เงื่อนปมปัญหา “ขยะพลาสติกจากต่างประเทศ” ที่ยังคงทะลักเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมหาศาล กำลังจะกลายเป็นปลายทางการกำจัดขยะ เพราะ “ผู้ประกอบการ” ยังถือใบอนุญาตค้างเก่า และมีโควตานำเข้าเศษพลาสติกหลงเหลืออยู่ราว 2 แสนตัน ก่อน “รัฐบาล” สั่งห้ามนำเข้าในปี 2561แม้ว่าเป็นการ “อนุญาต” ให้นำเข้าเฉพาะ “เศษพลาสติก” สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตเป็นพลาสติกใหม่ เพื่อส่งเสริมการลงทุนบริษัทต่างชาติในประเทศ และตอบสนองสินค้าพลาสติกราคาถูกจากขยะรีไซเคิลในบางครั้งมักมีการ “ยัดไส้ขยะ” ไม่สามารถรีไซเคิลได้ปะปนมาด้วย เพราะ “ประเทศต้นทางขยะ” ต้องการให้ประเทศปลายทางเป็นพื้นที่ทิ้งขยะไร้ประโยชน์อยู่แล้ว จึงฉวยโอกาสช่องทางนี้ “ลักลอบ” นำขยะเข้ามาในไทย และปริมาณไม่น้อยไม่สามารถผลิตเป็นพลาสติกใหม่ได้ สุดท้ายต้องถูกกำจัดด้วยการฝังกลบ เผา หรือทิ้งลงทะเลตามข้อมูลนักวิชาการระบุปี 2562 ประเทศไทยมีการนำเข้าขยะพลาสติกมากกว่า 400,000 ตัน สูงเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน และมีโรงงานรีไซเคิลมากกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศแต่เรื่องนี้กำลังสวนทางนโยบายความร่วมมือ “ภาครัฐและเอกชน” ในการ “งดเลิกใช้พลาสติกแบบครั้งเดียว” เพื่อขับเคลื่อนให้ “ประเทศไทย” เข้าสู่การเป็นสังคมปลอดขยะ ในการลดปัญหาก่อให้เกิดมลพิษผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ “โรดแม็ปการจัดการขยะพลาสติก”มีการดำเนินการเลิกใช้พลาสติกมาตั้งแต่ปี 2562 คือ 1.พลาสติกหุ้มขวดน้ำดื่ม 2.พลาสติกผสมสารอ็อกโซ่ 3.พลาสติกผสมไมโครบีด และอีก 4 ชนิด...1.พลาสติกหูหิ้วหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน 2.กล่องโฟม 3.หลอดพลาสติก และ 4.พลาสติกใช้ครั้งเดียว ที่จะให้เลิกใช้ในปี 2565กลายเป็นว่า...“มีนโยบายงดใช้ถุงพลาสติก” แต่กลับอนุมัตินำเข้าขยะพลาสติกแทน ทำให้นโยบายย้อนแย้งกัน สะท้อนการบริหารจัดการขยะของประเทศไม่ดี อาจเป็นปัญหาขยะทับถมในอนาคต เรื่องการนำเข้าของเสียจากต่างประเทศ เพื่อเป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมนี้ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ ให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่ปี 2561 “หน่วยงานภาครัฐ” มีมาตรการตรวจจับโรงงานอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ ในการลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์ และขยะเศษพลาสติกจากต่างประเทศ เข้ามากำจัดในไทย ด้วยการสำแดงเท็จ จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดกระแสการต่อต้านจากประชาชนกระทั่งนำมาสู่การเร่งผลักดันให้ขยะเป็นวาระแห่งชาติ ด้วยการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบ ในการพิจารณาห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยเด็ดขาด ส่วน “การนำเข้าเศษพลาสติก” ให้ชะลอออกไปชั่วคราวและมีประกาศล่วงหน้าในปี 2564 ต้องสั่งห้ามนำเข้าเศษพลาสติกเด็ดขาดเช่นกัน ในส่วน “ผู้ประกอบการ” ที่มีใบอนุญาตค้างเก่า คาดว่า “ใบอนุญาตทั้งหมด” จะหมดอายุในเดือน ก.