“มจร วัดไร่ขิง” มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี” เกิดขึ้นตามดำริของ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม ที่มองเห็นปัญหาของพระสงฆ์ที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่กรุงเทพฯ

หน่วยวิทยาบริการของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วัดไร่ขิง จ.นครปฐม จึงเริ่มเปิดตัวเพื่อจัดการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษามาตั้งแต่ปี 2552

ต่อมา พระเทพศาสนาภิบาล (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รองเจ้าคณะ จ.นครปฐม ดำเนินการสานต่อและผลักดันจนสามารถตั้งเป็น วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี เมื่อปี 2560 และยังดำรงตำแหน่ง ผอ.วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดีด้วย

พระมหาบุญเลิศ
พระมหาบุญเลิศ

จุดมุ่งเน้นของวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี คือ การเป็นวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่น สนับสนุนและให้โอกาสเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษาได้เข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ 1 โรงเรียน 1 ทุน ให้ทุนเรียนฟรีจนจบระดับปริญญาตรี สอนอาชีพให้กับนิสิตกลุ่มเสี่ยงที่จะออกจากการศึกษา โครงการพี่ช่วยน้อง โดยให้ศิษย์เก่ากลับมาช่วยสนับสนุนการศึกษาศิษย์ปัจจุบัน เป็นต้น

...

พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี บอกว่า ทางวิทยาลัยฯจะให้ความสำคัญกับนิสิตกลุ่มเสี่ยงที่จะหลุดระบบการศึกษามากเป็นพิเศษ โดยจะมีการจับตาดู คอยสอบถาม เพื่อไม่ให้นิสิตกลุ่มนี้ต้องหลุดจากระบบการศึกษาไป และหากพบว่าใครมีแนวโน้มที่จะไม่มาเรียนต่อแล้ว เช่น มีพฤติกรรมขาดเรียนบ่อย แสดงว่าเริ่มมีปัญหาแล้ว และส่วนใหญ่จะไม่ถึงเดือนก็จะหายตัวไปจากวิทยาลัยฯ เราก็จะดึงเด็กกลุ่มนี้มาสอนอาชีพ เพื่อให้มีรายได้ เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ที่เด็กจะออกจากการศึกษาก็คือ ไม่มีทุนทรัพย์ และอยากจะไปช่วยผู้ปกครองทำงานหาเงิน

“ในส่วนของพระนิสิตทางวิทยาลัยฯก็มีโครงการช่วยเหลือพระนิสิตที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เช่นกัน แต่การจะไปให้ฝึกอาชีพทำแบบนิสิตฆราวาสคงไม่ได้ จึงได้มี โครงการให้ผ่อนชำระค่าเทอม โครงการพี่ช่วยน้อง ให้พระนิสิตรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ มีตำแหน่งทางการปกครอง กลับมาช่วยรุ่นน้อง และกำลังมีแนวทางที่จะตั้ง กองทุนช่วยค่าเทอมพระนิสิต และฆราวาสที่ยากจน โดยผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญเพื่อเป็นทุนการศึกษาช่วยนิสิตที่ยากจนได้ที่ ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 984-5-90085-2 ชื่อบัญชี วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี สอบถามโทร.08-6600-3199,0-3432-6912” พระมหาบุญเลิศ กล่าว

นอกจากนี้ วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ยังให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมรองรับสังคมผู้สูงอายุ ด้วยการจัดโครงการ “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัย นักเรียนผู้สูงวัย มจร วัดไร่ขิง” ฝึกอบรมให้กับผู้สูงอายุได้รวมกลุ่มกันทำกิจกรรม อบรมด้านสุขภาพ การเยียวยาใจ ซึ่งผู้สูงอายุที่เข้าร่วมอบรมจนจบหลักสูตรจะได้รับประกาศนียบัตร ทั้งยังจะได้เป็นครูสอนอาชีพให้กับนิสิตอีกด้วย โดยรุ่นแรกมีผู้เข้าเรียนจำนวน 150 คน สามารถเรียนจนจบหลักสูตร 120 คน ไปเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

ในวันเปิด “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัย นักเรียนผู้สูงวัย มจร วัดไร่ขิง” พระเทพศาสนาภิบาล ได้มอบนโยบายว่า การเรียนในลักษณะนี้ต้องเน้นการดูแลสุขภาพกายและใจ สุขกายสบายจิตเป็นสำคัญ มีการตรวจเช็กสุขภาพผู้สูงวัยก่อนเรียนเป็นประจำ และออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนแบบมุ่งเน้นการดึงศักยภาพผู้เรียน คือ ผู้สูงวัย ให้ช่วยเรียนช่วยถ่ายทอดและต่อยอดให้นิสิตนักศึกษาในวิทยาลัยและบุคคลทั่วไปที่สนใจในทุกๆด้านที่ผู้สูงวัยมีความชำนาญ หรือมีประสบการณ์มายาวนานตลอดชีวิต เพื่อเป็นการสร้างกิจกรรมและการสร้างความภาคภูมิใจในการส่งเสริมภูมิปัญญา ผ่านการถ่ายทอดร่วมกันกับเพื่อนๆผู้สูงวัย ผ่านกิจกรรมร่วมกับนิสิตและบุคคลทั่วไป เพื่อนำเสนอข้อมูลแนวทางการสร้างความตระหนักรู้ในการเตรียมตัวด้านสุขภาพ และสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุ ตลอดจนเสนอแนะการปรับเปลี่ยนในเชิงนโยบายด้านการส่งเสริมสุขภาพ การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทย

...

“ทีมข่าวศาสนา” มองว่า “วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี” นับเป็นหนึ่งในสถาบันอุดมศึกษาของไทยที่เห็นความสำคัญของผู้สูงวัย และเปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน ไม่ต้องอยู่บ้านอย่างว้าเหว่ และรู้สึกตัวว่าไร้คุณค่า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง

และอีกสิ่งหนึ่งที่เราขอชื่นชมนโยบายของผู้บริหาร “วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี” ก็คือ การติดตามนิสิตที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา เพราะความยากจน

เพราะหากปล่อยให้นิสิตกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาไปจริงๆ ผลที่จะตามมาแน่นอน คือ ขาดโอกาสที่จะได้มีวุฒิการศึกษาไปประกอบอาชีพหารายได้ช่วยครอบครัวต่อไปในอนาคต

สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาอีก คือ เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา ไม่มีงานทำ จนสุดท้ายอาจมีบางคนหลงเดินทางผิดหันไปประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมายก็เป็นได้

และนั่นย่อมหมายถึงการผลักสังคมไทยสู่ปากเหวไปโดยปริยาย...

...

ทีมข่าวศาสนา