นานาชาติสะดุ้งหวั่นเกิดการระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ปริศนา จากเมืองอู่ฮั่น หลังจีนพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน แต่ผู้ป่วยเสียชีวิตยังอยู่ที่ 2 ราย ขณะที่นักวิจัยแดนผู้ดียันอาจมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา เกือบ 1,700 ราย ไม่ใช่ 45 ราย ตามที่จีนแถลง ด้านรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกต่างเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบคนเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นอย่างเข้มงวด หวั่นเชื้อไวรัสแพร่กระจายกว้างขวางในช่วงเทศกาลตรุษจีนสัปดาห์หน้า ด้าน สธ.รอผลตรวจเชื้อผู้ป่วยชายไทย วัย 70 ปี ชาวนครปฐม ยังไม่เคาะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ส่วนผู้ป่วยเฝ้าระวังมี 24 ราย รักษาอาการดีขึ้นกลับบ้านแล้ว 15 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์เฝ้า ระวังภัยระบาดของไวรัสโคโรนา เชื้อไวรัสสายพันธุ์ลึกลับ ต้นเหตุของอาการป่วยระบบทางเดินหายใจและโรคปอด ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไวรัสตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส (Sars)--Severe Acute Respiration Syndrome หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเมื่อช่วงปี 2545 มากราว 744 ราย ป่วยอีกราว 8,098 ราย มีต้นตอแพร่ระบาดมาจากจีน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 18 ม.ค.มีรายงานว่า ทางการจีนยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มอีก 4 ราย รวมพบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 50 ราย รวมถึงผู้ป่วย 2 รายในเมืองไทยและที่ญี่ปุ่นอีก 1 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในจีนยังคงอยู่ที่ 2 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 69 ปี อยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ล้มป่วยตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา และเสียชีวิตเมื่อวันพุธที่ 15 ม.ค.2563 ผู้เสียชีวิตและติดเชื้อไวรัสทั้งหมดเกี่ยวข้องกับพื้นที่อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน โดยพบเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา

...

แถลงการณ์จากทางการท้องถิ่นเมืองอู่ฮั่นระบุ ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาล่าสุดทั้ง 4 ราย มีอาการเกี่ยวกับโรคปอดและอาการป่วยทรงตัว ถือเป็นการพบผู้ป่วยครั้งแรกในรอบเกือบ 1 สัปดาห์หลังจากผู้ป่วยโรคนี้ในจีนเสียชีวิตรายที่ 2 อย่างไรก็ตาม หน่วยงานสาธารณสุขของจีน ระบุไวรัสโคโรนาไม่ได้อันตรายร้ายแรงเหมือนไวรัสโรคซาร์ส แต่ยอมรับว่าทางการจีนยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนานี้มากนัก รวมทั้งไม่รู้ต้นกำเนิดที่แท้จริงและการติดต่อของเชื้อไวรัสชนิดนี้ส่งต่อผ่านจากคนสู่คนได้หรือไม่ เพียงแต่สงสัยว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้อาจมาจากตลาดขายอาหารทะเล ในเมืองอู่ฮั่น แต่ยังไม่พบหลักฐานยืนยันชัดเจน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก ต่างเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบนักเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นอย่างเข้มงวด ไล่ตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐ-อเมริกาสั่งเพิ่มการตรวจตราคนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ 3 แห่งคือ นครซานฟรานซิสโก และนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย กับสนามบินเคนเนดี เขตมหานครนิวยอร์ก เช่นเดียวกับสนามบินสิงคโปร์ สนามบินฮ่องกง สนามบินมาเลเซีย สนามบินเกาหลีใต้ สนามบิน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รวมถึงสนามบินญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ส่วนสนามบินนานาชาติเมืองอู่ฮั่น มีการตรวจสอบผู้โดยสารเดินทางเข้าออกด้วย โดยสนามบินแห่งนี้รองรับนักเดินทางเฉลี่ยปีละราว 19 ล้านคน แต่จำนวนนักเดินทางเข้าออกนอกประเทศมีเฉลี่ยวันละราว 3,400 คน

ด้านสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ รายงานอ้างการสัมภาษณ์ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กุสัน นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์วิเคราะห์โรคติดเชื้อเอ็มอาร์ซี ที่อิมพิเรียล คอลเลจ ในกรุงลอนดอน ระบุถึงจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในประเทศจีนเวลานี้อาจมากถึงเกือบ 1,700 ราย ไม่ใช่ 45 ราย ตามที่ทางการจีนแถลง ทั้งคาดว่าสถานการณ์แพร่กระจายของไวรัสชนิดนี้อาจกว้างขวางมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. และชาวจีน ทั้งประเทศมากราว 1,400 ล้านคน ส่วนใหญ่จะเดินทางไปมาทั้งในและต่างประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว

สำหรับการเฝ้าระวังในไทย วันเดียวกัน นพ. สุวรรณชัย วรรณนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการดูแลผู้ป่วยปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนว่า ขณะนี้ประเทศไทยตรวจยืนยันว่าป่วยแล้ว 2 ราย เป็นชาวจีน 1 ราย ส่วนชายไทยวัย 70 ปี ที่เฝ้าระวังอยู่ที่จังหวัดนครปฐม หลังเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการ ตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (แล็บ) ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ขอย้ำว่าเราไม่ได้ปิดบังข้อมูล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ข้อมูลสะสมเคสเฝ้าระวังในประเทศไทย มีทั้งสิ้น 24 ราย ในจำนวนนี้มี 15 รายที่รักษาอาการดีขึ้นกลับบ้านแล้ว เหลือ 9 ราย ซึ่งบางรายหายแล้ว แต่ยังให้อยู่โรงพยาบาลเพื่อตรวจให้ชัดเจนจนมั่นใจว่าป่วยจากเชื้อ ไม่ว่าจะตัวไหนก็ตาม ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพอตรวจเชื้อแล้วก็พบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ สายพันธุ์บี เป็นต้น

นพ.สุวรรณชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ในประเทศจีนอาจจะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มากกว่า 1 พันรายนั้น อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนามีหลายตัว ตัวที่รุนแรงคือเมอร์ส และซาร์ส นอกนั้นบางตัวก็ทำให้อาการรุนแรงได้ บางตัวก็ไม่รุนแรง อย่าลืมว่าการจะนับจำนวนเคสได้คือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้นหากไม่ป่วยมากก็ไม่มาโรงพยาบาลเลยไม่ได้มีการรายงานเข้าระบบ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และไทยตรวจพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ทำให้หลายๆประเทศที่มีเคสเฝ้าระวังอยู่มีความตื่นตัว มีการตรวจยืนยันเชื้อมากขึ้น และมีหลายประเทศที่มีเคสเฝ้าระวังประสานขอข้อมูลมายังประเทศไทย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และองค์กรระหว่างประเทศ

...

“ตอนนี้ที่จีนพบรายงานเสียชีวิต 2 ราย ทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ส่วนผู้ป่วยที่อยู่ที่ไทย 2 รายที่เจอเป็นผู้สูงอายุเช่นกัน แต่คนอายุน้อย ร่างกายแข็งแรงก็ติดได้แต่อาจจะไม่รุนแรง แต่ก็ยังไม่ใช่ข้อสรุป เพราะข้อมูลยังน้อย ต้องรอสักระยะจะเกิดการเรียนรู้ทั้งโลก แต่ไทยต้องยกระดับการป้องกันสูงสุดเอาไว้ก่อน ทำเชิงรุกเต็มที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนไทยโดยรวม รวมถึงนักท่องเที่ยว ไว้ก่อน แม้จะทำให้การเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นสะดวกน้อยลงไปหน่อย แต่เป็นไปตามมาตรฐานสากล” นพ.สุวรรณชัยกล่าว