ย.2563 ยังนำเข้าขยะพลาสติกได้ แต่ต้องผ่านการตรวจปล่อยสินค้าตามที่ได้รับโควตา ตั้งแต่ด่านศุลกากร จนถึงโรงงานทุกตู้คอนเทนเนอร์ทว่า... “สินค้าเศษพลาสติกนำเข้าในไทย” ตามหลักต้องผ่านเส้นทาง 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรก... “Red Line” สถานะของสินค้า ที่จะต้องเปิดตรวจก่อน และ ลักษณะที่สอง... “Green Line” สถานะของสินค้าที่ไม่ติดเงื่อนไขการนำเข้า ทำให้ไม่ต้องเปิดตรวจโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อน สามารถดำเนินการนำเข้าได้เลยไม่นานนี้...“กลุ่มซาเล้ง กลุ่มผู้ประกอบการรีไซเคิล หรือร้านรับซื้อ ของเก่าในประเทศ” ยื่นหนังสือต่อ “รัฐบาล” ให้ยุติการนำเข้าขยะพลาสติกถาวร ด้วยเหตุผลกล่าวอ้างว่าได้รับข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากคนในกรมโรงงานอุตสาหกรรม อาจจะมีการยกเลิกการชะลอนำเข้าเศษพลาสติกและในปี 2564 จะเปิดให้มีการนำเข้าพลาสติกราว 6.5 แสนตันอีกด้วย เหตุผลนำเข้านี้มี 2 ประการ คือ เพ็ญโฉม แซ่ตั้งประการแรก... “เศษพลาสติกในประเทศ” มีการคัดแยกไม่มีคุณภาพ ที่เป็นขยะพลาสติกสกปรก แตกต่างจากขยะพลาสติกนำเข้าที่สะอาดและราคาถูกกว่ามาก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจรีไซเคิลพลาสติกต่างมีการผลักดันเรื่องนี้ประการที่สอง...การนำเข้าขยะพลาสติกจำเป็นบางชนิดในประเทศไม่มี และเศษพลาสติกนำเข้า ส่วนใหญ่ก็เป็น “ขยะอุตสาหกรรม” สามารถใช้ได้ไม่มีการปนเปื้อน ในการนำเข้านี้ก็เป็นสัดส่วนน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับการใช้พลาสติกในประเทศที่มีสูงหลายสิบล้านตันต่อปีแม้ว่าต่อมา “กระทรวงอุตสาหกรรม” จะออกมายืนยันว่า โควตานำเข้าเศษพลาสติกต่างประเทศ 6.5 แสนตัน “ไม่ใช่เรื่องจริง”...ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี และหวังว่า “คงจะไม่มีการอนุมัติ” ให้โควตานำเข้าเศษพลาสติกอีกต่อไป แต่เรื่องนี้มีกระแสเกิดขึ้นจากการถกเถียงกันในวงคณะกรรมการแก้ไขปัญหานำเข้าขยะพลาสติกในบางคนพยายาม “ยื้อเวลาออกกฎหมาย” ไม่ให้นำเข้าเศษพลาสติกมาในไทย เพราะการนำเข้าเศษพลาสติก 6.5 แสนตันนี้นับว่ามีตัวเลขสูงมาก ถ้าเทียบการนำเข้าระยะ 5 ปี ในปี 2557-2561 ราว 9 แสนตันสิ่งสำคัญ...“นำเข้าเศษพลาสติกเข้ามารีไซเคิลในไทย” จะเป็นการสร้างปัญหาไม่มีวันจบในหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่กำลังเป็นข้อขัดแย้งกับแนวคิด “รัฐบาล” ตามนโยบายเลิกใช้ถุงพลาสติกเพื่อลดปริมาณขยะในสังคม แต่กลับยังมีการนำเข้า หรือกำลังจะมีการอนุญาตให้นำเศษพลาสติกเข้ามาอีก ทว่า...