“พลังคนไทย...ไม่ทิ้งกัน” สะท้อนชัดหลังวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ได้ทำให้ผู้คนในโลกของเราได้เจ็บป่วยล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก...ได้มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เราไปทั่วทุกคน...ได้มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ มีการเลิกกิจการของโรงงาน บริษัท ห้างร้าน ฯลฯและ...ได้มีศัพท์ใหม่ในการใช้ชีวิตว่า “ชีวิตวิถีใหม่”หลายหน่วยงานต่างรณรงค์ยื่นมือให้ผู้คนต่างได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรการกุศล บริษัท ห้างร้าน รวมถึง ประชาชนทั่วไปต่างทำกิจกรรมยื่นมือให้ความช่วยเหลือกันทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว จนเกิดเป็นภาพรวมว่า “คนไทยไม่ทิ้งกัน”และอีกบทบาทหนึ่งที่โดดเด่นและมีความสำคัญมากคือ “พระสงฆ์” ที่อยู่ในวัดวาอารามต่างไม่นิ่งดูดายได้ช่วยกันทำกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างน่าอนุโมทนา เราจึงได้พบเห็น “น้ำใจของพระสงฆ์ไทย” ที่ยังเป็น “เนื้อนาบุญของชาวไทยและชาวโลก” กันอยู่ พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก ประธานมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน เจ้าอาวาสวัดบางไส้ไก่ กทม. บอกว่า ในระยะแรกต่างคนต่างหาวิธีเอาตัวรอด เพราะ ไม่รู้ว่าเมื่อใดอันตรายจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือครอบครัวของตนเอง เกิดการประกาศหยุดกิจการตามนโยบายอันเข้มงวดของภาครัฐ ในที่สุดชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า จากพระดำริของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประมุขของคณะสงฆ์ไทยผ่านมหาเถรสมาคม จึงได้เกิดนโยบายให้วัดต่างๆทั่วประเทศตั้งโรงทานผลิตอาหารแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนในหมู่บ้านหรือในชุมชนใกล้วัดตามที่กำลังของแต่ละวัดจะสามารถกระทำได้ จนเกิดการตั้ง “โรงทาน” ขึ้นมาภายในวัดโดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำและชาวบ้านรวมถึงพุทธศาสนิกชนมาเป็นกำลังสมทบช่วยกันผลิตอาหารเพื่อนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นบรรยากาศที่ได้พบเห็นแล้วน่าอนุโมทนาอย่างยิ่งสองเดือนผ่านไปที่ความสุขอันเกิดขึ้นจากการให้และช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็ได้เกิด “ตู้ (พระทำ) นำความสุข” ช่วยเหลือประชาชนติดตามมา กล่าวคือ อาหารแห้ง อาหารสุก รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคที่พระท่านมีอยู่แล้วและร่วมกันบริจาคสมทบซื้อมาใส่ไว้ใน “ตู้พระทำฯ” โดยมาตั้งไว้ภายในวัดบ้าง หน้าวัดบ้างเพื่อให้ประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 มาหยิบไปอุปโภคบริโภคตามความจำเป็นโดยมิได้ระบุว่าจะเป็นบุคคลใด นี่คือภาพแห่งความประทับใจความศรัทธาและคุณค่าของพระสงฆ์ไทยที่ได้มีความห่วงใยประชาชนแล้วรวมเป็น “พลัง” ออกมาช่วยเหลือผู้คนในประเทศของเราอย่างน่าอนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมี...ภาพของผู้รวบรวม ผู้ไปจัดเตรียมจัดซื้อ ภาพของผู้ใช้แรงกายทำอาหารภาพของพื้นที่วัดใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ภาพของประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนหันหน้าเข้ารับความช่วยเหลือจากวัดและพระสงฆ์ไทยนี้ นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ของชาวพุทธ...ชาวโลกที่ได้พบเห็นน้ำใจ “บุคลากรในร่มผ้ากาสาวพัสตร์” ที่ได้กลายเป็นธงชัยแห่งการอยู่รอด การดำรงชีวิตของชาวบ้านและชาวไทย...การให้ความช่วยเหลือประชาชนของพระสงฆ์ในวัดวาอารามต่างๆ อาจจะกลายเป็นข่าวผ่านสื่อสาร มวลชนบ้างและไม่ผ่านสื่อสารมวลชนบ้าง กลายเป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาที่เราได้พบเห็นถึงความห่วงใยซึ่งกันและกัน ดังคำโบราณที่ว่า “วัดพึ่งบ้าน และบ้านก็พึ่งวัด” สังคมไทยจึงอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันจะเป็นกิจกรรมเล็กหรือใหญ่ น้อยหรือมากก็คือการเสียสละที่แท้จริงจาก “เหตุร้าย” ก็กลายเป็น “เหตุดี” จากคงจะย่ำแย่แต่กลับกลายเป็นอยู่ตัว จากคงจะไม่รอดแต่กลับรอดมาจนได้ นี่คือคุณค่าพระสงฆ์ไทยในยามวิกฤติของชาติและสังคม นอกจากนั้นคือการให้ข้อคิดคติเตือนใจการให้ธรรมะเพื่อโน้มน้าวมิใช่ผู้คนคิดสั้นหรือเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียวด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” ก็สามารถฉุดรั้งมิให้เกิดสิ่งที่เลวร้ายได้ดี อีกระดับหนึ่ง รวมถึงพระสงฆ์เองก็รู้จักเอาตัวรอดผ่านพ้นมาได้จากการที่ “อาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด–19” ก็ไม่เกิดขึ้นในวงการพระสงฆ์เองที่มีอยู่สามแสนกว่ารูปทั่วประเทศไทยเราจึงกลายเป็นตัวอย่างที่ดีอีกประการหนึ่ง ส่วนชาวบ้านทั้งประเทศก็เคยติดเชื้อร้ายดังกล่าวมาสามพันกว่าคน ก็ถือว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่ายในสังคมเราทั้งฝ่ายธรรมะ...ฝ่ายโลก ในที่สุดสังคมไทย...ประเทศ ไทยก็กลายเป็น “ตัวอย่างที่ดี” ที่ประสบความสำเร็จในการหยุดยั้งเชื้อไวรัสร้ายจนติดอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว ประเด็นสำคัญน่าสนใจ...บางวัดยังมีความสามารถเปิดรับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยการเปิดวัดให้ประชาชนที่ไม่มีเงิน ไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและมาจุนเจือครอบครัว ได้มาทำงานรับจ้างภายในวัด มีทั้งที่พัก ให้เรียบร้อย มีอาหารทั้งมื้อเช้า กลางวัน...เย็นไว้บริการ รวมถึงมีเงินเป็นค่าตอบแทนแรงงานอีกด้วย จึงเป็นภาพที่น่าอนุโมทนา น่าส่งเสริม น่านำไปเป็น “ตัวอย่างที่ดี”ให้กับวัดอื่นๆที่ต้องการเลียนแบบในสิ่งที่ดีงามในวงการพระพุทธศาสนา แต่วัดเช่นนั้นมิได้ช่วยเพียงทางกายเท่านั้น แต่ช่วยทางใจอีกด้วยโดยการรับผู้คนที่เคยได้รับความลำบากเหล่านั้นมาอยู่ภายในวัดแล้วโน้มน้าวให้มีพฤติกรรมเหมือนคนอยู่วัดคือ...ห่างเหินบุหรี่ สุรา ของมึนเมา การพนัน ซึ่งเป็นอบายมุขที่นำชีวิตให้ตกต่ำตรงกันข้าม...ได้ปรับปรุงตนเองโดยขยันขันแข็งทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับผิดชอบ ไม่เป็นคนสามขี้คือ ขี้เกียจ ขี้ขโมย ขี้เมา เท่านี้ก็อยู่ได้ ...อยู่รอดอย่างแน่นอน นี่คือการใช้ธรรมะตามหลักธรรมคำสอนของพุทธองค์มาประยุกต์ใช้ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้เป็นสังคมแห่งการเอื้ออาทรซึ่งกันและกันได้ การเผยแผ่ธรรมะก็คละเคล้าไปกับการทำกิจกรรมดังที่กล่าวมานี้อย่างได้ผล จึงขอให้ช่วยกันส่งเสริม สนับสนุนให้มีมากขึ้นในหลายวัดต่อไป ตัวอย่างที่ดีได้มีให้เห็นแล้วและมีมานานแล้วหลายวัด ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือ “วัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี” เนื้อนาบุญชาวบ้านอย่างแท้จริง“น้ำใจ” ของประมุขสงฆ์ไทย มหาเถรสมาคมของชาวพุทธ รวมถึง พระสงฆ์ในประเทศไทย การสนับสนุนของชาวพุทธไทยได้กลายเป็นการจุนเจือ...สร้างความศรัทธาให้กับชาวบ้านอย่างมีคุณค่าอเนกอนันต์สุดยากที่จะลืมลงได้ กลายเป็นประวัติศาสตร์ของการเกื้อหนุนกันในยามทุกข์ยาก กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวพุทธและชาวไทยในการใช้ศาสนสถานและศาสนบุคคลช่วยเหลือจุนเจือกัน“ขอให้ทุกท่านได้อนุโมทนาความดีที่เราได้พบเห็น ขอจงชื่นชมขอจงเกิดศรัทธาในพระสงฆ์ไทยและในพระพุทธศาสนากันให้มากกันเถิด สิ่งที่ดีในใจเราก็จะเกิดขึ้น ชีวิตเราก็จะดีขึ้น สังคมเราก็จะมีความสุขมากขึ้น”ทั้งนี้ ล้วนมาจาก “ผ้าเหลือง” นี่เองที่ได้คุ้มครองชาวไทยและชาวพุทธในยุคไวรัสโควิด-19 นี้ มนต์ของพระพุทธองค์ บทบาทให้ความช่วยเหลือชาวบ้านของพระสงฆ์ไทยจึงเป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่งสังคมไทย...ชาติไทยอยู่ได้ด้วยพระศาสนาและรวมถึง “ศาสนาพุทธ”“ความดี” ทุกคนสามารถทำได้ วันไหน เวลาใด สถานที่ใดก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่ต้องรอวันข้างหน้า ไม่ต้องรอชาติหน้า ทำกันวันนี้เลย สิ่งใดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มากหรือน้อย มีคนเห็นหรือไม่มีคนเห็น ขอจงตั้งใจทำกันได้ทันที อย่างน้อยเรารู้ เราเห็น เรามีความสุข นี่คือบุญ นี่คือความสุขนี่คือประโยชน์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราและสังคมไทยเรา“ชาติไทย”...“ประเทศไทย” ยังไม่สิ้นคนดี ขอจงทำความดีกันต่อไปและขอให้มีมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ พระสงฆ์ไทยเป็นผู้นำทางกันแล้ว พระสงฆ์ไทยเป็นแสงสว่างให้กับชาวบ้านและชาวพุทธกันแล้ว ขอจงสานต่อในสิ่งที่ดีเหล่านี้กันเถิด.