเวชระเบียน โดยเลือกคนที่มีน้ำหนัก ส่วนสูง มวลกระดูกที่ลดลง ซึ่งเข้าเกณฑ์การคัดกรอง 3.ใช้ผลแล็บตรวจเลือดมาเป็นหลักฐานประกอบผลการคัดกรอง ซึ่งเบิกได้รายละ 400 บาท หากส่งเฉพาะใบคัดกรองจะเบิกได้ 100 บาท 4.ใช้วิธีออกตรวจคัดกรองนอกพื้นที่ เช่น ตรวจคัดกรองพนักงานบริษัท จำนวน 100 คน แต่ทั้งหมดไม่ใช่พนักงานของบริษัทนั้น ส่วนการฟ้องร้องจะแบ่งออกเป็นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่ง รวมทั้งส่งรายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับวิชาชีพให้สภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น แพทยสภา สภาเทคนิคการแพทย์ ทันตแพทยสภา เป็นต้น
...
ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น เบื้องต้นตรวจสอบเฉพาะปีงบประมาณ 2562 พบการทุจริตทุกรายการที่คลินิกเสนอเบิกมา ความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบการเบิกจ่ายย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มมีโครงการร่วมกับคลินิกต่างๆ นอกจากนี้ ยังตรวจพบคลินิกทันตกรรมที่เบิกจ่ายไม่ถูกต้อง 7 แห่ง ซึ่งได้มีการแจ้งความไว้แล้ว และจะตรวจสอบคลินิกทันตกรรมทั้งหมดอีก 100 กว่าแห่งด้วย ซึ่งคิดว่าเกือบทั้งหมดเบิกจ่ายเท็จ และพบว่าช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการทุจริตในครั้งนี้คือ การเบิกจ่ายเงินไม่ต้องแสดงตัวตน จึงเสนอให้ สปสช.แก้ไขแล้ว.