สาเหตุขยะพลาสติกทะลักมาไทยนี้นับตั้งแต่ปี 2561 “ประเทศจีน” เริ่มมาตรการ “ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก” เพราะอุตสาหกรรมรีไซเคิลหล่อหลอมพลาสติกจากต่างประเทศ กลายเป็นต้นเหตุก่อปัญหา “มลพิษระดับรุนแรง” แม้ว่า “ขั้นตอนระบบโรงงานรีไซเคิลของจีน” จะมีระบบควบคุมเข้มงวดที่เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงทำให้ “ระบบรีไซเคิล” มีระดับมาตรฐานความปลอดภัยสูง มีโอกาสส่งผลกระทบต่อมลพิษน้อยอย่างมาก แต่สุดท้ายอุตสาหกรรมรีไซเคิลหล่อหลอมพลาสติกนี้ก็ยังก่อมลพิษอากาศปนเปื้อนรุนแรง นำไปสู่ภาวะการเจ็บป่วยต่างๆ ดังนั้น “รัฐบาลจีน” สั่งปิดกิจการรีไซเคิลในประเทศจำนวนมาก และห้ามนำเข้ามาเป็นเวลา 3 ปีแล้วหนำซ้ำกลายเป็นเหตุให้... “โรงงานหลายแห่ง” ที่เป็นกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ต่างย้ายฐานผลิตมายังในไทยมากมาย เพราะ “รัฐบาลไทย” ไม่มีข้อกำหนดเงื่อนไขจำกัดใดๆในการควบคุมกำกับมาตรฐานระบบรีไซเคิลเศษพลาสติกจากต่างประเทศที่ชัดเจน ทำให้เศษพลาสติกที่เคยไปประเทศจีนทั้งหมด ก็ทะลักตามเข้ามายังในไทยด้วย...ประเด็นนี้ทำให้ “นานาชาติกว่า 81 ประเทศทั่วโลก” ต่างมุ่งนำขยะพลาสติกเข้ามาเมืองไทย ในช่วง 5 ปีมานี้มากกว่า 9 แสนตัน โดยเฉพาะญี่ปุ่น 30% ฮ่องกง 18% สหรัฐฯ 16% ออสเตรเลีย 8% จีน 8% ในบางประเทศต่างมีโปรโมชันลด แจก แม้กระทั่งยอมจ่ายเงิน เพื่อให้นำเศษพลาสติกออกจากประเทศต้นทางด้วยซ้ำแต่การนำเข้าเศษพลาสติกนี้มีหลักเกณฑ์ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ต้องเป็นเศษพลาสติกแยกประเภทไม่ปะปนกัน สามารถเข้าสู่กระบวนการผลิตของโรงงานได้ ที่ไม่ต้องผ่านการทำความสะอาดอีก และต้องผ่านการบด หรือตัดมีขนาดไม่เกิน 2 ซม. เป็นต้น หากไม่เป็นตามนี้ต้องมีการส่งกลับประเทศต้นทางทันที ตอกย้ำว่า...ในทางปฏิบัติแล้วกลับไม่เป็นตามเงื่อนไขประกาศนี้ทั้งหมด เพราะบางครั้งมีการลักลอบนำพลาสติกไม่สะอาดเข้ามาด้วย เช่น ล่าสุดกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนฯลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจยึดการลักลอบนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศไว้ 1,700 ตู้คอนเทนเนอร์ผลปรากฏว่า 5 ตู้ เป็นอุปกรณ์การเล่นพนัน และอีก 4 ตู้ เป็นเม็ดพลาสติก เศษขยะพลาสติก แสดงให้เห็นว่ายังมีการสำแดงเท็จลักลอบสิ่งผิดกฎหมายแทรกเข้ามาตลอดเวลา ฉะนั้น ถ้ามีการอนุญาตให้มีการนำเข้าเศษพลาสติกอยู่ ก็จะลักลอบนำเข้าอย่างอื่นมาด้วยอยู่เสมอเพราะการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศต้อง “มีเส้นช่องทางใหญ่” ทำให้อาจเป็น “การเปิดช่องให้กระทำผิดกฎหมาย” ที่เรียกว่า “คอร์รัปชัน” ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงการส่งออกด้วยซ้ำเหตุฉะนี้... “โควตา” นำเข้า “เศษพลาสติก” จากต่างประเทศ กำลังจะสิ้นสุดอายุในเดือน ก.ย.2563 “รัฐบาล” คงต้องคิดทบทวนให้หนัก มิเช่นนั้น “ประเทศไทย” อาจกลายเป็นที่ “ทิ้งขยะ” ของโลก.