เป็นอีกคดี พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาขบวนค้าหน้ากากอนามัยออนไลน์เกินราคา มูลค่าเสียหายกว่า 1.7 ล้านบาท

ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.1 บช.สตม. สืบทราบว่า มีกลุ่มชาวต่างชาติใช้แอปพลิเคชันวีแชท ใช้ชื่อผู้ใช้ “หวางต้า Amazing Tom Cafe” เปิดเป็นกลุ่มเพื่อประกาศขายหน้ากากอนามัยให้กับคนไทยและชาวต่างชาติ

ขายไม่จำกัดจำนวน

เจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน จำนวน 5,000 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 15 บาท ราคารวม 75,000 บาท นัดหมายรับของกลาง “หน้ากากอนามัย” ที่ลานจอดรถโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านหลักสี่

เมื่อถึงเวลานัดหมายส่งของกัน พบผู้ต้องหาขับรถยนต์พร้อมของกลาง หน้ากากอนามัยจำนวน 5 ลัง มาให้ชุดจับกุมเข้าตรวจค้นและจับกุม

ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ใช้ชื่อ หวางต้า Amazing Tom Cafe เป็นชื่อที่ใช้ในการขายหน้ากากอนามัยในโปรแกรมวีแชท สาเหตุที่โพสต์ผ่านโปรแกรมวีแชท เพราะตัวเองมีความสามารถพูดภาษาจีนได้

เป้าหมายมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจนอกเหนือจากลูกค้าชาวไทย

เจ้าหน้าที่ขยายผลจนทราบว่า การซื้อขายแต่ละครั้งจะมีผู้หญิงอีกคนมาเป็นนายทุน

เจ้าหน้าที่ได้ไปเชิญตัวนายทุนมาสอบสวน ให้การว่า มีหน้าที่เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินในการซื้อขายสินค้าทุกครั้ง โดยใช้บัญชีชื่อของนักธุรกิจชาวบังกลาเทศในการโอนเงิน

จะได้รับส่วนแบ่งขายสินค้า

ชุดจับกุมแจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า” ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่ง สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดี

...

ตรวจสอบการโอนเงินของบัญชีผู้ต้องสงสัยในรอบ 7 วัน มีมูลค่า การหมุนเวียนทางการเงินจากการขายหน้ากากอนามัยเกินกว่า 1.7 ล้านบาท

พล.ต.ท.สมพงษ์ยืนยันจะสอบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีก

“สำหรับหน้ากากอนามัยที่ตรวจยึดจากการจับกุมมาได้ทั้งหมด เป็นของกลางที่มีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่สามารถที่จะนำออกมาใช้ในภาวะที่ประชาชนต้องการเป็นอย่างมาก” ผบช.สตม.ย้ำ

บางส่วนพฤติกรรมชั่วๆของคนคิดฉวยโอกาสเหตุโรคระบาดไวรัส โควิด-19 มากักตุน ขายเกินราคา

ทำกำไรหารายได้เข้าตัว.

“เพลิงพยัคฆ์”