ศบค.ยากจะต้าน ยอมเปิดทางให้กอง ทัพบกนำทหารสหรัฐอเมริกา 110 นายจากเกาะกวมและญี่ปุ่น เข้ามาร่วมฝึกในไทยตลอดเดือน ส.ค. โดยบินมาลงอู่ตะเภา ด้านที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.ลั่นมั่นใจเอาอยู่ คุมเข้มตามมาตรการสาธารณสุข ส่งเข้า กักตัว 14 วันในโรงแรมในกรุง ยันไม่ต้องห่วงปล่อยทำนอกลู่นอกทาง อ้างความจำเป็นฝึกต่อเนื่อง พร้อมคาดโทษคนดูแลห้ามปล่อยเล็ดลอด ขณะเดียวกันพบนานาชาติพาเหรดเข้าไทยเพียบ โดยไทยยังพบคนติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอินเดีย ด้านองค์การอนามัยโลก ยอมรับการระบาดของโควิด-19 เป็นวิกฤติครั้งใหญ่สุดในรอบ 100 ปี อาจมีผลกระทบตามมาอีกนานหลายสิบปี แนะให้ประชาคมโลกพยายามเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส และต่อสู้ด้วยเครื่องมือที่มี

แม้ไทยยังปลอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศต่อเนื่องมากว่าสองเดือน และพบผู้ติดเชื้อในขณะนี้เป็นกลุ่มคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่ในสัปดาห์นี้รัฐบาลก็เปิดรับชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศมากขึ้น รวมถึงทหารสหรัฐอเมริกาที่เดินทางมาจากเกาะกวมและฐานทัพในญี่ปุ่น ภายใต้มาตรการคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด

...

ไทยจาก ตปท.ติดโควิด 3 ราย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ส.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า มีผู้ติดเชื้อราย ใหม่เพิ่มขึ้น 3 รายในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,320 ราย หายป่วยสะสม 3,142 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 120 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้าง และชายไทย อายุ 43 ปี พนักงานขับรถ ถึงไทยวันที่ 29 ก.ค.เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 1 ส.ค. ไม่มีอาการอีก 1 รายเดินทางกลับจากอินเดีย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 19 ปี ถึงไทยวันที่ 30 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ กรุงเทพฯ ตรวจพบเชื้อวันที่ 1 ส.ค. ไม่มีอาการ

ชี้ระบาดซ้ำเพราะการ์ดตก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 18,234,936 ราย รักษาหายแล้ว 11,444,149 ราย เสียชีวิต 692,794 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงมาก ก่อนหน้านี้ 10 วันมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 ล้านราย แต่ปัจจุบันเพียง 3-4 วัน มีผู้ติดเชื้อล้านคนแล้ว ต้องขอบคุณคนไทยที่กลับมาประเทศไทย และเข้าสู่สถานที่กักตัวของรัฐกว่า 6 หมื่นคนที่เราได้ดูแล และกลับไปสู่ครอบครัว ส่วนใหญ่ไม่พบเชื้อ ส่วนที่พบเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาจนหลายคนหายเป็นปกติ นี่คือน้ำใจของคนไทยที่ไม่ทิ้งกัน สำหรับประเทศเวียดนามที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อมานานกว่า 3 เดือน หรือที่ฮ่องกงพบการระบาดระลอก 3 การที่ประชาชนผ่อนคลายไม่ระมัดระวัง ไม่ใส่หน้ากากอนามัยและไม่เว้นระยะห่างทางสังคม เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ศบค.ได้สั่งไปแล้วว่าต้องเข้มในเรื่องนี้

