นายปีเตอร์ เอ. มัลนัค ผอ.องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา หรือยูเอสเอด (USAID) สำนักงานภาคพื้นเอเชีย เปิดเผยว่า ยูเอสเอดได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 700,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 22.3 ล้านบาทให้แก่ยูนิเซฟ เพื่อใช้ดำเนินงานรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชากรกลุ่มเปราะบางที่สุดในประเทศไทย เช่น กลุ่มรายได้น้อย แรงงานข้ามชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการทางสาธารณสุขที่จำเป็น รวมถึงด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชนที่ต้องหยุดชะงัก ทั้งนี้ ยูเอสเอดพร้อมร่วมมือกับยูนิเซฟและรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีต่อชุมชนที่เปราะบางที่สุดทั่วประเทศไทย และยังได้สนับสนุนยูนิเซฟในการพัฒนาช่องทางการให้บริการต่างๆ เช่น สายด่วนบริการสังคมและสุขภาพจิต ให้สามารถรองรับความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการปรับปรุงระบบคุ้มครองเด็กในชุมชน ทั้งในด้านการเฝ้าระวังสถานการณ์ การรายงาน และส่งต่อเมื่อเกิดเหตุรุนแรงต่อเด็ก การล่วงละเมิด การถูกทอดทิ้ง และการแสวงประโยชน์จากเด็ก ซึ่งอาจมีแนวโน้มสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ด้านนายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า เงินสนับสนุนจากยูเอสเอดจะช่วยให้ยูนิเซฟเข้าถึงเด็กและครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือที่สุดได้มากขึ้น โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ องค์กรภาคประชาสังคม หน่วยงานต่างๆของสหประชาชาติและรัฐบาลไทย เพื่อประสานความช่วยเหลือเด็กๆ และครอบครัวในชุมชนแรงงานข้ามชาติ หรือกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมและทันท่วงที ยูนิเซฟยังได้ร่วมกับองค์กรพันธมิตร เช่น มูลนิธิรักษ์ไทย และมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขภาพและแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยแก่ประชากรข้ามชาติและกลุ่มชาติพันธุ์ราว 120,000 คน ใน 22 จังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมชุดข้อมูลในภาษาพม่า ภาษาเขมร และภาษาลาว ตลอดจนให้คำแนะนำด้านวิธีดูแลสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตแก่พ่อแม่และผู้ปกครองในชุมชนเหล่านี้ จัดอบรมเยาวชนข้ามชาติให้สามารถเป็นแกนนำสนับสนุนการป้องกันโรคโควิด-19 และป้องกันการตีตราแบ่งแยกในชุมชนข้ามชาติ จัดตั้งกองทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยให้เยาวชนให้เรียนรู้และพัฒนาทักษะได้อย่างต่อเนื่อง

...

ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานเพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 ที่มีต่อเด็กและครอบครัวทั่วประเทศในครั้งนี้ มีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผ่านการพัฒนาบริการด้านสาธารณสุขและการศึกษา อาทิ การจัดส่งเครื่องมือวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดให้ศูนย์ต่างๆ กว่า 3,000 แห่ง เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานสงเคราะห์เด็ก และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ.