วิกฤติพนักงานสอบสวนต้นกระบวนการยุติธรรมที่ถูกลอยแพปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการ “ทุบแท่งความเจริญก้าวหน้า” ในสายงานสอบสวนเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตามด้วยการแต่งตั้งโยกย้าย ผิดฝา-ผิดตัว หยิบบัญชีโยน “ยัดมั่ว” จนสร้างความระส่ำระสาย บางรายเครียดถึงขั้น “ฆ่าตัวตาย”

ลุกลามบานปลายยังแก้ไม่หาย นำไปสู่ประเด็นคาราคาซังเกี่ยวกับการขาดแคลนข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนในยุคปัจจุบันล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีบันทึกข้อความส่วนราชการที่ 0009.232/ว16 ลง 12 มิถุนายน 2563 กระจายถึงผู้บังคับบัญชาระดับชั้นบริหาร เรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพงานสอบสวน

อ้างเหตุผลผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ หรือหน่วยต่างๆ มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่มิใช่งานสอบสวน ทำให้เกิดผลกระทบต่อการบริการประชาชนในการอำนวยความยุติธรรม

ผบ.ตร.ให้ “ยกเลิกคำสั่ง” ที่สั่งการให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนไปปฏิบัติราชการ ใน ตร.และการไปช่วยราชการนอกสังกัด ตร.การไปปฏิบัติราชการ หรือการอนุมัติเดินทางไปปฏิบัติราชการของศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงการไปรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทุกกรณี

เว้นแต่โยกไปทำงานสอบสวนต่างโรงพัก หรืองานสอบสวนอื่น หรือเป็นที่สงสัยว่า ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ กระทำความผิดทางวินัย หรืออยู่ระหว่างต้องหาในคดีอาญา ถูกฟ้องคดีอาญา

ให้ส่งตัวข้าราชการตำรวจกลุ่มดังกล่าวกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งเดิมภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่สั่งการ

หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดระดับ บก.ต้องติดตามกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งเดิมทุกราย

...

ตามเส้นตายที่เหลือแค่ 2 วัน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ห้ามมิให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจทุกระดับชั้นสั่งให้ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านสอบสวนไปปฏิบัติราชการตามสังกัดอื่นดังกล่าวด้วย

เป็นคำขาดของ ผบ.ตร.ขอแก้วิกฤติร้อนที่เรื้อรังมานานหลายปี.

สหบาท