ลั่นตรวจเข้มแรงงานเพื่อนบ้าน

เมื่อถามถึงแรงงาน 3 สัญชาติ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ขอเดินทางเข้าไทยจะมีมาตรการอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวแทน กระทรวงแรงงานเสนอมาตรการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามา โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าต้องตรวจตั้งแต่หน้าด่าน ถ้าผลเป็นบวกจะไม่ให้เข้าประเทศตั้งแต่แรก แม้ว่าไทย ยังมีความต้องการแรงงานมากถึง 60,000-100,000 ราย และมีรายงานว่ามีแรงงานต่างด้าวในต่างประเทศจำนวนมากต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากไม่มีงานทำ ในส่วนนี้ต้องนำข้อมูลมาพิจารณาในเมื่อมีแรงงานอยู่แล้ว ทำไมต้องนำเข้า และเรากังวลใจแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่จะลักลอบเข้ามา ขอให้ประชาชนตามแนวชายแดนช่วยเป็นหูเป็นตา ส่วนการเปิดเรียนตามปกติ คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สามารถอนุมัติได้เลย ไม่ต้องรอที่ประชุมใหญ่ ศบค.ขึ้นอยู่กับกระทรวงศึกษาธิการรวบรวมข้อมูล คาดว่าจะนำเสนอภายในสัปดาห์นี้ ให้มั่นใจว่าไปเรียนแล้วจะไม่ติดเชื้อ

...

ทหารสหรัฐฯ ตบเท้าเข้าไทย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 3 ส.ค. นอก จากมีคนไทยกลับเข้าประเทศแล้ว ยังมีทหารสหรัฐอเมริกาเข้ามาร่วมฝึกในไทย ในที่ประชุม ศบค.ระบุว่าตามนโยบายควรเลื่อนออกไป ก่อนหน้านี้ได้เลื่อนการเข้าร่วมฝึกไปแล้วกว่า 2 พันราย แต่ในรอบนี้ที่จะเข้ามาในวันที่ 3 และ 4 ส.ค.เป็นกำลังพล 71 นายจากเกาะกวม สหรัฐฯ เข้ามาในช่วงเช้า เข้าพักที่โรงแรมคอนราด ซึ่งเป็น Alternative State Quarantine (ASQ) ทั้งหมด และช่วงเย็น มาจากเมืองโยโกเตะ ประเทศญี่ปุ่น อีก 32 นาย จะเข้าพักที่โรงแรม Anantara Siam ส่วนวันที่ 4 ส.ค.กำลังพลเดินทางจากญี่ปุ่นมาเพิ่มอีก 7 นาย ขอให้ประชาชนอุ่นใจและสบายใจ การดูแลทุกอย่างจะรัดกุมมาก

แจงที่มาทหารมะกันฝึกในไทย

จากนั้นเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ผอ.ศบค.ทบ.) ชี้แจงถึงกรณีทหารสหรัฐอเมริกาเดินทางจากสหรัฐฯ เข้ามาประเทศไทยจำนวน 71 นาย และเดินทางมาจากญี่ปุ่น 32 นาย มาฝึกร่วมกับกองทัพบก โดยเข้ากักตัวในโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม.ว่าเป็นเรื่องของความต่อเนื่องในการฝึกร่วมผสมรหัส “หนุมานการ์เดียน” ที่ดำเนินการมากกว่า 20 ปี โดยในปีที่ผ่านมาได้วางกลไกไว้ว่าจะไม่เน้นการฝึกเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการแลก เปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ จึงนำมาสู่การเดินทางมาครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางไทยส่งทหารไปเรียนต่างประเทศหลายเหล่า และทางสหรัฐฯ ก็สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ที่ประเทศไทยได้ โดยทาง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ระบุว่าถ้าเป็นเช่นนั้นให้คณะครูอาจารย์ของสหรัฐฯและไทยมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน

...

ยันไม่ปล่อยให้เดินเพ่นพ่าน

พล.อ.ณฐพนธ์กล่าวต่อว่า ทหาร 71 นายที่เดินทางเข้ามาเป็นคณะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญทหารสหรัฐฯที่จะมาเป็นโค้ชหรือเทรนเนอร์ ประกอบด้วย ผู้แทนส่งกำลังบำรุง ผู้แทนหน่วยทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกับคณะครูอาจารย์ของกองทัพบกไทยเพื่อพัฒนา การฝึกทั้งหมด ที่กองทัพบกไทยได้ประโยชน์เต็มที่ ส่วนการฝึกหน้างานจะมีเพียงการฝึกเล็กๆเท่านั้น ยืนยันว่าทุกคนที่เข้ามาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของศบค. ทางสหรัฐฯ ไม่มีปัญหา และยอมเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน รวมทั้งการตรวจสวอป เทสต์ 2 ครั้ง หากพบติดเชื้อจะส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที และจะไม่ให้ทหารสหรัฐฯออกนอกค่าย เพราะไม่ได้ให้อิสระขนาดนั้น จะไปเดินห้างเดินตลาดไม่ได้ แล้วจะมีคนติดตาม หากไปค่ายไหนก็ต้องมีการปิดค่าย และจะไม่มีการไปกินเลี้ยงที่ไหน ทั้งนี้จะมีทหารไทยที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับการฝึกสัดส่วน 1 ต่อ 3 ไม่เกิน 50 คน

อีก 35 นายทหารบินมาจากญี่ปุ่น

พล.อ.ณฐพนธ์กล่าวอีกว่าในส่วนที่มาจากประเทศญี่ปุ่นก็เป็นทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 32 นาย โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาในกิจการในหน่วยรบพิเศษ ส่วนอีก 3 นายเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มากับคณะ รวมเป็น 35 นาย และทั้งหมดจะอยู่ประเทศไทยถึงสิ้นเดือน ส.ค. โดยวันที่ 3-16 ส.ค. จะอยู่ในสเตต ควอรันทีน และวันที่ 18 ส.ค. จะปล่อยตัวให้ไปทำกิจกรรม ขอให้ความมั่นใจที่เป็นห่วงกันว่าคนเหล่านี้มาแล้วจะแพร่เชื้อหรือไม่นั้น ต้องกักตัว 14 วัน แม้จะตรวจมาจากต่างประเทศแล้วเราก็ไม่เชื่อ ต้องตรวจที่ไทยและต้องเห็นกับตา การเข้ามาจะไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ หากทางสหรัฐฯยอมรับเงื่อนไขนี้ได้

...

ไทยมาตรฐานสูงมั่นใจเอาอยู่

พล.อ.ณฐพนธ์กล่าวด้วยว่า กองทัพบกเข้าใจความรู้สึกประชาชนดี แต่ต้องเข้าใจว่าเราอยู่ในช่วงที่มีมาตรการผ่อนคลาย ไม่ได้ปิดประเทศ เราใช้มาตรการดังกล่าวมาปฏิบัติควบคู่กับการฝึกอบรม และคิดว่าระบบของไทยมีมาตรฐานสูง สามารถเอาอยู่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะเข้ามาตามมาตรฐานของ ศบค.เป๊ะๆ ไม่มีการปล่อยให้ออกมาทำนอกลู่นอกทาง ส่วนการที่มีการชะลอฝึกไปกว่า 2 พันคนก่อนหน้านี้คือ ไม่ส่งกำลังพลไปฝึกต่างประเทศ ทั้งนี้การฝึกรหัสหนุมานการ์เดียน และการฝึก lightning forge 2020 นั้น เราจะต้องจัดส่งผู้เชี่ยวชาญไปที่รัฐหลุยเซียนา สหรัฐฯ แต่ขณะนี้มีการชะลอและพิจารณาทบทวนใหม่ทั้งหมด แต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องความผูกพันของการเรียนการสอน และไม่มีการทำอะไรนอกระบบ พร้อมยืนยันกองทัพบกมีความจำเป็นที่ต้องแลกเปลี่ยนการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญและความคุ้มค่าเกิดจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและถูกจุดที่กองทัพต้องพัฒนาศักยภาพ หากเลื่อนไปปีหน้าจะกระทบแผนการต่างๆ ที่เตรียมไว้จะเลื่อนไปหมด

ถือเป็นการทดสอบ สธ.ไทย

ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลหลังรู้ว่าทหารสหรัฐฯจะเข้าไทย จนทำให้ประชาชนเกิดความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อนั้น พล.อ. ณฐพนธ์ กล่าวว่า ขอยืนยันจะทำให้ดีที่สุด และทหารกลัวยิ่งกว่าประชาชน ทั้งการเสียชื่อและภาพลักษณ์ ส่วนจะให้ความมั่นใจเต็มร้อยก็ไม่มีใครรับประกันขนาดนั้น แต่โอกาสพลาดที่จะมีหลุดออกมายาก ทหารกลุ่มนี้จะไปฝึกที่ค่ายฝึกรบพิเศษ ค่ายทหารเหล่าราบ เหล่าปืน เหล่าม้า ซึ่งจะไปในค่ายใหญ่ๆ ไม่ได้ไปหน่วยย่อย พร้อมตอบข้อสงสัยที่ว่าหากพลาดครั้งนี้จะเป็นบทเรียนครั้งที่ 4 หรือไม่ว่า ขออย่านับครั้งเลยเพราะเหมือนกับพูดอะไรต้องรักษาคำพูด และ ผบ.ทบ.เป็นห่วงและเอาใจช่วย อีกทั้งคอยเสริมมาตรการแต่ละจุดให้เพียงพอ ห้ามให้เกิดข้อผิดพลาด ผู้รับผิดชอบต้องลงไปจี้และมีผู้กำกับอีกชั้น จุดไหนหละหลวมทำให้หลุดรอดมาได้ คนที่ดูแลจุดนั้นต้องรับผิดชอบ และยืนยันด้วยว่าที่ไม่ห้ามมาตั้งแต่แรกเพราะเราไม่ได้ปิดประเทศ เราจำเป็นต้องอยู่รอดภายใต้การสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาคมโลกเห็นว่ามาตรฐานสาธารณสุขไทยเข้มแข็งพอที่จะแก้ไขปัญหาได้

พลาดจุดไหนหน่วยนั้นรับผิดชอบ

พล.อ.ณฐพนธ์กล่าวอีกว่า ถ้ามีข้อผิดพลาดหน่วยนั้นๆต้องรับผิดชอบ คนประจำจุดต่างๆต้องรับผิดชอบ เพราะ ผบ.ทบ. ได้ลงมาเน้นย้ำทุกขั้นตอนไม่ให้ผิดพลาดในแต่ละจุดที่รับ-ส่ง จะต้องรัดกุมหากมีการเล็ดลอดหรือหลุดตรงจุดไหนจุดตรงนั้นต้องรับผิดชอบ ที่ผ่านมาก็ถือเป็นบทเรียนอย่างที่เราส่งไปฝึก 151 นาย กลับมาจากสหรัฐฯ พบติดเชื้อ 9 นาย ถือว่าเจ็บแล้วจำ ครั้งนี้ก็ต้องทำให้ดีเพราะหากเล็ดลอดออกไปเท่ากับว่าระบบกักกันของไทยใช้ไม่ได้แล้ว

มา 3 เที่ยวบินรวม 110 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารสหรัฐฯที่มาครั้งนี้ ประกอบด้วย เที่ยวบินแรก มาจากเกาะกวม 71 นาย ฝึก SFAB SMEE ของกองทัพบก มีหลายเหล่า ทั้งราบ ม้า ปืน รบพิเศษ เที่ยวบินที่สอง มาจากฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ในเมืองโยโกตา ประเทศญี่ปุ่น 32 นาย ฝึก Balance Torch และเที่ยวบินที่สาม มาจากฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ในญี่ปุ่น อีก 7 นาย โดย 4 นาย ฝึก HMA Ex การฝึกปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และอีก 3 นาย ฝึก Vector Balance Torch

คัดกรอง-กักตัวทหารอเมริกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ ศบค.จะแถลงถึงการมาของคณะทหารสหรัฐฯในครั้งนี้ ปรากฏว่าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ส.ค.ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เครื่องบินโบอิ้ง 767 นำทหารอเมริกัน 71 นาย มาถึง ซึ่งหลังเครื่องลงจอดเรียบร้อย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไทยเข้าดำเนินการตามขั้นตอนถึงทางลงจากเครื่อง และได้นำทหารอเมริกันทั้งหมดขึ้นรถที่เตรียมไว้ เข้าผ่านจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าและผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ ซึ่งแยกเป็นระบบปิด ไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่น ส่วนกระเป๋าสัมภาระต่างๆ ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อตามวิธีการที่เหมาะสม ก่อนนำทหารทั้งหมดขึ้นรถบัสเดินทางเข้าสถานที่กักกันเพื่อเฝ้าดูอาการ จนกว่าจะครบวันและเวลาที่กำหนด ก่อนที่จะเข้าร่วมการฝึกกับกองทัพบกไทยต่อไป

ต่างชาติพาเหรดมาไทยคึกคัก

ส่วนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 3 ส.ค.เวลา 06.00 น. นักธุรกิจอิตาลี 7 คน และโมร็อกโก 3 คน รวม 10 คน เดินทางมาถึงไทยด้วยสายการบิน ไทย เที่ยวบินที่ TG951 ต่อด้วยเวลา 13.05 น.สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET608 นำคนไทยตกค้างในประเทศเอธิโอเปีย อิสราเอล และโมซัมบิก จำนวน 3 คน พร้อมด้วยนักธุรกิจแอฟริกาใต้ 14 คน อิสราเอล 1 คน เอธิโอเปีย 1 คน และออสเตรเลีย 1 คน เข้าไทย จากนั้นเวลา 13.40 น. สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR836 นำคนไทยจากนครโดฮา กาตาร์ จำนวน 4 คน พร้อมด้วยนักเดินทางชาวอังกฤษที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย 4 คน และชาวบังกลาเทศที่เข้ามา รักษาตัว 1 คน พร้อมผู้ติดตาม 2 คน เดินทางเข้าไทย ซึ่งหลังผ่านด่านคัดกรองโรคแล้ว ทั้งหมดถูกส่งตัวไปที่สถานกักตัวที่รัฐกำหนดและ รพ.ทางเลือกใน กทม.

คนไทยในอินโดฯถึงมาตุภูมิ

อีกด้านหนึ่งที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 15.30 น. สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ SL119 เครื่องบินเช่าเหมาลำ นำกลุ่มคนไทยในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย จำนวน 194 คน เดินทางมาถึง ซึ่งหลังผ่านด่านคัดกรองโรคแล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำทั้งหมดไปเข้ากักตัวที่โรงแรมใน กทม.และ จ.ชลบุรี

บัวแก้วช่วยแรงงานไทยในอุซเบฯ

วันเดียวกัน นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน ว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก เปิดรับลงทะเบียนแรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางกลับไทย จนถึงวันที่ 2 ส.ค. มีแรงงานไทยลงทะเบียน 97 คน จากทั้งหมด 101 คน ทั้งนี้ก่อนการเดินทางกลับทุกคนต้องตรวจหาเชื้อ ส่วนแรงงานไทยที่ติด ป่วยโควิด-19 ขณะนี้ลดลงเหลือ 16 คน ซึ่งบริษัทฯ จัดดูแลแยกจากแรงงานไทยคนอื่นๆ และจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำด้วย

ทั่วโลกตายจ่อทะลุ 7 แสนศพ

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างแดน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มเป็น 18.2 ล้านคน เสียชีวิต 693,000 คน เข้าใกล้ยอด 700,000 คนไปทุกขณะ โดยที่สหรัฐอเมริกา ยังยืนหนึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแพร่ระบาดของโลกยอดผู้ติดเชื้อในวันเดียวอยู่ที่ 47,508 คน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน ที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 60,000 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯกลายเป็น 4.81 ล้านคน เสียชีวิตรวมมากกว่า 158,000 คน ส่วนนางเดบบราห์ เบิร์กซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายรับมือไวรัสประจำทำเนียบขาว ระบุว่าสหรัฐฯกำลังเผชิญสถานการณ์ใหม่ คือไวรัสแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในพื้นที่ชนบท จากแต่ก่อนที่แพร่เฉพาะในเมืองใหญ่

แฉทหารมะกันในกวมเมินกักตัว

ที่เกาะกวม จุดยุทธศาสตร์ทางการทหารสำคัญของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีรายงานยอดติดเชื้อรวมเพิ่มเป็น 368 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ 49 นาย โดยทางการท้องถิ่นยังเปิดเผยด้วยว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนต่อกรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในฐานทัพอากาศแอนเดอร์สันบนเกาะกวม 35 นาย ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่มีเจ้าหน้าที่บางส่วนละเมิดมาตรการกักบริเวณตัวเอง ออกจากโรงแรมก่อนกำหนด ไปเที่ยวในตัวเมืองจนส่งผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่นโดยเฉพาะร้านอาหารกว่า 30 แห่ง ทั้งนี้ เกาะกวมยังเคยถูกใช้เป็นจุดกักบริเวณของกองทัพเรือสหรัฐฯ หลังเกิดกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน

บังคับสวมกำไลติดตามตัว

ที่สิงคโปร์ รัฐบาลเตรียมบังคับใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเพิ่มเติม โดยตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และต้องไปกักบริเวณตัวเองในที่พักอาศัยที่ไม่ใช่ศูนย์กักกันของทางการ จะต้องสวมกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ตลอดระยะเวลาการกักบริเวณ เพื่อให้ทางการตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่าไม่มีการละเมิดมาตรการกักตัว หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 220,000 บาท และจำคุก 6 เดือน

ปินส์ล็อกใหม่–ไวรัสโผล่ รง.ดานัง

ด้านนายโรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบจำกัดวงในพื้นที่กรุงมะนิลาและ 5 จังหวัดที่มีประชากรหนาแน่น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตามคำเตือนของหน่วยงานสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ที่แสดงความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดรุนแรง ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศพุ่งทะลุ 100,000 คน ไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 2,104 คน ขณะที่เวียดนาม ทางการยืนยันเป็นการระบาดระลอกที่ 3 ของประเทศ ที่เริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน มีผู้ติดเชื้อแล้ว 174 คน เสียชีวิต 6 คน ซึ่งที่เมืองดานังจุดต้นตอยังพบการระบาดใหม่ในโรงงานอุตสาหกรรม 4 แห่ง ที่มีพนักงานรวมกว่า 77,000 คน แต่เบื้องต้นยังตรวจพบผู้ติดเชื้อเพียง 4 คน

ออสซีคุมเข้มหวังสกัดไวรัส

ที่นครเมลเบิร์น จุดศูนย์กลางแพร่ระบาดในรัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 429 คน เสียชีวิตวันเดียว 13 คน ขณะที่ทางท้องถิ่นเริ่มใช้มาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดที่เข้มงวดตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.เป็นต้นไป เช่น มาตรการเคอร์ฟิว ห้าม ประชาชนออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึง 05.00 น. เป็นเวลา 6 สัปดาห์ อนุญาตให้แต่ละครอบครัวออกจากบ้านได้ครั้งละ 1 คน แต่อยู่นอกบ้านได้เพียง 1 ชั่วโมง และห้ามเดินทางห่างจากตัวบ้านเกิน 5 กิโลเมตร โรงเรียนจัดการเรียนการสอนทางออนไลน์เท่านั้น ร้านอาหารให้เฉพาะสั่งกลับบ้าน ร้านค้าที่ไม่ใช่ร้านอาหาร ร้านขายยา ไปรษณีย์ หรือธนาคาร เปิดได้ถึงแค่เวลา 11.59 น. แต่อนุญาตให้ลูกค้ามารับสินค้าที่สั่งล่วงหน้าไว้ได้ ซึ่งทางการประเมินว่าการใช้มาตรการนี้ จะทำให้มีผู้ตกงานกว่า 2.5 แสนคน ทำให้ยอดรวมผู้ตกงานเพิ่มเป็นราว 5 แสนคน

มท.1 อินเดียติดเชื้อหวั่นลามถึงนายกฯ

ส่วนที่อินเดีย กระทรวงสาธารณสุขรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 52,972 คน เสียชีวิตรายใหม่ 771 คน ส่งผลให้ยอดติดเชื้อรวมทั่วประเทศพุ่งไปถึง 1.8 ล้านคน เสียชีวิตรวม 38,201 คน ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายอมิต ชาห์ รมว.มหาดไทย วัย 55 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี หลังตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และกรณีนี้ได้ทำให้เกิดความกังวลว่านายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะได้รับเชื้อไปด้วย เพราะนายชาห์เพิ่งเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีกับนายโมดี ที่ทำเนียบนายกฯ ในกรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา

WHO ชี้อาจไม่มีเพอร์เฟกต์วัคซีน

ต่อมานายเทดรอส อดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์เตือนประชาคมโลกที่กำลังรอวัคซีนป้องกันไวรัสมรณะที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงหรือโควิด-19 ว่าในตอนนี้โลกยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันไวรัสมรณะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือในแง่ร้ายเราอาจจะไม่มีวันครอบครองวัคซีนดังกล่าวเลยก็เป็นได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องพยายามเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส และต่อสู้ด้วยเครื่องมือที่เรามี ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเกเบรเยซุสได้กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ ถือเป็นวิกฤติด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่สุดในรอบศตวรรษ และจะมีผลกระทบตามมาเป็นระยะเวลานานอีกหลายสิบปี